ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เราเฝ้าดูหนุ่มตาน้ำข้าวชาวอเมริกันนามว่า Zane Carter ผ่านทางหน้าฟีด TikTok จนถึงตอนนี้พบว่าเซน คาร์เตอร์ มีจำนวนผู้ติดตามมากกว่าหนึ่งล้านคน ไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็ชอบดูคลิปของเขาด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์แบบเรียลๆ ไร้การปรุงแต่งจากสคริปต์ที่ดูยังไงก็ชวนอมยิ้ม บ้างก็นั่งเกากีตาร์เคล้าลูกคอ บ้างก็โชว์สเตปแดนซ์ สลับกับกิจกรรมเวิร์กเอาต์ที่ทำเอาชาวเน็ตคันไม้คันมือ อยากลุกขึ้นมาออกกำลังกาย เรียกเหงื่อตามบ้าง
เส้นทางของ TikToker ความสามารถรอบด้านคนนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ทิศทางใดแอลเมนคว้าตัวเขามาถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตในเฟสถัดไปให้แฟนๆ ได้อัปเดตกัน
คุณเริ่มเล่น TIKTOK ตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมเริ่มโพสต์และใช้แอพพลิเคชั่นนี้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2019 ซึ่งตอนนั้น TikTok ยังดูไม่ค่อยคูลเท่าไหร่สำหรับคนทั่วไป แต่ผมสนุกมากและคิดเสมอว่ามันเป็นช่องทางในการนำเสนอตัวตนที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่เติบโตมาในเมืองเล็กๆ การได้ค้นพบเพื่อนใหม่จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมในวัยนั้น นอกเหนือจากเรื่องแอ็กติ้งและเล่นดนตรี ยังได้ฝึกบริหารกล้ามเนื้อสมองในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น ผมจึงรู้สึกขอบคุณตัวเองมาตลอดที่เล่น TikTok ตอนนั้นมีเพื่อนแค่ไม่กี่คนที่เล่นกัน พวกเขามาชวนและโน้มน้าวผมว่ามันเจ๋งยังไง มันอะเมซิ่งที่ได้ย้อนมองกลับไปว่าแต่ละช่วงเราใช้ชีวิตกันยังไง
ในตอนนั้นเคยคิดไหมว่า TIKTOK จะกลายเป็นแอพพลิเคชั่นที่ยิ่งใหญ่

จากใจจริงเลยนะ ผมไม่เคยมองว่ามันจะกลายเป็นสิ่งสำคัญของโลกยุคปัจจุบัน แต่ผมคิดผิด เราใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากกว่าออกมาพบปะเจอหน้ากัน มันจะเจ๋งหรือน่ากลัวก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณแล้วล่ะ พอมองย้อนกลับไปมันควรเป็นอะไรง่ายๆ ที่ใครๆ ก็จับต้องได้ แต่ยุคนั้นยังไม่เก็ทไง ผมเองยังอยากยัดสมองที่มีอยู่ตอนนี้เข้าไปในหัวตัวเองสมัยเป็นเด็ก ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่ามันจะดีหรือแย่กว่าเดิม เพราะตอนนั้นผมเองก็โฟกัสมากไปหน่อยกับการอยากรู้อยากลองและพยายามจะโตเป็นผู้ใหญ่
ช่วยบอกเล่าถึงแพสชั่นทางด้านดนตรีของคุณหน่อยได้ไหม

ได้สิ ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ ผมจำได้ว่าไม่มีช่วงไหนเลยที่ไม่มีดนตรีอยู่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไม่ว่าจะเป็นตอนผมเข้าร่วมคณะร้องประสานเสียง หรือตอนที่พ่อของผมเล่นกีตาร์และร้องเพลงกับแก๊งเพื่อนสนิทรอบกองไฟ ผมเองก็เสียบไอพอดติดหูตลอด หรือแม้กระทั่งตอนเด็กๆ ที่ชอบตะโกนร้องเพลงเวลาอาบน้ำ เรียกได้ว่าดนตรีตามผมไปทุกแห่งหน ซึ่งผมเชื่อว่ามันมีจุดประสงค์ เหมือนเป็นพื้นฐานของความรักนั่นแหละ คุณจะแสดงมันออกมาเมื่อรู้สึกว่าต้องการสิ่งนั้นจริงๆ ซึ่งดนตรีทำให้ผมเป็นแบบนั้นเสมอมา แล้วผมเองก็ต้องการทำมันจริงๆ ผมหลงใหลในสตอรี่ที่ถูกบรรจุไว้ในเนื้อเพลงอย่างมีชั้นเชิง บางทีอาจเป็นเพียงบทสนทนาง่ายๆ ดนตรีคือจุดเชื่อมโยงวัฒนธรรม จริงๆ มันสามารถเชื่อมโยงคนแต่ละเจเนอเรชั่นให้เข้าถึงกันสามารถทะลวงผ่านกำแพงขวางกั้น แม้ต่างถิ่นต่างเชื้อชาติ แต่ดนตรีเป็นเหมือนภาษาที่ทุกคนใช้สื่อสารกันแล้วยังช่วยหลอมรวมแก่นแท้ในตัวมนุษย์โดยปราศจากความลำเอียง ไม่มีการเลือกข้าง รูปร่าง หรือแบบฟอร์มทั้งหมดนี้คือแง่งามที่สัมผัสได้จากดนตรี ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับผมก็ได้
แล้วเส้นทางการแสดงของคุณล่ะ รวมถึงแผนชีวิตในอนาคตถูกวางไว้อย่างไร ช่วยอัปเดตให้ฟังหน่อย

ผมหลงรักการแสดง ตั้งแต่ก่อนจะเข้าใจเสียอีกว่าคนในจอทีวีไม่ได้เป็นแบบนั้นในชีวิตจริง ก่อนจะรู้ว่าการแสดงสามารถทำเป็นอาชีพได้ ผมก็หัดท่องบทการ์ตูนและท่องสคริปต์รายการโปรดให้ครอบครัวฟังเป็นประจำ และไม่เคยนึกฝันเลยว่าวันหนึ่งจะได้รับโอกาสนี้ ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครที่ผมรับเล่น มันทำให้ผมอยากถ่ายทอดเรื่องราวที่ผู้คนในสังคมอาจไม่กล้าเปิดเผย หากพวกเขาได้ชมภาพยนตร์หรือผ่านมาเห็นผมในโชว์ต่างๆ จะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ หวังว่าคนดูจะสามารถปลดเปลื้องพันธนาการและสะกดอยู่กับการแสดงเบื้องหน้า เป็นแรงสนับสนุนและช่วยให้ผู้คนไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เป้าหมายหลักในฐานะนักแสดงคือการสวมบทบาทเป็นตัวละครที่แตกต่างจากตัวตนของผมอย่างสิ้นเชิงและสามารถทำให้คนดูรู้สึกอินได้ นี่คือศิลปะของการแสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการแสดงภาพยนตร์