ย้อนกลับไปในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ภาพของฝูงชนนับพันที่ยืนรอต้อนรับศิลปินในดวงใจบริเวณลานหน้า Palais de Tokyo อาคารจัดแสดงผลงานศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยกลางกรุงปารีส สถานที่ที่ Celine ใช้จัดโชว์แฟชั่นบุรุษรับลมร้อนปี 2023 ทำให้ผมเซอร์ไพรส์ อีกทั้งยัง ‘น่าสนใจ’ จนอดไม่ได้ที่จะขอยกให้เป็นที่สุดโมเมนต์แห่งปี 2022 และนำเสนอก่อนที่สัปดาห์แฟชั่นชายฤดูกาลใหม่ของเมืองหลวงแห่งโลกแฟชั่นจะเปิดฉากในอีกไม่กี่วัน เพราะในเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อลองกวาดสายตาแล้วจะพบว่าเกือบทั้งหมดของฝูงชนที่มารอต้อนรับไอดอลของเขา เป็นกลุ่มวัยรุ่นชาติพันธุ์คอเคซอยด์ (ประชากรกลุ่มหลักในทวีปยุโรป) หรือถ้าขยายให้เห็นภาพก็คือ บริเวณหน้า ‘ปาเลส์ เดอ โตเกียว’ ค่ำคืนนั้น คลาคล่ำไปด้วยวัยรุ่นผิวขาวผมทองและน้ำตาลเข้ม ทั้งที่เป็นคนในพื้นที่ และที่มาจากประเทศใกล้เคียง พวกเขามีพลังงานเหลือล้นมากพอจนสามารถยืนรอนานเป็นเวลานาน 4-6 ชั่วโมงเพื่อพบหน้าศิลปินคนโปรดทั้ง 3 รายที่เมซง Celine ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จับทั้ง 3 มาร่วมเฟรมเดียวกันได้เป็นครั้งแรก … Lisa BLACKPINK, V BTS และ Park Bo Gum
Courtesy of Khanakon Phettrakul
ทำไมผมจึงยกให้ภาพฝูงชนที่ว่าเป็นหนึ่งในโมเมนต์แห่งปี 2022? – เพราะหากคุณถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Gen-Y เช่นเดียวกับผม (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1980 – 1994) และโตทันซึมซับเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมกระแสนิยมที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้ จะเข้าใจทันทีว่าภาพที่เห็นในคืนนั้นช่าง ‘เซอร์ไพรส์’ และคงจะไม่เกิดขึ้นในช่วง 2 – 3 ทศวรรษก่อนหน้า … ทศวรรษที่ 1980 และ 1990 โลกใบนี้ยังถูกขับเคลื่อนด้วยป็อปคัลเจอร์และซอฟต์พาวเวอร์จากฟากฝั่งฮอลลีวูด จริงอยู่ที่ในยุค ’80s และ ’90s วัยรุ่นไทยเริ่มได้รับอิทธิพลจากซอฟต์พาวเวอร์ที่มาในคราบสื่อบันเทิงจากทาง ฮ่องกง และญี่ปุ่น (J-Pop) ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ไต้หวัน (T-Pop) เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงมิลเลนเนียม แต่เมื่อเราพูดถึงกระแสความคลั่งไคล้ศิลปินดังระดับภาพรวมของโลก ในยุคที่มีข้อจำกัดด้านการรับรู้ข่าวสาร ติดตามความเป็นไปของโลกผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ คลื่นวิทยุ และหน้าจอโทรทัศน์ โดยมีช่องเพลงดัง อาทิ MTV และ Channel V เป็นโต้โผทำหน้าที่ ‘ยัด’ ศิลปินฮอต เทรนด์ฮิต ให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ด้วยแล้ว ภาพวัยรุ่นนับพันมายืนเบียดเสียดนานหลายชั่วโมง เพื่อให้ได้เห็นไอดอลตัวเป็นๆ และได้สัมผัสมือนั้นจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเป็นศิลปินในซีกโลกตะวันตก ยิ่งถ้าต้องเจาะจงว่าเป็นโมเมนต์เช่นนี้ในกรุงปารีส เมืองหลวงของโลกแฟชั่นช่วง 2 – 3 ทศวรรษก่อนหน้าด้วยแล้ว ภาพบรรยากาศนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้น
Courtesy of Loic Prigent
ไม่ใช่เพียงแค่ผมที่รู้สึกเซอร์ไพรส์และตื่นเต้น แม้แต่ Bernard Arnault (แบร์นาร์ด อาร์โนลต์) ประธานและประธานบริหารของ LVMH เจ้าของแบรนด์ Celine ยังลุกออกไปใช้สมาร์ทโฟนส่วนตัวเก็บภาพบรรยากาศที่ว่า “พวกเขาเป็นแฟนคลับของศิลปินเกาหลี เธอเป็นสมาชิกวง BLACKPINK ที่ตอนนี้ดังไปทั่วโลก” – เมอซิเออร์ อาร์โนลต์ ที่เพิ่งกลับมาครองตำแหน่ง ‘คนรวยที่สุดในโลก’ เมื่อไม่นานนี้ ให้สัมภาษณ์ความประทับใจแก่ยูทูบแฟชั่นช่องดัง ‘Loic Prigent’ (โลอิก ปรีฌ็อง) ก่อนที่อีกเพียงไม่กี่นาทีต่อมาจะมีเสียงเฮดังสนั่นโดยรอบ เป็นสัญญาณว่าทั้ง 3 คนที่พวกเขารักและรอคอยนานหลายชั่วโมง ปรากฏตัวเป็นที่เรียบร้อย! … หลังใช้เวลากับแฟนๆ ที่มายืนรอพอสมควร น้องลิซ่าเดินมาที่ผนังตกแต่งแผงไฟปลายรันเวย์ก่อนโชว์เริ่มเพื่อให้บันทึกภาพ ท่ามกลางช่างภาพและสื่อชั้นนำจากซีกโลกตะวันตกหลายรายที่อาจจะยังไม่รู้จักเธอ และเรียกเธออย่างสุภาพด้วยคำว่า ‘Miss’ และ ‘Madame’ ผมตั้งใจเรียกน้องด้วยภาษาไทย “ลิซ่า! ทางนี้ครับ!” จากนั้นทุกคนจึงพากันเรียก ‘Lisa’ … ซีนเรียกด้วยประโยคภาษาไทยที่ว่าถูกทาง Loic Prigent นำไปใช้ประกอบคลิปวีดีโอที่มีผู้เข้าชม 4.5 ล้านครั้ง ‘Celine Booms! with Lisa, V and Park Bo Gum’ พร้อมคำบรรยาย … “ในที่สุด ทุกคนก็ได้รู้ชื่อของเธอสักที”
“ลิซ่า … พวกเรารักคุณ” – เสียงแฟนคลับยังตะโกนต่อเนื่องตลอดทั้งโชว์ แม้เพลงในโชว์ดังมากขนาดไหนแต่เสียงที่แสดงพลังความรักก็ยังเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ “ตอนนี้คุณมีเครื่องบินส่วนตัวแล้ว ควรจะมาเยี่ยมปารีสให้บ่อย เพราะคุณทำให้พวกเรามีความสุขได้ทุกวัน ขอให้รู้ไว้ว่าชาวฝรั่งเศสรักคุณ พวกเรารักคุณ” แฟนคลับวัยรุ่นชาวฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์แก่ Loic Prigent พร้อมรอยยิ้มและแววตาที่เปล่งประกายด้วยความสุข ก่อนจะโชว์เคสโทรศัพท์มือถือที่ด้านหลังใส่รูปน้องลิซ่าเอาไว้ … หลังจบโชว์ค่ำคืนนั้น ผมอดคิดไม่ได้ว่าภาพบรรยากาศบริเวณหน้าโชว์ของ Celine จะเกิดขึ้นหรือไม่ หากไม่มีไอดอลคนดังทั้ง 3 ปรากฏตัว และที่น่าคิดไปกว่านั้นคือ ทั้ง 3 คนจะได้รับการต้อนรับและพลังบวกจากแฟนๆ มากมายขนาดนี้ไหม หากเกาหลีใต้ไม่ได้กรุยทางให้กระแส K-Wave ไหลไปทั่วทุกสารทิศในช่วง 2 ทศวรรษนี้ เพราะเอาแค่ประเทศไทย เราได้สัมผัสและหลงใหลเรื่องราวหลากแง่มุมของเกาหลีใต้มามากกว่า 20 ปี จากจุดเริ่มการโหมโรงด้วยซีรีส์รัก 4 ฤดู Autumn in My Heart (รักนี้ชั่วนิรันดร์), Winter Sotana (เพลงรักในสายลมหนาว), Summer Scent (อุ่นไอรัก หัวใจดวงเดิม) และ Spring Waltz (ดนตรีรักหัวใจปรารถนา) ภาพยนตร์เรื่องดัง อาทิ My Sassy Girl, The Classic, Winstruck จนล่าสุดกับซีรีส์ดังที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง The Glory
ที่สำคัญ ทั้งปรากฏการณ์สุดเซอร์ไพรส์ที่เกิดขึ้นหน้าโชว์ Celine และกระแสความนิยมซีรีส์เกาหลี อันเป็นผลพวงจากอิทธิพลของซอฟต์พาวเวอร์แดนโสมเวลานี้ ทำให้ผมมีคำตอบสำหรับคำถามที่มักโดนถาม “กระแสเกาหลีจะยังอยู่อีกนานไหม?” … แม้อาจจะถูกแทนที่ด้วยกระแสป๊อปคัลเจอร์จากประเทศใดประเทศหนึ่งในอนาคต แต่เชื่อว่ากระแสความคลั่งไคล้วัฒนธรรมเกาหลีคงยังไม่ซาไปในเร็ววัน ที่ผมคิดเช่นนั้นไม่ใช่เพียงเพราะตอนนี้คนค่อนโลกนิยมดูซีรีย์เกาหลี ดาราและศิลปินเกาหลีสวยหล่อ หรือเพราะเกาหลีมีบุคคลากรมากความสามารถ ถ้าเอาเพียงแค่สามปัจจัยที่ว่ามาผมเชื่อว่าอุตสาหกรรมบันเทิงในทุกประเทศก็มีเช่นกัน แต่พื้นฐานสำคัญที่ทำให้เชื่อว่ามนต์ขลังของซอฟต์พาวเวอร์แดนโสมจะยังไม่ซาในเร็ววัน นั่นเพราะผู้ใหญ่และรัฐบาลของเกาหลีใต้ให้ความสำคัญ เห็นคุณค่า และพร้อมสนับสนุนสุดกำลัง แล้วไม่ใช่เพียงแค่เอ่ยวาจา แต่ยังสามารถทำให้เห็นในเชิงประจักษ์ว่าตั้งใจจริง ท้ายที่สุดก็สัมฤทธิ์ผลดังเห็นในช่วง 2 ทศวรรษนี้ และทำให้ผมเห็นภาพบรรยากาศอย่างที่เห็นบริเวณหน้าโชว์ Celine ส่วนน้องลิซ่าก็สามารถทำให้มูลค่าของแบรนด์หรูเพิ่มขึ้นได้มากถึง 118% นับตั้งแต่ถูกแต่งตั้งเป็น Global Ambassador ในปี 2020 กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่ม LVMH จนสามารถนิยามได้ว่า … เป็นยุคที่ศิลปินชาวเอเชียสามารถครองใจผู้คนในซีกโลกตะวันตกได้อย่างสมบูรณ์