ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จักละครชุด ดวงใจเทวพรหม ภาคต่อของละคร สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ที่คับคั่งไปด้วยเหล่าทัพนักแสดงรุ่นใหม่จากช่อง 3 ซึ่งละครชุดนี้ไม่เพียงสร้างปรากฏการณ์ละครยอดนิยมเท่านั้น แต่ในตอน ขวัญฤทัย ก็กลายเป็นใบแจ้งเกิดให้กับพระเอกใหม่แกะกล่องอย่าง ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว หนุ่มน้อยลูกครึ่งไทย-เยอรมัน วัย 21 ปีที่เติบโตในสวีเดน ก่อนจะกลับมาเติบโตในเมืองลำปางและไม่เคยคิดมีความฝันอยากเข้าวงการบันเทิง เพียงแต่อยากจะเป็นครูผู้ให้ตามรอยคุณแม่ที่ทำอาชีพครู แต่จุดหนึ่งเขาก็เบนเข็มทิศตัดสินใจเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ พร้อมรับบทเป็นพระเอกครั้งแรกในชีวิตกับบทบาทแพทย์ทหารรูปหล่อสุขุม ‘หม่อมหลวงฉัตรเกล้า จุฑาเทพ’ จนกลายเป็นดาวรุ่งคนใหม่ของวงการที่น่าจับตามองไม่แพ้ใคร
ในวันที่ไมกี้รับบทเป็นแพทย์หนุ่มนามว่าฉัตรเกล้า ในวัย 27 ปี ตัวของเขามีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น แต่กลับถ่ายทอดการแสดงที่น่าประทับใจ สมบทบาทเสียจนแฟนละครหลายคนตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น มิหนำซ้ำเขายังทุ่มเทกับบทบาทนี้ถึงขั้นที่ว่าคิวบู๊ทำเอาเจ็บหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดปอดจากซี่โครงหักทางด้านซ้าย ต้องพักฟื้นอยู่เป็นเดือนจึงจะกลับมาถ่ายทำต่อได้ กระนั้นแล้วหนุ่มคนนี้ก็พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในการแสดงทุกบทบาทอยู่เสมอ ทั้งยังมุ่งมั่นกับการแสดงต่อไปเพื่อให้เส้นทางนี้ประสบความสำเร็จอย่างภาคภูมิใจ และเขาจะได้เป็นนักแสดงที่มีความสามารถให้สมกับความรักที่แฟนคลับมอบให้
ทำไมถึงตัดสินใจเข้าวงการบันเทิง
ตอนแรกผมไม่ได้อยากเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงเลยครับ มีคนมาบอกผมว่าทำงานตรงนี้ได้โอกาสเยอะ แต่มันไม่ใช่ความฝันของผม สิ่งที่ผมอยากทำจริงๆ คือทำบ้างแต่ไม่ได้ทำเต็มตัว และด้วยความที่ผมเป็นเด็ก ผมก็ไม่ได้มองเหมือนอย่างที่วงการบันเทิงเป็นในปัจจุบันนี้ ผมมองว่ามันอยู่ไกลตัวมาก เป็นสิ่งที่เอื้อมไม่ถึง แล้วสิ่งที่ผมเคยได้ยินมาเกี่ยวกับวงการบันเทิงก็จะเป็นคำว่า ‘วงการมายา’ เพราะฉะนั้นตอนแรกก็ไม่ได้มีทัศนคติที่ดีกับวงการบันเทิง แต่พอได้มาเจอพี่ปิ๊ก (ปิ๊ก-ฌาณฉลาด ทวีทรัพย์) มันก็เปลี่ยนความคิดของผม เขาบอกว่า อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของผม เราไม่เคยได้ยินใครพูดอย่างนี้กับเรามาก่อน ก็เลยคิดว่าน่าสนใจและอยากจะลองดู เขาก็พาเราไปแคสต์และไปเจอผู้ใหญ่ที่ช่อง 3 ทั้งให้โอกาสและสอนอะไรหลายอย่างให้กับผม แล้วพอมาทำงานจริงๆ ก็ได้รับประสบการณ์มากเหมือนกัน ทั้งหมดนี้ก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้ผมตอบรับคำชวนเข้ามาทำงานในวงการครับ
อยู่ต่างจังหวัดแล้วเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ต้องปรับตัวอะไรบ้าง
เยอะเลยครับ ผมไม่เคยคิดอยากจะมาทำงานหรือเรียนในกรุงเทพฯ เลย ความฝันคืออยากกลับไปทำงานที่โรงเรียนเก่า กลับไปต่างจังหวัดและอยู่ลำปางเหมือนเดิม ผมเป็นคนที่มีวิถีชีวิตไลฟ์สไตล์แบบต่างจังหวัดมากๆ แล้วพอเข้ามากรุงเทพฯ ก็ต้องปรับตัวทุกอย่าง เรื่องการเดินทาง การกิน การใช้ชีวิตอยู่ และเรื่องการทำงานก็ด้วย เพราะเรามากรุงเทพฯ พร้อมกับงานเลย แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้หนักอะไรสำหรับผม เพราะตอนนั้นผมเองก็อายุ 18 ความคิดของผมในตอนนั้นก็น่าจะอยู่ในช่วงที่ต้องปรับตัวอยู่แล้ว เลยเหมือนกับว่าไม่ได้โดนบังคับให้ต้องปรับตัว เหมือนเป็นสิ่งที่ชีวิตต้องเจออยู่แล้ว มีคัลเจอร์ช็อคบ้าง แต่ไม่ได้หนักหนาอะไรครับ สบายๆ ยังเป็นตัวเองได้อยู่
ทราบมาว่าไมกี้มีความฝันอยากเป็นครู แล้วก็เคยสอบติดคณะศึกษาศาสตร์ที่เชียงใหม่ด้วย
ผมอยากเป็นครูเพราะว่าคุณแม่ก็เป็นครู มันเป็นอาชีพที่ได้ใช้ทักษะหลายด้าน ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ผมก็ยังให้คุณค่ากับอาชีพครู เพราะครูเป็นอาชีพที่ทรงคุณค่ามาก มันสามารถเปลี่ยนความคิดคนและสร้างบุคลากรที่ดีให้กับประเทศได้ ผมอยากทำอาชีพนี้ เพราะตอนนั้นผมก็อยากทำอะไรให้กับคนอื่นบ้าง อยากเป็นผู้ให้ แล้วมันได้ใช้ทักษะการทำงานเยอะดี ผมชอบทำงานกับคนอื่น ชอบทำงานกับสังคม และตอนนั้นเองผมก็เป็นทั้งรองประธานนักเรียน ทั้งทำกิจกรรมหลายๆ อย่างในโรงเรียนค่อนข้างเยอะ ก็เลยอยากทำงานที่เกี่ยวกับโรงเรียนครับ คงเป็นเรื่องความผูกพันด้วย
ทักษะสำคัญในการเป็นครูที่ดีคืออะไร
การเปิดรับครับ ครูเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาและต้องมีวิชาความรู้เยอะก็จริง แต่ว่าต้องไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ครูก็ต้องมีมุมที่ปรับทัศนคติ ความคิด ความรู้ไปตามยุคสมัยเหมือนกัน และต้องเข้าใจเด็กรุ่นใหม่ เพราะอาชีพครูจะต้องเวียนเจอเด็กทุกปีอยู่แล้ว เราจะห่างขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราต้องปรับมุมมองให้เปิดกว้าง มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผมครับ ถ้าครูคนไหนเข้าใจเเละเข้าถึงใจนักเรียนได้ ครูคนนั้นจะเป็นครูที่ดี เขาจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนหลายคนและพัฒนาคนให้เป็นบุคลากรที่ดีของประเทศได้ดีครับ
ครูคนสำคัญในชีวิตของไมกี้
ครูคนสำคัญของผมคือทุกคนเลยครับ ไม่ใช่เฉพาะครูที่เป็นอาชีพ แต่หมายถึงทุกคนที่เราได้รับความรู้ที่เขาถ่ายทอดวิชาให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เป็นครูได้หมด เพื่อนก็เป็นครูเราได้ ทุกคนเป็นคนสำคัญในชีวิตทั้งหมดครับ
เสน่ห์เฉพาะตัวของไมกี้
น่าจะเป็นความเฟรนด์ลี่ครับ มีคำพูดคำหนึ่งที่ผมชอบมากจากนักดนตรี Victor Wooten เขาเคยพูดสุนทรพจน์งานรับปริญญางานหนึ่งว่า “มนุษย์ทุกคนมีลายนิ้วมือที่ไม่เหมือนกัน เปรียบเสมือนความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร มันอยู่ที่ว่าเราจะสนใจความพิเศษตรงนั้นไหม แล้วเราอยากจะค้นหาความพิเศษของคนอื่นไหม” สิ่งนี้มันทำให้ผมมองตัวเองว่าผมเป็นคนเฟรนด์ลี่ ชอบสำรวจและชอบทำงานกับคนอื่นๆ เพราะผมรู้สึกว่ามนุษย์ทุกคนมีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ถ้าเราไปถามสิบคนถึงเหตุการณ์ที่ตะลึงที่สุด เศร้าที่สุด ดีใจที่สุดของแต่ละคน ทุกคนจะตอบไม่เหมือนกัน แล้วเราสามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้จากทุกคน ไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องฉลาดหรืออะไร เพราะเราสามารถเรียนรู้จากความพิเศษของทุกๆ คนได้ครับ
ไมกี้เป็นตัวเองมากที่สุดตอนอยู่กับใคร
เป็นตัวเองมากที่สุดตอนอยู่กับทุกคน ผมรู้สึกว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเฟคหรืออะไร เป็นตัวของตัวเองนี่แหละดีที่สุดแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเป็นตัวของตัวเองแล้วลำบากใจคนอื่นหรือเปล่า อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่งครับ แต่เราก็เป็นตัวของตัวเองให้ดีที่สุด เป็นตัวเองให้ดีขึ้นในทุกๆ วันแล้วกันครับ อย่าไปเบียดเบียนคนอื่น แต่การไม่เป็นตัวเองผมรู้สึกว่ามันแย่มากๆ เราจะลืมตัวตนของเราไป แล้วก็อาจจะหาความสุขในชีวิตของตัวเองไม่เจอก็ได้
ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างหลังจากเข้าวงการ
รู้สึกว่าได้รับความรักเยอะมาก ผมก็ปรับตัวยากอยู่เหมือนกัน เพราะว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก พอละครขวัญฤทัยที่ผมเป็นนักแสดงนำมันออนแอร์แล้วก็ทำให้มีคนรู้จักผมเยอะขึ้น โอกาสหลายๆ อย่างเข้ามาเยอะขึ้น รู้สึกดีอยู่แล้วครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือรู้สึกขอบคุณทุกคนมากที่สนับสนุน ให้กำลังใจ ให้ความรักกับผมมาตลอด มันทำให้ผมมีแรงในการทำงาน มีแรงในการสร้างผลงานที่ดีต่อไปในอนาคตได้ จริงๆ มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมมาถูกทางแล้วในชีวิตนี้ และก็ได้รู้แล้วว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร
ตัวละคร ‘ฉัตรเกล้า’ มีมุมไหนบ้างที่เหมือนตัวตนของไมกี้
จริงๆ ฉัตรเกล้าแตกต่างกับผมมาก แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย มุมเหมือนกันคงเป็นเรื่องที่ผมเคยเรียน รด. ละกัน (หัวเราะ) แล้วผมก็เคยเป็นรองประธานนักเรียนครับ อาจจะมีคาแร็กเตอร์ฉัตรเกล้าอยู่ในนั้นด้วย แต่มันต่างกันมาก อายุก็ห่างกันอีก ตอนนั้นผมเล่นละครอายุ 18 ปีเอง แต่ฉัตรเกล้า 27 ห่างกันเยอะเลย เรื่องสถานะทางครอบครัวและสังคมอีก ไม่คล้ายกับผมเลย ทั้งต้องนั่งกินข้าวหลังตรง ยุคสมัยก็ด้วย ผมไม่เคยเกิดมามีประสบการณ์กับยุค ‘90s ก็ต้องไปเล่นยุคนั้น มันยากมาก หรืออาจจะเป็นมุมของการเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนครับ เพราะผมคิดว่าผมเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะผมก็ทำงานให้กับสังคม ถ้าจะมองมุมนั้นนะครับ
คาแร็กเตอร์ไหนที่อยากเล่นมากที่สุด
ไม่มีตายตัวครับ อยากเล่นอะไรที่แปลกใหม่ ถ้ามีโอกาสได้เล่นแล้วเหมาะสมกับผมก็ดีครับ ผมรู้สึกว่าการเป็นนักแสดงมีเสน่ห์อย่างหนึ่งตรงที่เราเล่นเป็นใครก็ได้ สามารถเป็นคาแร็กเตอร์ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นว่าผมต้องเป็นคนเฟรนด์ลี่ก็ต้องเล่นบทแค่เฟรนด์ลี่อย่างเดียวก็ไม่ใช่ เราอาจจะอยากเล่นเป็นคนอื่นก็ได้ ด้วยความเป็นนักแสดงก็อยากจะพัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ ถ้ามีบทบาทอะไรที่น่าสนใจแล้วก็เล่นยากๆ บ้างก็ดูท้าทายดี ชอบครับ ผมชอบความรู้สึกถึงความท้าทายหรือความท้อแบบนั้น (หัวเราะ)
หลังจากผ่าตัดปอดแล้วเป็นยังไงบ้าง อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่เอาจริงเอาจังมากนะ
ขอบคุณมากที่เห็นความทุ่มเทแล้วก็เอาจริงเอาจังของผมนะครับ ตอนนี้ก็ผ่าตัดหายดีแล้ว อาจจะมีปัญหาเรื่องเหนื่อยง่ายนิดหน่อย เพราะมันกระทบถึงปอด เรื่องออกกำลังกายอาจจะทำได้ไม่เท่าเดิม ก็พยายามรักษาสุขภาพร่างกายให้ดีครับ ฝากถึงทุกๆ คนที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้ ก็ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ สุขภาพและชีวิตของเราสำคัญที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แล้วก็ขอบคุณที่เห็นความทุ่มเทของผม ผมก็อยากให้งานมันออกมาดีที่สุด พอได้เห็นว่าคนชอบฉากบู๊แล้วก็อินกับฉากต่างๆ หรือลุ้นตามไปด้วยก็รู้สึกดีใจ ผมก็หายเหนื่อยแล้ว เราทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพราะอยากให้ทุกคนได้ดู เต็มใจให้ละครออกมาสมจริงที่สุด แล้วก็สนุกที่สุดครับ
เริ่มทำอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นคนสอน
เริ่มทำตั้งแต่เด็กแล้วครับ ฝึกมาเรื่อยๆ คนสอนก็หลายคน ส่วนใหญ่เป็นคุณพ่อ คุณพ่อเป็นเชฟมาก่อน แต่ว่าผมก็ไม่ได้อยากจะทำอาหารตามพ่อหรอก เดี๋ยวอร่อยกว่าพ่อ พ่องอนไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็จะทำขนมครับ เพราะว่ากินคาวต้องกินหวาน (หัวเราะ)
รายการทำอาหารที่ชอบเป็นพิเศษ
ไม่ได้มีเป็นพิเศษ แต่เมื่อก่อนที่ดูบ่อยๆ จะเป็นของ Gordon Ramsay พวกรายการ Hell’s Kitchen หรือ Kitchen Nightmares แต่มันก็จะไม่ได้สอนการทำอาหารขนาดนั้น แต่เป็นเกี่ยวกับอาหารละกันครับ เป็นรายการที่ดูตอนเด็กๆ ตลอดครับ
เมนูโปรดของไมกี้
ผมชอบ Cold Cut เป็นพวกซาลามี่และชีสบอร์ด มันทำให้เรานึกถึงตอนเด็กๆ ตอนอยู่ที่สวีเดนกับครอบครัว อาหารแถบนั้นจะเป็นแนวนี้หมดเลย ตอนเช้ากินแบบนี้ทุกวันก็เลยชอบครับ ไม่เบื่อด้วยเพราะว่าอร่อยมาก
คิดว่าชีวิตตัวเองเหมือนรสชาติอะไร
ไม่เหมือนรสชาติไหนซะทีเดียว เพราะผมคิดว่าครบรส (ยิ้ม) พยายามให้มีทุกรสชาติ ไม่ให้หนักไปรสชาติใดรสชาติหนึ่ง เหมือนการทำอาหารเลยครับ ถ้ามีแค่รสชาติเดียวมันก็จะไม่ถึง มันจะต้องผสมผสานกับทุกรสชาติให้ออกมากลมกล่อม เอาเป็นว่าชีวิตผมรสชาติอูมามิละกันครับ
สิ่งที่อยากแนะนำให้คนอื่นลองทำในวัย 21
อยากให้ใช้ชีวิตในแบบที่เราเลือก ชีวิตเราเป็นของเรา เราเลือกได้ ลองทำดู ทำในสิ่งที่เรารัก ถ้ายังไม่ได้เริ่มทำอะไรหรืออยากจะเริ่ม เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย วัย 21 ไม่เด็กไป ไม่โตเกินไป ถึงล้มก็เป็นการเรียนรู้ ผมรู้สึกว่าเราสามารถให้อภัยกับตัวเองได้ในวัยนี้นะ ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่สำหรับผม อยากให้เราทำในสิ่งที่เรารัก แล้วก็หาความสุขของเราให้เจอ อย่าเอาความสุขของคนอื่นมาแบกรับไว้ หาความสุขของเราให้เจอด้วย และใช้ชีวิตแบบมีความสุขครับผม
เป้าหมายชีวิตในอนาคต
เวลาคนถามถึงเป้าหมาย ผมจะไม่ค่อยชอบบอก ผมรู้สึกว่าเป้าหมายในชีวิตของผม มันสำหรับเราคนเดียว เราไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้ก็ได้ เราทำแล้วไม่ได้แข่งกับใคร แล้วถ้าเราบอกให้คนอื่นรู้ เดี๋ยวมันจะมีความคิดอย่างอื่นแทรกเข้ามา มันอาจจะทำให้เราหลงทางได้ ผมเลยชอบเก็บไว้กับตัวเอง แต่มันไม่ใช่ว่าเราจะไม่ปรึกษาใครนะ แต่ถ้าให้พูดออกมาจริงๆ ณ ตอนนี้ ผมก็ประสบความสำเร็จแล้ว หลงรักการแสดงแล้ว ชอบวงการนี้แล้วก็อยากจะพัฒนาตัวเองต่อไป อยากประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงที่ดีและเก่ง สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างความภาคภูมิใจให้กับทุกคนและตัวเองได้ครับ