ย้อนรอยความสำเร็จ ของคนไทยในเทศกาลหนังเมืองคานส์ที่คุณอาจไม่เคยรู้

Wording: Afdon Salae

แม้เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival) จะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่ความภาคภูมิใจของคนไทยยังคงอบอวลอยู่เสมอ เพราะพรมแดงที่ครั้งหนึ่งเคยสงวนไว้ให้ชาวต่างชาติ ตอนนี้เราได้เห็นคนไทยกลายเป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่นั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี

แน่นอนว่าสำหรับหลายคน การเห็นคนไทยปรากฏตัวบนพรมแดงคานส์อาจไม่ใช่เรื่องที่ต้องตื่นเต้นจนเกินเหตุอีกต่อไป เพราะมันได้กลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว แต่หากย้อนดูให้ลึกกว่าเดรสยาวกรอมพื้นหรือชุดทักซิโด้หรูหรา คุณจะพบว่าทุกความสำเร็จมีจุดเริ่มต้น และ ELLE Men ขอพาผู้อ่านทุกท่านย้อนกลับไป ดูต้นทางความรุ่งเรืองของคนไทยบนพรมแดง ที่มาวันนี้เราภูมิใจได้อย่างเต็มเปี่ยมว่าคานส์ก็มีไทยอยู่ในนั้น

จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ไทยในเทศกาลหนังเมืองคานส์

หากพูดถึงจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ไทยบนเวทีคานส์ ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2543 กับภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท ผลงานการกำกับลำดับที่ 23 ของ ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล ซึ่งได้เข้าฉายในฐานะ “หนังจากตะวันออก” แม้จะไม่ได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ แต่ก็นับเป็นการวางหมุดแรกของประเทศไทยบนเวทีโลก

อย่างไรก็ตาม ชื่อที่ทำให้โลกหันมามองหนังไทยอย่างจริงจังคือ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับสายทดลองที่นำพาภาพยนตร์ไทยไปเฉิดฉายในคานส์หลายครั้ง ตั้งแต่ Tropical Malady (2004) ที่คว้ารางวัล Jury Prize ไปจนถึง Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives (2010) ที่ได้รับรางวัลสูงสุดของเทศกาลอย่าง Palme d’Or

ที่มา : Getty Images

เจ้ย อภิชาติพงศ์ เเละภาพยนต์สุริโยไทย จึงไม่ได้เพียงแค่เป็นการนำเสนอภาพยนตร์ แต่คือการแปลงความเป็นไทยให้อยู่ในภาษาภาพยนตร์ที่ทั่วโลกเข้าใจ

ที่มา : Thai.ac

นักแสดงไทยคนแรกบนพรมแดงคานส์

แม้ภาพยนตร์จะเป็นตัวชูโรง แต่นักแสดงคือหัวใจของการสื่อสาร คนไทยคู่แรกที่ได้เดินบนพรมแดงคานส์ในฐานะนักแสดงจากภาพยนตร์ที่ฉายจริงในเทศกาลคือ กิ๊บซี่ วนิดา เติมธนาภรณ์ และ นพชัย ชัยนาม จากภาพยนตร์เรื่อง นางไม้ (2009) ของผู้กำกับ เป็นเอก รัตนเรือง หนังเรื่องนี้ได้รับเลือกให้ฉายในสาย Un Certain Regard การปรากฏตัวของพวกเขาไม่ใช่แค่การเดินแฟชั่น แต่เป็นการสะท้อนภาพใหม่ของคนไทยในฐานะส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวสู่โลก

ที่มา : Getty Images

ชมพู่ อารยา กับนิยามใหม่แห่งการปรากฏตัวบนพรมแดงคานส์

เมื่อพูดถึงคานส์ หลายคนมักนึกถึงเดรสมากกว่าภาพยนตร์ และปฏิเสธไม่ได้ว่า ชมพู่ อารยา คือผู้บุกเบิกการปรากฏตัวของคนไทยบนพรมแดงคานส์ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ L’Oréal Thailand ตั้งแต่ปี 2013 และปรากฏตัวมาแล้วกว่า 9 ครั้ง ทำให้ชื่อของเธอกลายเป็นลิสต์ประจำคานส์ ที่ทุกสำนักแฟชั่นต้องจับตามอง

ชมพู่ อารยา สร้างสรรค์ลุคที่เป็นที่จดจำมากมายไม่ว่าจะ ชุดเดรสสีเหลืองฟูฟ่องจาก Giambattista Valli ในปี 2017 ชุดเดรสสีแดงเพลิงจาก Zuhair Murad ในปี 2018 หรือ ชุดล่าสุดจากแบรนด์ไทยอย่าง SIRIVANNARI ในปี 2025 เป็นต้น จึงเรียกได้ว่าชมพู่ได้สร้างนิมิตหมายใหม่ พร้อมกับปูทางคนไทยในบทบาทที่หลากหลายขึ้นบนพรหมแดง

ที่มา : Getty Images 
ที่มา : Getty Images 
ที่มา : Getty Images 

แบรนด์ไทยผงาดบนเวทีโลก

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ไทยที่ได้ไปปรากฏตัวบนเวทีคานส์และสร้างเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยคือ VATANIKA ซึ่งออกแบบชุดให้กับ ญาญ่าหญิง ในปี 2013 ภายใต้ชุดเกาะอกสุดเก๋ที่มาพร้อมกับกางเกงขายาว นับว่าเป็นความเรียบหรูที่สื่อแฟชั่นต่างให้ความสนใจเเละร่วมใจกันกดคะเเนน

โดยการที่แบรนด์ไทยสามารถเฉิดฉายท่ามกลางแบรนด์แฟชั่นระดับโอต์กูตูร์จากทั่วโลก ไม่ใช่เพียงเรื่องของฝีมือการตัดเย็บเท่านั้น แต่มันคือการสื่อสารวัฒนธรรมผ่านดีไซน์ที่แสดงออกถึงความเป็นไทยร่วมสมัยได้อย่างสง่างาม นับจากนั้นคานส์จึงไม่ใช่เวทีของโลกตะวันตกอย่างที่เคยเป็นมา แต่มันกลายเป็นพื้นที่ที่แบรนด์ไทยสามารถยืนได้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยไม่ต้องลดทอนตัวตน

ที่มา : Getty Images 

มิติใหม่บนพรมแดง: ฟรีน-เบ็คกี้ กับ Girl Love สู่สายตาโลก

อีกหนึ่งก้าวสำคัญบนพรมแดงคานส์ในปี 2024 คือการปรากฏตัวของสองนักแสดงสาว ฟรีน สโรชา และ เบ็คกี้ รีเบคก้า ในฐานะตัวแทนของนักเเสดง Girl Love (GL) จากประเทศไทย ที่สร้างชื่อในซีรี่ส์ดังอย่าง ทฤษฎีสีชมพู ซึ่งเป็นการเปิดมิติใหม่ของการนำเสนอความหลากหลายผ่านอุตสาหกรรมบันเทิงไทย

โดยทั้งสองได้ปรากฎตัวในชุดราตรีจากเเบรนด์ Eman Al Ajlan ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจนสร้างมูลค่าทางสื่อมหาศาล (มีรายงานว่าสร้างมูลค่าทางสื่อถึง 172 ล้านบาท) นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตของเนื้อหา Girl Love และการยอมรับจากเวทีระดับโลก

การที่ฟรีนและเบ็คกี้ได้นำเสนอภาพลักษณ์ของนักแสดง Girl Love จากประเทศไทย บนพรมแดงคานส์ยิ่งตอกย้ำว่าอุตสาหกรรมบันเทิงไทยมีความก้าวหน้าและเปิดกว้างในการนำเสนอเรื่องราวที่หลากหลายสู่สายตาชาวโลก และแสดงให้เห็นว่าพลังของแฟนคลับและความสำเร็จของซีรีส์ GL ได้ส่งผลให้เกิดการยอมรับในระดับสากลอย่างแท้จริง

ดังนั้น ความสำเร็จของไทยบนพรมแดงคานส์จึงมิได้เป็นเพียงโชคชะตา แต่ถักทอขึ้นจากการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ การกล้าที่จะแสดงออกถึงแก่นแท้ของความเป็นไทย และความมุ่งมั่นที่ไม่ย่อท้อในทุกมิติ จนสามารถเปล่งประกายเจิดจรัสให้โลกได้ประจักษ์ถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของคนไทยอย่างแท้จริง

Similar Articles

More