เมื่อก้าวสู่ยุคโพสต์โควิดมีหลายประเด็นน่าจับตาในโลกธุรกิจแฟชั่น อย่างรายงานเมื่อไม่นานนี้จาก The Korea Economic Dialy ว่าด้วยเรื่องการช้อปแบรนด์หรู หลังวิกฤตโรคระบาดผ่านพ้นไป ‘นักช้อปชาวเกาหลีใต้ขึ้นแท่นใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือยสูงกว่าชาวอเมริกันและจีน’ ข้อมูลอ้างอิงจาก Morgan Stanley บริษัทให้บริการทางการเงินระดับโลกเปิดเผยว่า ปีที่แล้วนักช้อปเกาหลีใต้ใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือยราวๆ 325 ดอลลาร์สหรัฐต่อราย ขณะที่ชาวอเมริกัน หนึ่งในลูกค้ากลุ่มหลักของสินค้าหมวดนี้อยู่ที่เพียง 280 ดอลลาร์ฯ และชาวจีนอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ฯ เพียงเท่านั้น
อีกทั้งแบรนด์หรูระดับโลก อาทิ Louis Vuitton และ Chanel กำลังเตรียมพร้อมสำหรับภาวะช้อปล้างแค้น (Revenge Spending) เตรียมระบายความอัดอัดผ่านการใช้จ่ายสินค้าเติมเต็มความสุขทางใจที่มาในคราบของซูเปอร์แบรนด์ระลอกใหม่ มีข้อมูลเกี่ยวกับยอดจำหน่ายเป็นที่ยอมรับว่าธุรกิจสินค้าลักซ์ชัวรี่ในแดนโสมขาวกลับมาฟื้นตัวได้ดีกว่าจีน โดยในปีที่แล้วตลาดสินค้าหรูในเกาหลีใต้ ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก ขยายตัวถึง 24% มีตัวเลขมูลค่าอยู่ที่ราวๆ 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ สวนทางกับตลาดในจีนที่การเติบโตลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้
Courtesy of Galleria Department
คุณผู้อ่านที่ชื่นชอบสินค้าหรูของแบรนด์ดังที่เคยไปเที่ยวเกาหลีใต้คงทราบดีว่าราคาของสินค้าซูเปอร์แบรนด์ในประเทศนี้สูงกว่าอีกหลายประเทศ (ด้วยเรื่องภาษี) แต่นักช้อปชาวเกาหลีใต้ก็ไม่หวั่น มีหลายปัจจัยที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นยอมจ่าย โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้เพื่อเรียกเงินจากลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นคือการใช้พลังดึงดูดของไอดอลเกาหลี ผลผลิตของซอฟต์พาวเวอร์ที่ทำให้กระแส K-Wave ไหลไปทั่วโลก มาเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนในช่วงตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น BIGBANG, BTS, BLACKPINK หรือล่าสุดกับวง NewJeans ที่สมาชิกในกลุ่มกวาดตำแหน่งทูตของแบรนด์ดังได้ไม่แพ้รุ่นพี่ ศิลปินผู้พ่วงสถานะสไตล์ไอคอนเหล่านี้มีฐานแฟนคลับจำนวนมากทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป และอเมริกาใต้
เราจึงได้เห็นปรากฏการณ์แฟนคลับชาวยุโรปแห่ไปให้กำลังใจไอดอลชาวเกาหลีที่พวกเขาชื่นชอบบริเวณหน้าโชว์ของแบรนด์ดัง อาทิ G-Dragon และ Jennie BLACKPINK ที่เป็นทูตของเมซงเก่าแก่ระดับ Chanel ส่วนเพื่อนร่วมวง Lisa กลายมาเป็นภาพจำคู่กับ Celine ยุคใหม่ ขณะที่ภาพของ Jisoo นั้นพ่วงติดกับ Dior และ Cartier เป็นที่เรียบร้อย และเมื่อเดือนที่ผ่านมา Taeyang BIGBANG ก็เพิ่งถูกแต่งตั้งเป็นโกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Givenchy ไม่นานหลัง Jimin BTS ได้รับตำแหน่งโกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Dior Men สอดคล้องกับเนื้อหาในบทความที่ผมนำเสนอไว้ในก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่อง ‘โมเมนต์แห่งปี! การร่วมเฟรมของ 3 สุดยอดไอดอลเกาหลี‘ และ ‘เอเชียนรุกฆาต! เมื่อศิลปินและเซเลบริตี้จากโลกตะวันออกผงาดในเมืองหลวงแฟชั่น‘
Courtesy of Louis Vuitton
อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ เมื่อปีที่ผ่านมาแบรนด์ชั้นนำจากอิตาลีส่งออกไปยังเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นถึง 4.4% จากการรายงานของ Il Sole 24 Ore หนังสือพิมพ์และสื่อด้านการเงินชั้นนำของอิตาลีรายงานว่าผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับคือสินค้าส่งออกเป็นอันดับต้นๆ และมีกลุ่มลูกค้าวัย 20-30 ปี หรือวัยทำงานเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกสัญญาณการเติบโตระลอกใหม่ของตลาดสินค้าลักซ์ชัวรี่ ทางด้านแบรนด์ดังฝั่งฝรั่งเศสอย่าง Louis Vuitton, Chanel และ Hermès แบรนด์กลุ่มแรกๆ ที่บุกตลาดเกาหลีมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 (มีห้างหรูเก่าแก่ขวัญใจนักช้อป Galleria Department แลนด์มาร์กบนถนนช้อปปิ้งสายสำคัญเป็นฐานทัพ) ก็ส่งสัญญาณโดยพร้อมเพรียงว่าจะขอเอาใจเหล่านักช้อปชาวเกาหลีด้วยกิจกรรมเสริมและงานอีเวนท์ที่เราคงจะได้เห็นถี่ยิบตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
ส่วนแบรนด์ดังจากเกาะอังกฤษ Burberry ได้มอบอำนาจให้ผู้บริหารระดับสูงชาวเกาหลีเป็นผู้ดูแลการดำเนินงานภาพรวมในเอเชีย หลังมียอดขายในจีนลดลง 23% เมื่อปีที่แล้ว แต่ในเกาหลีใต้กลับเพิ่มขึ้น 10% … ตอนนี้แบรนด์หรูชั้นนำไม่ว่าจะจากประเทศใดต่างก็มีจุดหมายปลายทางหลักอยู่ที่เกาหลีใต้ จากประเทศที่เคยมีภาพจำเกี่ยวกับการเป็นผู้ผลิตสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ตอนนี้ได้ยึดตำแหน่งหัวหาด แทนที่เมืองแฟชั่นและเมืองช้อปปิ้งชั้นนำประจำภูมิภาคมาตั้งแต่ช่วงยุค ’80s อย่างฮ่องกงและญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย
Courtesy of Fendi