เมื่อวานนี้มีข่าวน่าสนใจในโลกแฟชั่น … Louis Vuitton ทำเซอร์ไพรส์! ชวนให้ Colm Dillane แห่งแบรนด์สุดคูล ‘KidSuper’ เจ้าของ Karl Lagerfeld Fashion Prize ในปี 2021 รางวัลที่มอบแก่นักออกแบบหน้าใหม่ที่ ‘ต้องจับตา’ มาเป็นดีไซเนอร์รับเชิญลำดับแรก และจะแสดงผลงานร่วมกับทีมสร้างสรรค์ประจำเมซง โดยเราจะได้ยลโฉมผลงานของโคล์มสำหรับ Louis Vuitton Men ในวันที่ 19 มกราคม ช่วงสัปดาห์แฟชั่นชายของกรุงปารีส ฤดูกาล Fall/Winter 2023 แต่ในเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ว่าก็คาบเกี่ยวกับอีกเรื่องชวนประหลาดใจด้วยเช่นกัน นั่นคือเป็นการหักปากกาเหล่าเซียนที่ต่างมั่นใจว่าทาง Louis Vuitton จะประกาศรายชื่อผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์คนใหม่ที่จะมาแทน Virgil Abloh ก่อนฤดูกาลนี้จะเริ่มขึ้น หรือการเชิญนักออกแบบมาร่วมสร้างสีสันเป็นการส่งสัญญาณว่าจะใช้วิธีคอลลาบอเรชั่นไปจนกว่าจะเจอผู้ที่คู่ควร … ว่าแต่ !?! ทำไมจึงยังไม่มีใครสามารถมาแทนที่ เวอร์จิล แอบโลห์ เจ้าของสมญานาม The Pope of Gen-Z เขาพิเศษชนิดที่หาใครมาแทนได้ยากขนาดนั้นเชียวหรือ? … ELLE Men ชวนแฟนคลับตัวยงของ มิสเตอร์ แอบโลห์ และผู้ที่เคยร่วมงานกับแบรนด์ของเขามาร่วมสนทนาประเด็นน่าสนใจ
“การมาของเวอร์จิลที่ Louis Vuitton คือการเชื่อมโยงยุคสมัยที่ชัดเจนมาก เพราะภาษาและวิธีสื่อสารของเขาเข้าใจได้ง่าย และยังสร้างความรู้สึกร่วมได้ดี เช่น หลักการ Readymade ใช้การออกแบบจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว จับองค์ประกอบต่างๆมา เพิ่มเส้น เติมสี แต่งแต้มกิมมิค สร้างเป็นภาษาของตัวเอง สิ่งที่เขาทำล้วนเชื่อมโยงกับผู้คน” จิว-สรวิศ พันธ์เกษม อดีตแบรนด์เมเนเจอร์และบายเออร์ Off-White™ ประเทศไทย (2017-2019) ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นใหญ่ว่าทำไม ‘เวอร์จิล แอบโลห์’ จึงเป็นนักออกแบบที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน … เขาทำให้คอลเล็กชั่นบุรุษของ Louis Vuitton ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่เมซงอายุ 169 ปีหลังนี้ เปิดตัวคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูปในปี 1998 “เรื่องความสำเร็จด้านยอดขายต้องยกให้ไอเดียแบบ Tourist vs Purist หรือการหาจุดเชื่อมระหว่างผู้ที่ใฝ่รู้ มีอารมณ์ร่วมต่อการอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และผู้ที่เข้าใจในสิ่งต่างๆ อย่างลึกซึ้ง ซึ่งในที่นี้คือ Customer / User vs Producer / Desinger ไอเดียเหล่านี้สร้างอิมแพคได้ไว โดนใจคนเป็นวงกว้าง แถมยังสร้างฐานแฟนคลับไปทั่วโลก พอมาทำที่ Louis Vuitton จึงไม่จำเป็นพิสูจน์ตัวเองเรื่องการออกแบบ ‘ของขาย’ ที่สามารถ ‘ขายได้’ เพราะนอกจากกระแสหนุนนักออกแบบคนดำที่มาแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้ว ยังมีกลุ่มแฟนคลับจาก Off-White™ ที่โตขึ้น (หรือต้องการจะโต) และฐานลูกค้าของ LV ที่กำลังรอสิ่งใหม่ๆ มีกำลังซื้อ และพร้อมทุ่มไม่อั้น”
และเมื่อเราถามเกี่ยวกับความคิดเห็นว่าอะไรที่ทำให้ Louis Vuitton ยังไม่สามารถหานักออกแบบรายใหม่มาแทนที่เขาได้เสียที จิวให้มุมมองน่าสนใจในประเด็นนี้ว่า “ภาษาและการสื่อสารของเวอร์จิลชัดเจน และเชื่อมโยงกับยุคสมัย มันเลยสร้างอารมณ์ร่วมไปกับผู้คน ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพล ถ้านับเวลาตั้งแต่ทำ RSVP Gallery (ปี 2009) Louis Vuitton (ปี 2018) จนเสียชีวิต (ปี 2021) มันคือช่วงที่แอคทีฟ และย้ำถึงภาษา (การออกแบบ) ของเขาให้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยไปโดยปริยาย การเสียชีวิตของดีไซเนอร์รายนี้ ขณะที่เขากำลังอยู่ในจุดพีคที่สุด ทั้ง Louis Vuitton และ Off-White ก็เหมือนคนที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง แล้วต้องหยุดกระทันหัน ถ้ารีบหาคนใหม่มารับช่วงต่อแล้วดันผิดจังหวะ ก็อาจเกิดเป็นกระแสตีกลับชนิดได้ไม่คุ้มเสีย เพราะฉะนั้นทั้ง 2 แบรนด์จึงต้องมีช่วงเวลา ‘Cool Down’ ที่ค่อนข้างจะต้องใช้เวลา เพื่อให้ตลาดและกลุ่มลูกค้าค่อยๆ ปรับตัว รอการเปิดรับทิศทางใหม่ ส่วนสิ่งที่อยากเห็นใน LV ยุคต่อไป ถ้าในระดับองค์กรคงเป็นการสานต่อแนวคิดที่เวอร์จิลได้เริ่มไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหลากหลาย การหลอมรวมเชื้อชาติ และการดำรงค์อยู่ร่วมกันของทั้งวัฒนธรรมหลักและวัฒนธรรมย่อย หรือการเชื่อมั่นในการเติบโตและส่งมอบโลกให้แก่เด็กยุคใหม่ ที่ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบและจิตสำนึกของผู้ใหญ่ ในส่วนของงานออกแบบคิดว่าอาจจะไม่กลับไปใช้ไอเดีย Fine Art / Fine Architect แบบที่เขาชื่นชอบ แต่น่าจะมองไปถึงสิ่งที่จะขยายฐานแฟนคลับไปยังคนกลุ่มใหม่ๆ ที่อาจจะเด็กลง อย่างที่ล่าสุดให้ Hyein สมาชิกวง NewJeans มาเป็น Global Brand Ambassador ซึ่งน่าจะเป็นสไตล์ Newtro (New Retro) ที่มีความสดใหม่ เท่ ได้รับอิทธิพลจากกระแสแฟชั่น Y2K มีภาพลักษณ์ดึงดูด เข้าถึงง่าย สังเกตเห็นได้ชัด แต่มีรายละเอียดที่พิเศษซ่อนอยู่”
Courtesy of Imaxtree
เวอร์จิล แอบโลห์ จากพวกเราไปในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2021 เป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีที่เมซงหลังนี้ว่างเว้นตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ประจำแผนกเสื้อผ้าบุรุษ สำหรับแบรนด์แฟชั่นเบอร์ต้นๆ ของโลกอย่าง Louis Vuitton แล้วถือเป็นช่วงสุญญากาศที่กินระยะเวลายาวนานมากทีเดียว แต่ความนิยมในส่วนของคอลเล็กชั่นบุรุษก็ยังคงไม่เสื่อมคลาย เพราะสตูดิโอสร้างสรรค์ยังสานต่อทั้งวิสัยทัศน์ และอิงดีไซน์ผลงานของเวอร์จิลเอาไว้ โดยหนึ่งในวิสัยทัศน์ที่ว่านั้นคือ ‘Cool for All’ การคอลลาบอเรชั่นคือสิ่งสร้างแรงบันดาลใจ และกลายมาเป็นรากฐานในการทำงานของเขา การร่วมงานกับ ‘คนสร้างสรรค์’ ทั้งหน้าเก่าและใหม่ ตั้งแต่แบรนด์หรูไปจนถึงแบรนด์ที่เข้าถึงผู้คนทั่วไป คือสิ่งที่เขาตั้งมั่น ดังนั้นหากวันนี้ มิสเตอร์ แอบโลห์ กำลังมองลงมาจากฟากฟ้า เขาคงดีใจที่ Colm Dillane ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของ Louis Vuitton และพร้อมจะปล่อยของให้เป็นที่ประจักษ์ (หลังโคล์มซุ่มทำงานในสตูดิโอของวิตตองแบบลับๆ ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา) สัปดาห์หน้า … ปักหมุดรอรายงานจากเราได้เลย