ในปีนี้การแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นการแข่งขันแห่งศตวรรษ จากชื่อเสียงระดับตำนานในฐานะการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระยะไกลสุดทรหดอันเก่าแก่และโด่งดังที่สุดของโลกนี้ ได้ออกเดินทางสู่การเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการแข่งขันไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ท่ามกลางสายตาของผู้ชมบนสนามแข่งและจากทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งความน่าตื่นเต้นที่เกิดขึ้นในทุกเสี้ยววินาทีของการแข่งขัน ที่บันทึกและจับเวลาไว้อย่างแม่นยำโดยนาฬิกา Rolex ผู้เป็นพันธมิตรและนาฬิกาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันรายการนี้มานับตั้งแต่ปี 2001 พร้อมบทพิสูจน์ถึงการเป็นนักบุกเบิกด้านวิศวกรรม ตลอดจนการสนับสนุนความพยายามของมนุษย์ซึ่งเป็นหัวใจของการแข่งขันรายการระดับตำนานนี้เสมอมา
Oyster Perpetual Cosmograph Daytona จาก Rolex
ผ่านหลากหลายผลงานสร้างสรรค์ของนาฬิกาข้อมือ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona จาก Rolex ที่ผนึกไว้ด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์และความสามารถทางเทคนิคอันก้าวล้ำสมัย กลายเป็นสถานะที่ไม่อาจเทียบเคียงได้บนสนามแข่งขันความเร็ว หรือบทบาทแห่งความเที่ยงตรงแม่นยำบนข้อมือของผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาสปอร์ตโครโนกราฟแม้อยู่นอกสนามแข่ง โดยเส้นทางความผูกพันของนาฬิกาข้อมือเหล่านี้ที่เชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับสนามแข่งความเร็วแห่ง 24 Hours of Le Mans ในวันนี้ ยังได้นำทางมาสู่การเฉลิมฉลองร่วมกันอย่างยิ่งใหญ่ผ่านการนำเสนอการตีความจากนาฬิกาข้อมือ Rolex เวอร์ชั่นดั้งเดิมของ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona ที่มีงานออกแบบและกลไกซึ่งออกแบบขึ้นเพื่ออุทิศให้กับการแข่งขันระดับตำนานนี้โดยเฉพาะ มาสู่นิยามใหม่ของนาฬิกาสปอร์ตโครโนกราฟอันทันสมัยสูงสุด
จุดเด่นแรกคือ ขอบตัวเรือน Cerachrom
จุดเด่นแรกคือการมาพร้อมขอบตัวเรือน Cerachrom เซรามิกสีดำ พร้อมทั้งสเกลบอกเวลาต่อเนื่องแบบเซาะ รวมถึงตัวเลขและคำกำกับต่าง ๆ บนสเกลทาคีมิเตอร์ที่ผ่านการขึ้นรูป จากนั้นจึงเคลือบด้วยชั้นบาง ๆ ของแพลทินัมโดยกระบวนการ PVD กับความแตกต่างเป็นพิเศษของตัวเลข ‘100’ บนสเกลนี้ซึ่งเติมด้วยเซรามิกสีแดงเด่น ขณะที่ฟังก์ชั่นจับเวลาชั่วโมงยังสามารถจับเวลาได้ครอบคลุม 24 ชั่วโมงของการแข่งขัน แทนที่จะเป็น 12 ชั่วโมงแบบปกติของรุ่น ซึ่งพัฒนาระบบที่ผ่านการจดสิทธิบัตรนี้ขึ้นโดยวิธีการสร้างสรรค์จักรกลที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนสำคัญ 7 ชิ้น ด้วยเป้าหมายหลักของการเสริมความสอดคล้องและความแม่นยำที่รับไปกับงานออกแบบใหม่ของ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona
ความพิเศษของ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona
สำหรับนาฬิกาข้อมือรุ่นเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของ 24 Hours of Le Mans นี้ นำเสนอด้วยความสง่างามของตัวเรือนไวต์โกลด์ พร้อมทั้งพื้นหลังของหน้าปัดสีดำสว่าง ตัดกับหน้าปัดย่อยสีขาว ช่วยขับเน้นถึงงานออกแบบสไตล์กราฟิกซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหน้าปัดของนาฬิกา Rolex ดั้งเดิม ขณะที่ตัวเรือน Oyster ยังมาพร้อมกับฝาหลังกระจกแซปไฟร์ใสที่นับเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของนาฬิการุ่นใหม่ในปีนี้ โดยเปิดโชว์การทำงานของกลไก Calibre 4132 ซึ่งผสมผสานด้วยหัวใจหลัก ๆ อย่าง Chronergy Escapement, Paraflex Shock Absorbers และสะพานจักรตกแต่งด้วยลวดลาย Rolex Côtes de Genève พร้อมทั้งโรเตอร์เยลโลว์โกลด์ ในรุ่นพิเศษนี้ยังเสริมความมั่นใจและปราดเปรียวสำหรับทุกเสี้ยววินาทีของการแข่งขัน ด้วยสายนาฬิกา Oyster ที่มอบความสมบูรณ์แบบให้กับสมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้งานอันล้ำเลิศเมื่ออยู่บนข้อมือของเหล่านักแข่งความเร็ว
ความสำคัญของการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans
การแข่งขัน 24 Hours of Le Mans มีพิธีเปิดครั้งแรกในปี 1923 และยังคงเป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนับเป็นหนึ่งในการแข่งขันรถยนต์ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรม การบุกเบิกประสิทธิภาพ และความปลอดภัยบนสนามแข่ง ที่ในการแข่งขันตลอดทั้งวันทั้งคืนนี้ นักแข่งและเครื่องยนต์จะเริ่มต้นการแข่งขันพร้อมกัน ภายใต้จิตวิญญาณอันทุ่มเทและสมบุกสมบันที่สุด ซึ่งการแข่งขันในปีนี้ยังได้ต้อนรับการกลับมาของผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์อันโด่งดังระดับแถวหน้า อย่าง Cadillac, Ferrari, Peugeot และ Porsche ด้วยความมุ่งมั่นเดียวกันในการที่จะจารึกชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของกีฬามอเตอร์สปอร์ตนี้ เช่นกันกับเหล่า Testimonees ของ Rolex ที่ต่างก็มีดีกรีระดับแชมเปี้ยนโลก อย่างนักขับรถ Formula 1 ของ FIA ประจำปี 2009 Jenson Button ที่ได้เข้าร่วมแข่งขันเคียงข้างกับยักษ์ใหญ่ในวงการนี้อีกมากมายด้วย
นอกจากนี้ Rolex ยังมีธรรมเนียมอันยาวนานในการมอบรางวัลแก่แชมป์กีฬามอเตอร์สปอร์ตด้วยเรือนเวลารุ่นพิเศษ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผลงานและความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของพวกเขาเรื่อยมา แต่ในปีนี้เรียกได้ว่ามีความพิเศษยิ่งกว่า เพราะนอกจากผู้ชนะจะได้รับนาฬิกาข้อมือ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona เนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งศตวรรษนี้แล้ว ยังมีโอกาสในการร่วมชูถ้วยรางวัลครบรอบ 100 ปีของ 24 Hours of Le Mans อันทรงเกียรติ นับเป็นความสำเร็จครั้งเดียวในชีวิตที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบเคียงได้อีกด้วย