เปิดโลกส่วนตัวของ ‘เจมส์-จิรายุ’ พร้อมพูดคุยถึงเส้นทางใหม่ๆ ในชีวิต

Photo: Top Ponpisut

Fashion Editor: Ratchakrit Chalermsan

วันนี้ ELLE MEN Thailand จะพาทุกคนไปคุยกับ ‘เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข’ เฮาส์แอมบาสเดอร์ Dior ประเทศไทย นำเสนอเสื้อผ้า Dior คอลเลกชั่นสุภาพบุรุษ Dior Resort 2024 ผ่านบทบาทฟรอนต์แมนนิตยสารแอลเมนฉบับเดือนตุลาคมที่คุณถืออยู่นี้ พร้อมบอกเล่าความหลงใหลใหม่ สเตปต่อไปของชีวิต

EM: ช่วงนี้เจมส์ทำอะไรอยู่บ้าง มีผลงานให้แฟนๆ ติดตามไหม?

JJ: ละครที่จบไปก็คือมาตาลดา ดีใจที่ทุกคนชอบนะครับ เรื่องนี้บทดีมากๆ มีข้อคิดเตือนใจเรา และสามารถนำไปปรับใช้ และช่วยปลดล็อกความคิดบางอย่างได้ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและสนับสนุนละครเรื่องนี้ครับ ส่วนผลงานในอนาคตผมกำลังจะมีละครที่กำลังจะฉายในต้นปีหน้านะครับ ชื่อเรื่อง ‘โลกหมุนรอบเธอ’ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะครับ

EM: ตอนนี้โฟกัสอะไรเป็นพิเศษ?

JJ: ตอนนี้ก็โฟกัสกับการวิ่งและเรื่องการออกกำลังกายครับ ผมว่าการออกกำลังกายนอกจากทำให้เราสุขภาพดีแล้วยังได้เรื่องของการชนะตัวเองด้วยครับ ซึ่งผมกำลังจะไปวิ่งมาราธอน เป็นการวิ่งมาราธอนแรกในชีวิต แล้วก็มันก็จะเจออารมณ์แบบขี้เกียจวิ่งและขี้เกียจซ้อม ถามว่าวิ่งมาราธอนยากไหม 42 กิโล ไม่ยากหรอกครับ แต่ความยากของมันคือ กว่าจะไปถึงวันนั้นมันยากมากเลย ต้องซ้อมอาทิตย์ละ 100 กิโลเมตร เพื่อจะไปวิ่งวันเดียว 42 กิโลเมตรก็หนักเอาการอยู่ แต่ก็เป็น challenge ดีครับ 

EM: เจมส์หลงใหลคลั่งไคล้ในสิ่งใด? ใช่กล้องหรือการถ่ายภาพหรือเปล่า รู้มาว่าชอบสะสมกล้อง?

JJ: การหลงใหลนี่น่าจะหลากหลายมากตามช่วงเวลาตามช่วงวัยครับ ช่วงหนึ่งก็สนใจกล้องมาก ช่วงหนึ่งก็สนใจหนังสือมาก และช่วงนี้ก็สนใจการวิ่งมาก แล้วก็ด้วยลักษณะนิสัยของผมเป็นเด็กขี้เสือกอะครับ ประมาณว่าเป็นเด็กที่เวลาอยากรู้อะไรก็จะเล่นมันไปซะทุกอย่าง แล้วก็ชอบไปสุดทาง อยู่ที่สถานการณ์ และอารมณ์ตอนนั้นว่าจะคลั่งไคล้อะไรมากแค่ไหนครับ

EM: การบวชเรียนให้อะไรกับเจมส์?

JJ: การบวชเรียนจริงๆ ดีมากเลยครับ ดีใจมากที่มีโอกาสบวชที่วัดบวรครับ เนื่องจากเป็นวัดที่ค่อนข้างเคร่งด้านการเรียนและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด เป็นวัดทางธรรมยุต กิจวัตรในวันหนึ่งก็ต้องออกบิณฑบาต ฉันเช้า เรียน 9 โมงถึงเพล แล้วก็มาฉันเพล พอบ่าย 2 เริ่มเรียนต่อ แล้วก็เรียนอีกตอน 6 โมงเย็นจนถึงหนึ่งทุ่ม มาจบที่ทำวัตรค่ำเสร็จ 4 ทุ่มอะไรอย่างนี้ครับ วนลูปไปเรื่อย ๆ ทุกวัน พอได้เรียนเยอะๆ ก็ได้เข้าใจศาสนาเยอะขึ้น นิ่งขึ้น ผมว่ามันเป็นหนทางแห่งการเข้าใจตัวเองที่ดีมากครับ เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ แล้วก็เข้าใจสิ่งที่มันเกิดและเป็นไปครับ

EM: เมื่อเจมส์เจอเหตุการณ์ที่ไม่พอใจ จัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไร?

JJ: ก็อันดับแรกคือจะสะระตะมันก่อนครับ หมายถึงว่าโอเคปัญหามันเกิดจากอะไร เหมือนเป็นกระบวนการหาทางออกจากความรู้สึกก่อนนั่นแหละครับ ถ้าในพาร์ตโมโหหรือหงุดหงิดส่วนใหญ่ผมจะเงียบ  หลังๆ ก็มีบ้างที่ต้องโวยวายออกมาเล็กน้อยก็จะรู้สึกดีขึ้น อาจจะแปลกๆ หน่อยแต่ก็ช่วยได้อยู่ครับ (หัวเราะ)

EM: เสียงสะท้อนจากการรับบท ‘เป็นหนึ่ง’?

JJ: ได้รับแต่คำเรียกว่า ‘เป็นหนึ่ง’ ตลอดไปครับ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของละครเรื่องนี้มากๆ ด้วยความที่มันเป็นละครที่บทดีมากด้วย แล้วนักแสดงและทีมงานทุกคนก็เก่งหมด ทั้งพี่จ๋าที่ปั้นบทมาอย่างสมบูรณ์แบบ น่าประทับใจมากจริงๆ ทุกอย่างมันก็เลยดูดีไปหมด ที่สำคัญคนดูน่าจะได้อะไรกลับไป ผู้ชมหลายคนฟีดแบ็กกับผมว่าเป็นละครที่ได้แง่คิดครบทุกมิติทั้งชีวิตคู่ ครอบครัว และเรื่องบรรทัดฐานของสังคมโดยรวม ทำให้หลายคนได้ปลดล็อก ดีใจที่สะท้อนไปถึงวิธีคิดให้ผู้คนได้ครับ 

EM: สิ่งที่ได้จากการเป็นนักแสดง?

JJ: ผมว่าก็ให้โอกาสแหละครับ ผมโชคดีมากที่ได้เข้ามาอุตสาหกรรมนี้ อันแรกแน่นอนได้ชื่อเสียง เงินทองก็ตามมา แต่ว่าสิ่งที่ผมรู้สึกว่าได้จริงๆ มันคือการหล่อหลอมให้เรามีวินัย เรียนรู้ที่จะอยู่กับคนที่หลากหลายและปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น มันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วครับ ซึ่งมันเกิดจากการที่เราได้เล่นหลากหลายบทบาทด้วย ได้ออกไปเจอโลกกว้างขึ้น ได้รับความรักจากผู้คนที่ชื่นชอบเรา ถือว่าเป็นวาสนาที่ดีของผมครับ

EM: สถานที่ใดที่รู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดในโลก?

JJ: สำหรับผมทุกที่ก็เป็นตัวเองได้ครับ ผมเป็นคนไม่ซีเรียส แล้วก็เป็นคนไม่ได้ยึดติดครับ 

EM: ทริปท่องเที่ยวที่จำไม่ลืม?

JJ: มีหลายๆ ทริปนะ แต่ว่าทริปทำงานที่จำไม่ลืม คือการเดินทางที่อัดแน่นมากๆ เช่น ทริปญี่ปุ่นแบบไปเช้า-เย็นกลับ อีกทริปคือไปอเมริกา 4 วัน อันนี้จำไม่ลืมแน่นอน เดินทาง 2 วัน อยู่ 2 วันแล้วกลับเลย (ถอนหายใจ) 

EM: Quote เด็ดที่นำมาปรับใช้ในชีวิต? 

JJ: ‘Only the disciplined ones in life are free’ โดย Eliud Kipchoge ครับ วินัยเท่านั้นที่จะทำให้เราเป็นอิสระได้ เพราะฉะนั้นชีวิตต้องมีวินัยครับ อันนี้จำขึ้นใจเลย 

EM: Dior กับเจมส์มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร? 

JJ: ไม่เคยคิดคำตอบนี้มาก่อนเลยครับในชีวิต คือจริงๆ ผมมีภาพในหัวแต่ไม่รู้ว่ามันถูกต้องหรือเปล่า เพราะผมไม่แน่ใจว่า Motto จริงๆ ของดิออร์คืออะไร แต่ผมรู้สึกว่าดิออร์คือความเรียบง่ายที่มีดีเทลซ่อนอยู่ครับ ซึ่งผมเป็นคนแบบนั้น คิดว่านี่คงเป็นจุดเชื่อมโยงสำหรับผมกับดิออร์ครับ  

EM: อะไรคือสิ่งที่เจมส์ชื่นชอบที่สุดในการทำงานกับ Dior?

JJ: ดิออร์เป็นครอบครัวที่ดีครับ เสื้อผ้าที่คิม โจนส์ออกแบบก็สวยมาก ทีมงานของดิออร์ก็น่ารักแบบสุดๆ เลย ภูมิใจและดีใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดดีเอ็นเอของดิออร์ครับ

EM: เหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้เจมส์ยิ้ม?

JJ: ล่าสุดได้ไปร้อง Piano & i กับพี่โต๋ครับ ฝากไปดูกันด้วยครับ จริงๆ ผมชอบร้องเพลง แต่ไม่ค่อยมีโอกาส ยังไงก็ฝากไปดูด้วยนะครับ

Similar Articles

More