โลกแห่งความเที่ยงตรงที่มาบรรจบกับความล้ำเลิศด้านนวัตกรรมและงานฝีมือ

นับตั้งแต่ก่อตั้ง Rolex แสดงออกถึงวิสัยทัศน์ของการรักษาไว้ซึ่งเวลาอันเที่ยงตรงแม่นยำ พร้อมด้วยมาตรฐานอันล้ำเลิศด้านประสิทธิภาพและคุณภาพของนาฬิกาตรงตามปรัชญาอันแน่วแน่ของ Hans Wilsdorf ผู้วางตำแหน่งให้แบรนด์ยืนหยัดอย่างเข้มแข็งในการสร้างวิวัฒนาการให้กับนวัตกรรมเทคโนโลยีที่หล่อหลอมกับประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาอันทันสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบเรื่อยมา

และในปีนี้ Rolex ได้ต่อยอดเส้นทางของการสร้างสรรค์นาฬิกาด้วยความเที่ยงตรง พร้อมทั้งสืบทอดมรดกด้านนวัตกรรมที่สำคัญมาสู่หลากหลายผลงาน ซึ่งนอกเหนือจากการชูความโดดเด่นด้านความเป็นเลิศแห่งคุณภาพและความเที่ยงตรง อันเป็นหัวใจสำคัญในการรังสรรค์แล้ว ผลงานในปีนี้ยังมีวิวัฒนาการก้าวใหม่ๆ ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการแสดงออกถึงแนวคิดสร้างสรรค์ที่ มีเป้าหมายในการถ่ายทอดมุมมองและมิติแห่งความสวยงาม ความสมบูรณ์แบบที่แตกต่างและการพัฒนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทว่ายังคงไม่ละทิ้งความเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของแบรนด์ซึ่งประทับไว้ด้วยมงกุฎแห่งความล้ำเลิศอันทรงเกียรติ โดยตลอดเส้นทางของการสร้างสรรค์นาฬิกานี้ Rolex ได้สร้างนิยามใหม่แห่งความเที่ยงตรงและความล้ำเลิศไว้เสมอ

DEFYING ICON

ในโอกาสครบรอบ 60 ปีของนาฬิกา Oyster Perpetual Cosmograph Daytona หนึ่งในไอคอนแห่งความเร็วและความท้าทายเหนือสนามแข่งขัน ในปีนี้ Rolex ได้เผยโฉมพร้อมทั้งนำเสนอรูปลักษณ์ใหม่อันสง่างามยิ่งขึ้น ทั้งยังมอบความทันสมัยด้วยการจัดวางองค์ประกอบ งานกราฟิก และถ่ายทอดภายใต้สัดส่วนอันสมบูรณ์แบบของนาฬิกาคอลเลกชั่นนี้

สำหรับ ‘Cosmograph Daytona’ สร้างชื่อเสียงจากการพัฒนาความเชี่ยวชาญทางเทคนิค และสไตล์การสร้างสรรค์ที่แตกต่างจนกลายเป็นที่จดจำ ได้อย่างกว้างขวางไม่เพียงเฉพาะบนสนามแข่งความเร็วเท่านั้น โดยรุ่นใหม่ของปีนี้ยังคงตอกย้ำถึงความลงตัวระหว่างโครงร่าง เส้น สาย และหัวใจแห่งสมรรถนะของนาฬิกาสปอร์ต ระดับตำนาน Cosmograph Daytona จึงพร้อมนำเสนอด้วยสี่เวอร์ชั่นของความหลากหลายในการผสมผสานระหว่างวัสดุล้ำค่า และเอกลักษณ์อันโดดเด่นของขอบหน้าปัด Cerachrom ขณะที่ด้านข้างของตัวเรือนกลางได้ผ่านการออกแบบขึ้นใหม่ให้คงความกลมกลืนของรูปทรงและสัดส่วน ทั้งยังรับไปกับขาสายนาฬิกาที่ลงตัวกับทั้งสาย Oyster หรือสาย Oysterflex ของเวอร์ชั่นใหม่ในตัวเรือนเยลโลว์โกลด์และหน้าปัดสีทองตัดกับหน้าปัดย่อยสีดำ

วิวัฒนาการของ Cosmograph Daytona ที่ไม่อาจมองข้ามได้และถือเป็นการเอาใจทั้งเหล่านักขับและผู้ที่หลงใหลในนาฬิกา คือการนำเสนอคอลเลกชั่น Oyster Perpetual กับฝาหลังซึ่งติดตั้งด้วยกระจกแซปไฟร์โปร่งใสเป็นครั้งแรก ช่วยให้สามารถมองเห็นขุมพลังที่เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ของกลไกจักรกลโครโนกราฟรุ่นใหม่ลำสุดอย่าง คาสิเบอร์ 4131 โดยเสริมความแม่นยำของการจับเวลา ควบคู่กับการแสดงเวลาชั่วโมง นาที และวินาที ที่คงความเที่ยงตรง นอกจากนี้ยังเป็นกลไกที่พัฒนาขีดความสามารถด้วยการเสริมเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ Rolex ทั้งชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy ตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex และลูกเหวี่ยงแบบใหม่ที่ช่วยเสริมสมรรถนะของตลับลูกปืนเม็ดกลมให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น และบรรจบกับงานฝีมือการตกแต่งอันประณีต ซึ่งครั้งนี้มีโอกาสได้ชื่นชมมากขึ้นผ่านฝาหลังคริสตัลแซปไฟร์ โดยการบรรจงตกแต่งด้วยลวดลายเฉพาะอย่าง Rolex Cotes de Geneve เช่นกันกับความสง่างามของลูกเหวี่ยงเจียระไนทองคำ 18 กะรัตนับเป็นการรักษาไว้ซึ่งดีกรีไอคอนระดับตำนานที่ยังคงเดินหน้าพัฒนาทั้งสไตล์และประสิทธิภาพสู่ความล้ำเลิศอย่างไม่หยุดนิ่ง

CLASSIC AND CONTEMPORARY

นับจากแรกเห็น Perpetual 1908 คือโฉมหน้าใหม่แห่งความล้ำเลิศที่รับรู้ได้อย่างชัดเจน โดยถ่ายทอดผ่านความสง่างาม คลาสสิก และร่วมสมัยอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ให้กับเรื่องราวการสร้างสรรค์อันกล้าหาญของ Rolex

ปี 1908 ถือเป็นปีสำคัญของแบรนด์ ด้วยเพราะเป็นปีที่เครื่องหมายการค้า ‘Rolex’ ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสร้างหลักไมล์ก้าวแรก ๆ ให้กับการสร้างสรรค์นาฬิกาอันยอดเยี่ยมที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นและความเชี่ยวชาญในความล้ำเลิศของ Rolex จากจุดเริ่มต้นนี้ แบรนด์ได้นำสไตล์แห่งความเรียบหรู คลาสสิก และยืนยงเหนือกาลเวลามาเป็น แรงบันดาลใจให้กับการรังสรรค์นาฬิกาคอลเลกชั่นใหม่ของ Perpetual 1908 ซึ่งมีเอกลักษณ์ของความคลาสสิกร่วมสมัย พร้อมทั้งหล่อหลอมขึ้นจากมรดกแห่งการสร้างสรรค์นาฬิกา Rolex เรือนแรกในปี 1930 ซึ่งมาพร้อมโรเตอร์ Perpetual ที่เป็นดั่งจุดเริ่มต้นของคอลเลกชั่น Perpetual เช่นกัน

นาฬิกา Perpetual 1908 มีความโดดเด่นของงานดีไซน์ด้วยหน้าปัดจัดวางองค์ประกอบแบบที่คงเอกลักษณ์แห่งความคลาสสิกรับกับรูปทรงของเข็มชี้เวลา เครื่องหมายบอกชั่วโมงทรงเหลี่ยมเพชร และขอบหน้าปัดทรงโดมที่ผ่านการเซาะร่องอย่างประณีต โดยเปิดตัวมาพร้อมกับความสง่างามของตัวเลือกทั้งในเวอร์ชั่นทองคำ 18 กะรัตและทองคำขาวเช่นเดียวกับหน้าปัดสีขาวเข้มและสีดำเข้ม บรรจุภายใต้ตัวเรือนอันเพรียวบาง และฝาหลังคริสตัลแซปไฟร์เปิดเปลือยโปร่งให้เห็นกลไกการทำงานของ คาลิเบอร์ 7140 ที่ผ่านการตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ คงความประณีตละเอียดอ่อน นาฬิการุ่น Perpetual 1908 ได้รับการรับรอง Superlative Chronometer เฉกเช่นรุ่นอื่น ๆ ทั้งหมดของ Rolex โดยเสริมความสง่างามบนข้อมือด้วยการติดตั้งมาพร้อมกับสายนาฬิกาหนังจระเข้ และตัวล็อกแบบ Dualclasp ใหม่ล่าสุดของแบรนด์ เปรียบเสมือนอีกหนึ่งตัวแทนแห่งสุนทรียะความสง่างามและนาฬิกาอันเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณดั้งเดิมของ Rolex ที่ผสมผสานเข้ากับความทันสมัยและการสร้างสรรค์สู่อนาคต

MASTERING LIGHTNESS

ทะเยอทะยานและกล้าที่จะท้าทายขีดจํากัดใหม่ ๆ Oyster Perpetual Yacht-Master 42 ของ Rolex ได้หลอมรวมจิตวิญญาณอันเป็นอิสระนี้ไว้ พร้อมทั้งเผยโฉมหน้าใหม่สำหรับปีนี้ ด้วยนวัตกรรม อันล้ำสมัยของการใช้วัสดุไทเทเนียม RLX ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นๆ ทั้งความบางและเบาแต่แข็งแกร่ง ทนทานสูง พร้อมสำหรับทุกก้าวย่างแห่งการผจญภัยยุคใหม่

Yacht-Master ไม่เคยทิ้งของการเป็นยอดนวัตกรรมแห่งการสร้างสรรค์นาฬิกา และครั้งนี้ Rolex ได้เลือกสานต่อความล้ำเลิศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคอลเลกชั่นนี้ไว้ด้วยการผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีของการคิดค้น และพัฒนาวัสดุชนิดใหม่สําหรับสร้างสรรค์ตัวเรียนนาฬิกาที่ ต้องการความทนทานสูง สวมใส่ได้สะดวกสบาย และคงไว้ด้วยสไตล์สปอร์ตอันเข้มขรึม อย่าง Yacht-Master ซึ่งในรุ่นใหม่ได้พลิกโฉมหน้าแห่งนวัตกรรมวัสดุ โดยการผลิตตัวเรียนและสายนาฬิกา Oyster ขึ้นจากไทเทเนียม RLX ซึ่งโดดเด่นด้วยการเป็นโลหะอัลลอยน้ำหนักเบา พร้อมทั้งคุณสมบัติของความทนทานต่อการกัดกร่อนและเหมาะสำหรับการปกป้องกลไกอันแข็งแกร่ง เอามาผสมผสานเข้ากับงานฝีมือชั้นเลิศในการตกแต่งแล้ว ยังได้มอบผลลัพธ์ของนาฬิกาที่มีพื้นผิวเงาวาว กับส่วนของการขัดตกแต่งด้วยลวดลายซาติน สะท้อนบุคลิกใหม่ที่ชวนมองและสะกดสายตา ด้วยการเล่นกับแสง กันได้อย่างมีมิติ ทั้งยังทําหน้าที่ปกป้องกลไกคาลิเบอร์ 3735 ซึ่งผสมผสานระหว่างความเที่ยงตรง ประสิทธิภาพ การสำรองพลังงาน ความเชื่อถือได้ และความสะดวกสบายได้อย่างมั่นใจ

นาฬิกา Yacht-Master 42 โฉมใหม่นี้ถือเป็นรุ่นที่สองของแบรนด์ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความโดดเด่นของไทเทเนียม RLX ต่อจากรุ่น Oyster Perpetual Deepsea Challenge ด้วยเป้าหมาย หลักของการพัฒนานาฬิกาสมรรถนะสูง ให้เป็นเสมือนเพื่อนรู้ใจสําหรับผู้ใฝ่หาอิสรภาพแห่งการ เคลื่อนไหว และเหมาะสําหรับทุกไลฟ์สไตล์กันแอ็กทีฟในยุคปัจจุบัน

SALUTE TO NATURE

หน้าปัดหินสีกลายเป็นเสน่ห์ที่หลายคนต่างเฝ้ารอชม ยิ่งเป็นผลงานการคัดสรรหน้าปัดที่ทำจากหินสีหายากสุดพิถีพิถันของ Rolex ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นที่ปรารถนาและตามหาของเหล่าผู้ซึ่งหลงใหลในนาฬิกาประดับตกแต่งด้วยหินสีและอัญมณีล้ำค่า ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งสุนทรียศาสตร์ด้านความสวยงามที่อยู่คู่เคียงกับ Rolex เรื่อยมา

ในปีนี้ Rolex ได้ร่วมถ่ายทอดถึงอีกหนึ่งแรงบันดาลใจของหน้าปัดหินสีที่มาบรรจบกับความสง่างามเหนือกาลเวลาของนาฬิกา Oyster Perpetual Day-Date 36 โดยมีหน้าปัดทำจากหินสี ตกแต่งด้วยประกายแสงอันแวววาวให้เลือกถึงสามเวอร์ชั่น ทั้งในรุ่นตัวเรือนเอเวอโรสโกสด์ ทองคำขาว และทองคำ 18 กะรัต ที่เป็นกรอบอันสง่งามให้กับการบรรจุหน้าปัดทำจากหินอะเวนจูรีนสีเขียวที่มีเอกลักษณ์ของพื้นผิวเงาวาวแบบคริสตัล ส่วนหน้าปัดคาร์เนเลียนมีเอกลักษณ์ของเส้นสายและขนาดที่มีความแตกต่างกันจากการขึ้นรูปและลวดลายที่คล้ายกับรูปสลักนูนเล็กๆ ชวนมอง ตลอดจนหน้าปัดทำจากทอร์ควอยซ์ที่ยังคงลวดลายของสายแร่ และมีมิติความแวววาวของหินสีหายากนี้ไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว เหมาะสำหรับเป็นสมบัติอันล้ำค่าของผู้เป็นเจ้าของแต่ละคน ความโดดเด่นของหน้าปัดยังขับด้วยการประดับเพชรทั้งบนตัวเลขโรมัน VI และ IX สลับด้วยเครื่องหมายบอกชั่วโมง และบนขอบหน้าปัดของนาฬิกาแต่ละเรือน ลงตัวเข้ากับสายนาฬิกา President อันสวยงาม และตัวล็อกสายแบบซ่อน อย่าง Crownclasp มอบความเรียบเนียนรับกับทุกข้อมือได้อย่างดีเยี่ยม

นาฬิกาข้อมือ Oyster Perpetual Day-Date 36 รุ่นใหม่ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 3255 ที่เป็นหนึ่งในกลไกระดับแถวหน้าของเทคโนโลยีการประดิษฐ์นาฬิกาของ Rolex โดยมอบทั้งความเที่ยงตรงของการแสดงเวลา และการแสดงวันและวันที่ด้วยสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการมอบการอ่านค่าได้อย่างชัดเจนเสมอ

TIMESTAMPED WITH EMOTIO

ทุกช่วงเวลาล้วนจารึกไว้ด้วยเรื่องราวแห่งความทรงจำ ห้วงอารมณ์ และความรู้สึกที่แตกต่างกันในแต่ละวัน เหมือนกับที่ Rolex ได้เลือกที่จะประทับห้วงเวลาเหล่านี้ไว้ด้วยอารมณ์และการตีความครั้งใหม่ของนาฬิกาซึ่งสามารถสื่อความหมายแห่งความรู้สึกไว้ภายใต้การสร้างสรรค์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของรุ่น Oyster Perpetual Day-Date 36 ที่ถ่ายทอดการอ่านค่าเวลาด้วยรูปแบบใหม่และมอบสัมผัสแห่งอารมณ์ใหม่ ๆ ในแต่ละวัน

นำเสนอภายใต้นาฬิกาสามเวอร์ชั่นใหม่ แต่ละเรือนมีความโดดเด่นอย่างเดียวกันนั่นคือ การถ่ายทอดถึงสีสันแห่งห้วงอารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ผ่านทั้งลวดลายของรูปจิ๊กซอว์หลากสีที่ตกแต่งบนหน้าปัดโดยใช้เทคนิคการเคลือบอีนาเมลแบบ Champleve เพื่อมอบภาพที่ตัดกัน และมีมิติของความแวววาวแห่งสีสัน ทั้งยังรับไปกับแซปฟร์สีต่างๆ ที่นำมาตกแต่งบนมาร์กเกอร์บอกชั่วโมง ขณะที่บนช่องหน้าต่างบอกวัน ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ถูกแทนที่ด้วยถ้อยคำสร้างแรงบันดาลใจ ทั้ง ‘Happy’, ‘Eternity’, ‘Gratitude’, ‘ Peace’, ‘ Faith’, ‘Love’และ ‘Hope’ ส่วนช่องหน้าต่างแสดงวันที่ ณ 3 นาฬิกา ก็แสดงออกถึงอารมณ์ผ่านอิโมจิ 31 แบบ ซึ่งออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ แต่ละส่วนประกอบล้วนแสดงถึงสัญลักษณ์ของช่วงเวลาสำคัญต่าง ๆ ของชีวิต พร้อมทั้งร่วมถ่ายทอดถึงความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์และออกแบบหน้าปัดอันทรงคุณค่าของ Rolex

ปริศนาแห่งอารมณ์ความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับห้วงเวลานี้นำเสนอในสามเวอร์ชั่นของสีหน้าปัดหลักรวมถึงเวอร์ชั่นตัวเรือน ทั้งทองคำ ทองคำขาว และเอเวอโรสโกลต์ 18 กะรัต โดยภายในขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 3235 ที่สามารถปรับประยุกต์ให้สามารถแสดงถ้อยคำแห่งห้วงอารมณ์และสัญลักษณ์แห่งความรู้สึกเหล่านี้ได้อย่างกลมกลืน

JOYFUL REUNION

มีชีวิตชีวา และเสริมพลังบวกผ่านสีและการสร้างสรรค์ของ Oyster Perpetual รุ่นพิเศษใหม่ ซึ่งมีให้เลือกทั้งในขนาดตัวเรือน 31 มม., 36 มม. และ 41 มม. กับความโดดเด่นของการแต่งแต้มหน้าปัดด้วยลวดลายฟองสบู่ หรือ Celebration motif และเคลือบเงาด้วยสีสดใสถึง 5 สี ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหน้าปัด 5 เฉดสีของนาฬิกา Oyster Perpetual ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ทั้งแคนดี้พิงก์ เทอร์ควอยซ์บลู เหลือง คอรัลเรด และเขียว

เวอร์ชั่นใหม่ของ Oyster Perpetual รังสรรค์ขึ้นด้วยความประณีตของตัวเรือน Oystersteel ซึ่งเป็นสตีลพิเศษที่มอบความแวววาวเฉพาะตัว และผลิตขึ้นเฉพาะโดย Rolex นำมาผสมผสานเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ของการออกแบบ รวมถึงงานฝีมือและความแม่นยำอันเป็นเลิศที่หาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะเทคนิคของการเคลือบเงาที่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกหรือสิ่งปนเปื้อนอย่างฝุ่นละออง ทั้งยังต้องอาศัยการเคลือบที่แม่นยำมากขึ้น นาฬิกาในหลากหลายเวอร์ชั่นของ Oyster Perpetual ใหม่นี้ ติดตั้งคู่มากับสายนาฬิกา Oyster ซึ่งพัฒนาขึ้นในช่วงปลายยุค 1930s ในรูปแบบของสายนาฬิกา 3 ข้อ หรือแบบ 3 แถวที่มอบความนุ่มนวลและโอบรับกับข้อมือได้อย่างเรียบเนียน ทั้งยังคงความลื่นไหลไปกับความโค้งของข้อมือได้อย่างลงตัว ทั้งหมดมาพร้อมกับตัวล็อกสาย Oysterclasp เสริมความมั่นใจและสะดวกสบายโดยเฉพาะการปรับความยาวของสายได้สูงสุด 5 มม. ด้วยระบบ Easylink

ด้วยผลงานสร้างสรรค์ใหม่ในปีนี้ของ Rolex นับเป็นการแสดงออกอย่างกล้าหาญอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมนาฬิกา ทั้งยังสืบทอดไว้ด้วยปรัชญาแห่งการเดินทางสู่ความเป็นเลิศ ผ่านระดับของมาตรฐานขั้นสูงแห่งความเที่ยงตรงแม่นยำที่เป็นหนึ่งในหัวใจอันเป็น นิรันดร์ของนาฬิกา Rolex ทุกเรือน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิกา Rolex ได้ที่ https://www.siamswiss.co.th/th/rolex

Similar Articles

More