หนึ่งในโปรเจกต์คอลลาบอเรชั่นที่เหล่าสนีกเกอร์เฮดชาวไทยตั้งตารอในชั่วโมงนี้คงหนีไม่พ้น CLOT x Carnival การร่วมงานระหว่างสุดยอดแบรนด์สตรีทจากเกาะฮ่องกงที่ก่อตั้งในปี 2003 นำทีมโดย Edison Chen นักแสดงและนักร้องมากความสามารถที่เคยร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Nike, Adidas และอีกมากมาย และมัลติแบรนด์สายสตรีทสัญชาติไทยที่ก่อตั้งในปี 2010 โดย ปิ๊น-อนุพงศ์ คุตติกุล
งานเปิดตัว CLOT x Carnival เมื่อวานนี้จึงเปรียบได้กับการรวมพล ‘สายสตรีท’ ทั่วฟ้าเมืองไทย นอกจากมี Edison Chen เดินทางมาร่วมเป็นไฮไลท์แล้วยังมีการเปิดตัวอีก 3 โปรเจกต์ใหม่ของเจ้าตัวคือ Adidas CLOT Superstar by Edison Chen สีดำใหม่ล่าสุด
Edison Chen
CLOT Fantasy x Prestige Apparel x fAWA คอลลาบอเรชั่นพิเศษร่วมกับทาง Remu Suzumori นักแสดง (หนังผู้ใหญ่) เบอร์ต้นขวัญใจชายไทยจากค่าย Prestige ที่มาอยู่คู่กับกราฟิกของ fAWA ถ่ายทอดสีสันและเรื่องราวบนเสื้อยืดน่าสะสม โดยงานนี้ Carnival ไม่พลาดคว้าตัวเธอมาร่วม Meet and Greet พร้อมแจกลายเซ็นให้ทุกคนภายในงานอย่างใกล้ชิด
Edison Chen, Edison Chen และ Remu Suzumori
และไฮไลต์สำคัญของงานนี้ CLOT x Carnival ที่หยิบเอาเอกลักษณ์ของอาหารไทย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง ไชน่าทาวน์ และวัดอรุณ มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นที่ประกอบด้วย Oversized Tee, Hoodie, Tea Glass และ Sticker Pack ให้เหล่าแฟนๆ ได้สะสม
แน่นอนว่าโปรเจกต์ใหญ่ระดับประเทศเช่นนี้ ผมต้องไม่พลาดพาชาวแอลเมนไปพบกับเจ้าของโปรเจกต์ภายในงานอย่างชิดใกล้ แถมเรายังเป็นเจ้าเดียวในไทยที่ได้พูดคุยกับสไตล์ไอคอนของโลกสตรีทแฟชั่นคนดัง Edison Chen แบบเอ็กซ์คลูซีฟภายใน Carnival Wearhouse 30 ที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน เพื่อเจาะลึกเบื้องหลังเรื่องราวและความรู้สึกในการทำงานร่วมกับแบรนด์ดังสัญชาติไทย
CLOT x Carnival
โปรเจกต์นี้เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร?
ก่อนอื่นเลย ที่จริงผมชอบประเทศไทยมานานแล้วครับ แล้วตอนเป็นวัยรุ่นก็ได้มาเที่ยวที่นี่บ่อยมาก ผมชอบเดินทางมาดูวัฒนธรรม สตรีทอาร์ต ฮิปฮอป … ทุกอย่างในประเทศไทยพัฒนาไปมาก และมันถึงเวลาแล้วที่ผมคิดว่าจะต้องกลับมาอีกครั้ง ต้องขอบคุณ Carnival และ จิ้ด (สมบูรณ์ เมืองสิริขวัญ) ที่ทำให้พวกเรามีโอกาสกลับมาที่นี่เพื่อทำงานร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้กลับมาที่นี่บ่อยขึ้น
จำได้ไหมว่ามาประเทศไทยกี่ครั้งแล้ว?
ผมว่าอย่างน้อยๆ ก็น่าจะราวๆ 20 ครั้งได้ ผมมาประเทศไทยบ่อยมากจริงๆ ครับ ยิ่งตอนที่ยังเป็นเด็กได้เดินทางมากับครอบครัว ไปบันยันทรี ไปภูเก็ต ไปเกาะสมุย และพอโตขึ้นผมก็ชอบมาที่นี่เพื่อปาร์ตี้ โดยเฉพาะช่วงกลางยุค 2000s … ใช่! ผมปาร์ตี้เยอะมาก (ยิ้ม) เพราะประทับใจบรรยากาศของเมืองไทย และผมรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้กลับมาอยู่ที่นี่
กรุงเทพในปัจจุบันแตกต่างไปจากความทรงจำครั้งแรกอย่างไร?
Oh God! มันแตกต่างไปจากเดิมมากครับ อย่างเซ็นทรัลสแควร์หรือบริเวณใกล้เคียงนั้นเป็นอะไรที่บ้ามากจริงๆ คุณคิดเหมือนกันกับผมไหมล่ะ? ผมจะบอกว่าประเทศไทยและกรุงเทพฯ มีความเป็นสากลมากขึ้น แต่ว่ายังคงรักษากลิ่นอายดั้งเดิมเอาไว้ได้ ผมภูมิใจแทนกับทุกคนมากกับสิ่งนี้ เพราะมีหลายเมืองที่หลายคนเคยไปแล้วหลังจากนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นแบบอเมริกันหรือไม่ก็ตะวันตกมากเกินไป ซึ่งจุดนี้ผมว่ากรุงเทพฯ รักษาอัตลักษณ์ของตัวเองไว้ได้ดีมากครับ
แล้วประเทศไทยสร้างแรงบันดาลใจอะไรให้กับคุณอีก?
มีอย่างหนึ่งที่เมื่อกลับมาที่นี่แล้วสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผมคือ ‘พลังของคนรุ่นใหม่’ และพลังที่ว่ายังคงอยู่ในที่แห่งนี้เสมอตั้งแต่ผมได้มาครั้งแรก ผมเห็นภาพของศิลปะ ภาพยนตร์ และแฟชั่น ที่กำลังพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นคนรุ่นใหม่ออกมาแสดงออกและสื่อสารอะไรบางอย่างมากขึ้นทั่วทั้งเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยและจีนที่ คนรุ่นใหม่กระตือรือร้นที่จะเปล่งเสียงของตัวเองมากขึ้น ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดี
ความท้าทายในโปรเจกต์คอลลาบอเรชั่นนี้คืออะไร?
จริงๆ แล้วก็ไม่ขนาดนั้นครับ มันเป็นการทำงานที่สนุกมาก ทีมงานของ Carnival และจิ้ดคอยให้ความช่วยเหลือผมเป็นอย่างดี พวกเขาดีมาก อาหารก็อร่อย แล้วผมจะไม่พอใจกับเรื่องอะไรได้ล่ะ … มันดีมากจริงๆ ครับ
สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้างไหม?
ผมก็หวังว่าจะมีโอกาสได้กลับเมืองไทยอีก และก็คิดว่าความสำเร็จในโปรเจกต์แรกนี้จะส่งผลให้ได้กลับมาบ่อยขึ้น และจะมีโปรเจกต์ทำงานร่วมกันมากขึ้น สิ่งที่ผมอยากบอกกับครีเอเตอร์ในไทยทุกคนเลยก็คือสามารถ dm หาผมได้เลย ผมอยากให้เราเป็นพื้นที่ในการร่วมงานกับศิลปินท้องถิ่นรุ่นใหม่ๆ ซึ่งผมจะดูข้อความที่ส่งหาผมตลอด แต่ไม่ใช่ข้อความของสาวๆ หรอกนะครับ สาวๆ หยุด dm หาผมได้แล้วครับ (ยิ้ม) ผมอยากให้เป็นครีเอเตอร์ที่ส่งข้อความหาผมมากกว่า เผื่อว่าวันหนึ่งเราจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน
Photo: Pathompron Phuerkphud