ทำความรู้จัก ‘Pride Month’ เดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลก

เชื่อว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้หลายๆ คนคงจะเห็นสัญลักษณ์ ‘สายรุ้ง’ หรือ ‘สีรุ้ง’ กันมากมายตลอดทั้งเดือน อย่างที่หลายๆ คนอาจจะพอรู้กันว่าเดือนนี้คือเดือน ‘Pride Month’ หรือเดือนแห่งการอุทิศและเฉลิมฉลองให้กับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQIA+ นั่นเอง แต่ว่าเหตุใดเดือนมิถุนายนนี้ถึงได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของคอมมูนิตี้แห่งความหลากหลายนี้ วันนี้ ELLE MEN Thailand มีคำตอบมาให้ชาวแอลเมนเรียบร้อยแล้ว

‘Pride Month’ เดือนที่สายรุ้งสาดส่องไปทุกมิติ

เข้าเรื่องกันเลย Pride Month เป็นเดือนที่อุทิศให้กับการยกระดับและเป็นกระบอกเสียงให้กับ LGBTQIA+ อีกทั้งยังเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมและสนับสนุนสิทธิของชุมชนแห่งความหลากหลายทางเพศตลอดทั้งเดือนมิถุนายนของทุกปี ดังนั้นทั่วทุกมุมโลกเราจะเห็นขบวนพาเหรด การชุมชนุม การแสดง Drag (แดร็ก) และการแสดงหลากแขนงของ LGBTQIA+ นอกจากนั้นยังมีการระลึกถึงการเสียชีวิตด้วยโลกเอดส์จากเชื้อ HIV ที่คร่าชีวิตชาว LGBTQIA+ ไปอย่างมากมาย

Pride Month ยังเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพให้กับคอมมูนิตี้ซึ่งตลอดเดือน Prdie Month มีกิจกรรมมากมายที่ได้รับความนิยมจากทุกเพศ ทุกเชื้อชาติ ทุกสีผิว ทั่วโลก และประสบความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่าน

‘Pride Month’ เดือนแห่งการเรียกร้องความเท่าเทียมของ LGBTQIA+

เดือนมิถุนายนกลายเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของคอมมูนิตี้ LGBTQIA+ หรือในชื่อ Pride Month ที่เราคงจะชินหูกันมากกว่า สาเหุตที่เดือนนี้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียกร้องรวมถึงการแสดงอัตลักษณ์ของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ นั่นก็เป็นเพราะว่าประธานาธิบดี ‘Bill Clinton’ (บิล คลินตัน) ได้กำหนดให้เดือนมิถุนายนกลายเป็นเดือนแห่งความภาพคภูมิใจของเกย์ (Gay) และเลสเบี้ยน (Lesbian) เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1999

และต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปการรับรู้ถึงอัตลักษณ์ของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศนั้นมากขึ้น ทำให้ในรัฐบาลของ ‘Barack Obama’ (บารัค โอบามา) ได้ประกาศให้เดือนมิถุนายนนั้นเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของเลสเบี้ยน, เกย์, รวมถึงไบเซ็กชวล (Bisexsual) และคนข้ามเพศ (Transgender) ในปี 2009 ปีแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา ตามรายงานจากหอสมุดแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาอย่าง ‘Libary of Congress’

ถึงแม้ระยะเวลาจะผ่านไปแล้วกว่า 14 ปีแต่ว่าคอมมูนิตี้ทั่วโลกนั้นยังคงต้องต่อสู้กับการกดทับและไม่เท่าเทียมมากมาย โดยเฉพาะในเชิงนิติบัญญัติที่กลุ่ม LGBTQIA+ ยังไม่ได้รับความเท่าเทียมเท่าที่ควรในทั่วทุกมุมโลก ยกตัวอย่างเช่นในสหรัฐฯ ประเทศที่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของ Pride Month ยังมีกฎหมายร่วม 500 ฉบับที่ต่อต้าน LGBTQIA+ กิจกรรมภายในเดือนแห่งความภาคภูมิใจนี้จึงจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อต่อสู้กับการกดทับและความไม่เท่าเทียมทางเพศเหล่านั้น!

ต้นกำเนิด ‘Pride Month’

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม Pride Month ถึงถูกจัดขึ้นภายในเดือนมิถุนายนของทุกปี? นั่นเป็นเพราะว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่เหล่า LGBTQIA+ ออกมาเคลื่อนไหวในมูฟเมนต์ ‘Gay Liberation Movement’ หรือ ‘เหตุจลาจลสโตนวอลล์’ อีกชื่อนึงที่หลายคนอาจรู้จักกันดี โดยในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1969 ตำรวจนิวยอร์กได้บุกค้นบาร์เกย์ชื่อดังอย่าง The Stonewall Inn ในย่าน West Village มหานครนิวยอร์ก

การบุกค้นของตำรวจในบาร์เกย์นั้นเป็นเรื่องปกติในช่วงเวลานั้น แต่ในวันที่ 28 มิถุนายน 1969 ลูกค้าชาว LGBTQIA+ ได้ต่อสู้กำตำรวจ จนเกิดกลายเป็นจลาจลซึ่งกินระยะเวลาไปหลายวัน จนเป็นที่มาของชื่อเหตุจลาจลสโตนวอลล์ จนในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1970 หรือหนึ่งปีถัดมา ก็เกิดขบวน Pride Parade ครั้งแรกเพื่อระลึกถึงการต่อสู้ถึงสิทธิในครั้งนั้น ณ บาร์เกย์ The Stonewall Inn จนกลายเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลกและในไทยที่เพิ่งเดินไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2566

การต่อสู้ของ LGBTQIA+ สู่กฎหมาย ‘สมรสเท่าเทียม’ ในไทย

ตอนนี้หลายๆ คนอาจยังไม่รู้ว่าในประเทศไทยกฎหมาย สมรสเท่าเทียม นั้นผ่านร่าง พ.ร.บ. แล้ว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของชุมชน LGBTQIA+ รวมไปถึงคนนอกคอมมูนิตี้ที่จะสามารถ สมรสกันได้ทุกเพศ อย่างเท่าเทียม โดยสาระสำคัญของสมรสเท่าเทียมนั้นก็คือทุกคนสามารถสมรสกันได้ โดยต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และจะมีสถานะเป็น ‘คู่สมรส’ แทนคำว่า ‘สามีภริยา’ เรียกได้ว่าการที่สภาฯ ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมในครั้งนี้ เป็นเรื่องจุดเริ่มต้นที่น่ายินดีที่จะสร้างความเท่าเทียมทางกฎหมายให้เกิดขึ้นกับประชาชนทุกเพศ

Similar Articles

More