เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่สมชื่อ Louis Vuitton แบรนด์หรูเก่าแก่จากฝรั่งเศสกับ LV The Place Bangkok จุดหมายแห่งใหม่ของคนแฟชั่นที่รวมคอนเซปต์ครบทุกประสบการณ์ในที่เดียว ณ ศูนย์การค้าอัมรินทร์ ทำเลทองใจกลางกรุงเทพ ซึ่งในพื้นที่นี้เป็นที่ตั้งของนิทรรศการ คาเฟ่ รีเทลสโตร์ ไปจนถึงร้านอาหารฝีมือการปรุงรสของเชฟชื่อดังระดับโลก
นอกจากนั้นภายในพื้นที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยสุนทรียศาสตร์แห่งการออกแบบที่จะพาทุกคนไปพบกับจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดของเมซงหลังนี้ วันนี้ ELLE MEN Thailand เลยรวม 5 ไฮไลต์เด็ดของ LV The Place มาให้ทุกคนได้รับชมกันก่อนจะไปสัมผัสประสบการณ์ล้ำๆ ณ พื้นที่แห่งนี้ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย!
1. LV The Place Bangkok พื้นที่สุดพิเศษที่อัดแน่นประสบการณ์เหนือจินตนาการ
LV The Place Bangkok ครอบคลุมพื้นที่สองชั้นภายในตึกบนทำเลอันล้ำค่าใจกลางกรุงอย่าง ศูนย์การค้าอัมริทร์ อีกทั้งยังได้สร้างสรรค์ความงดงามผ่านจินตนาการของแสงออร่าอันเปล่งประกายจากมุมตึก โดยด้านนอกตกแต่งด้วยประติมากรรมรูปทรงเพชรขนาดใหญ่ดีไซน์ Façade ที่ส่องแสงยามค่ำคืน ต้อนรับผู้มาเยือนไปค้นพบจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดและความคิดสร้างสรรค์ของ Louis Vuitton ส่วนด้านในได้รวบรวมหลากหลายรูปแบบประสบการณ์ เช่น รีเทล อาหาร และเรื่องราวของวัฒนธรรม
2. นิทรรศการที่จะพาไปชมหน้าประวัติศาสตร์ของ Louis Vuitton
สำหรับไฮไตล์แรกของ LV The Place ก็คือ Visionary Journeys นิทรรศการใหม่ที่จะพาคุณไปสัมผัสมรดกล้ำค่าอันเป็นที่มาของเมซง ซึ่งไม่เคยแสดงที่ใดมาก่อนผลงานการออกแบบของบริษัทสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับโลก OMA และ Shohei Shigematsu นับเป็นการทำงานร่วมมือในฐานะพันธมิตรครั้งแรกระหว่าง OMA และ Louis Vuitton
โดยนำจินตนาการของเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมมาถ่ายทอดในคอนเซปต์ใหม่ให้กับงานนิทรรศการ Visionary Journeys ห้องต่างๆถูกแบ่งเป็นธีมชัดเจนในรูปแบบแตกต่างกัน โดยผสมผสานเรื่องราวบริบทใหม่ทั้งประวัติศาสตร์ และชิ้นงานร่วมสมัย เพื่อเชิญชวนผู้มาเยือนให้ดื่มด่ำไปกับหัวใจหลักในเรื่องความเชี่ยวชาญงานฝีมือ นวัตกรรม การเดินทาง และความคิดสร้างสรรค์
3. Le Café Louis Vuitton เพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มและเค้กอันเลิศรส
นอกจากนั้นที่นี่ยังมี Le Café Louis Vuitton ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่าง ตกแต่งในบรรยากาศอันรื่นรมย์ ผสมผสานดีไซน์องค์ประกอบของพืชพรรณธรรมชาติ และดีเทลทันสมัยของเมซง ตั้งแต่พื้นปาร์เกต์ไม้ที่ปูเป็นลวดลายโมโนแกรม ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ในดีไซน์ที่ตีความจาก Objets Nomades นำเสนอซีเลกชันเมนูขนมที่พิถีพิถันรังสรรค์ อาทิ เค้ก ทาร์ต พาร์เฟต์ และไอศกรีมแซนด์วิชหลากหลายรสชาติ พร้อมทั้งตกแต่งรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ของหลุยส์ วิตตอง ขนมที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษอย่างเช่น Star Blossom Cake เป็นเค้กช็อกโกแลต
การตกแต่งภายในโซนนี้สะท้อนเอกลักษณ์ภูมิอากาศของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่นไม้ หวาย และต้นไม้ โดยมีจุดเด่นตรงกลางคือ Pièce de Resistance เคาน์เตอร์โค้งมนที่ตั้งโชว์ซีเลกชันขนมอันสวยงามน่ารับประทาน ให้ลูกค้าสามารถเลือกสรรได้ตามอัธยาศัย
4. ถ่ายทอด DNA ของแบรนด์ผ่านรสชาติที่ Gaggan at Louis Vuitton
ไฮไลต์ที่พิเศษสุดๆ คงหนีไม่พ้น Gaggan at Louis Vuitton ร้านอาหารตั้งอยู่บนชั้นสองของคอนเซปต์สโตร์แห่งนี้ นับเป็นร้านอาหารร้านแรกของเมซงในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยมีเชฟอินเดียผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง Gaggan Anand มาสร้างสรรค์ประสบการณ์ในการรับประทานอาหารทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น
โดย LV ใช้โต๊ะรับประทานอาหารทำด้วยหินอ่อนจากอิตาลีสามารถรองรับแขกได้ 10 โต๊ะ พร้อมทั้งนำเสนอเมนูประจำซีซั่นที่รังสรรค์พิเศษให้กับเมซง ภายใต้คอนเซปต์ 5 S ได้แก่ Sweet, Sour, Salty, Spicy และ Surprise ตั้งแต่เมนูล็อบสเตอร์กับซอสที่ได้แรงบันดาลใจรสชาติแบบไทย ไปจนถึงสูตรเมนูเห็ดในแผ่นแป้งที่มีแรงบันดาลใจจากแพทเทิร์น Damier โดยส่วนผสมแต่ละชนิดจะเป็นดาวเด่นที่นำเสนอผ่านเมนูในแต่ละจาน
5. พาร์ตรีเทลที่มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่ซ้ำใคร
ปิดท้ายกันที่รีเทลสโตร์ภายใน LV The Place Bangkok ซึ่งเป็นการผสมผสานดีไซน์โก้หรูเข้ากับการตกแต่งที่มีชีวิตชีวา โดยครอบคลุมพื้นที่ชั้นบนสุดเพื่อมอบประสบการณ์ชอปปิ้งอันพิเศษและร่วมสมัย ท่ามกลางการจัดวางเฟอร์นิเจอร์วินเทจและผลงานศิลป์สีสันสะดุดตา คือความตั้งใจในการจัดแบ่งพื้นที่ระหว่างคอลเลกชั่นสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษให้กลมกลืนไปด้วยกัน
นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องการสรรหาความเอ็กซ์คลูซีฟร้านแห่งนี้ยังนำเสนอไอเทมเด็ดๆ มากมาย โดยจะวางจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเดียวในโลก ส่วนการรังสรรค์รูปแบบเฉพาะตัวบนผลิตภัณฑ์ มีบริการประทับลวดลาย มาสคอตของเมซงโดยตั้งชื่อพิเศษว่า ‘Nong Vivienne’ เพื่อสื่อความหมายของคำว่าน้องในภาษาไทย ซึ่งดีไซน์ขึ้นใหม่เพื่อต้อนรับการเปิดตัวร้านแห่งนี้