คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับนาฬิกาดีไซน์คล้าย ‘กลอง’ ที่กลายมาเป็นชื่อเรียกขานกันว่า Tambour และเพียงไม่นาน นาฬิกาข้อมือซึ่งเป็นตัวแทนของการมาบรรจบกันระหว่างฟอร์มและฟังก์ชั่นก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับ Louis Vuitton สู่วิวัฒนาการก้าวใหม่ในวันนี้

Tambour ตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล หน้าปัดสีเงิน
Tambour น่าจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่ทำให้หลายคนได้เริ่มรู้จักกับนาฬิกาแนวไลฟ์สไตล์ของ Louis Vuitton มากขึ้น เพราะ Tambour นับเป็นคอลเล็กชั่นที่แบรนด์ตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นการเปิดประตูสู่โลกนาฬิกาสไตล์แคชวลทันสมัย รวมถึงมอบประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับงานดีไซน์ของนาฬิกาข้อมือไว้เช่นกัน โดยในปี 2002 เฮาส์แห่งนี้ได้เผยโฉมนาฬิกา Tambour เป็นครั้งแรก กับรูปทรงของนาฬิกาที่ดูแปลกตาไปจากทั่วไป โดยเฉพาะเอกลักษณ์ของตัวเรือนที่ดูคล้ายกับกลอง จากทั้งความกลมมน ได้สัดส่วน และทรงพลัง

Tambour ตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล หน้าปัดสีน้ำเงิน
จาก Tambour รุ่นแรก ๆ จวบจนวันนี้ ซึ่งนับเป็นก้าวที่ 21 ของวิวัฒนาการการออกแบบและสร้างสรรค์นาฬิกาด้วยฟอร์มสุดพิเศษ Louis Vuitton ได้ตอกย้ำถึงการเดินหน้าพัฒนานาฬิกาคอลเล็กชั่นนี้ให้มีทั้งความทันสมัย สร้างสรรค์ และสง่างาม ขณะเดียวกันก็ยังคงคอนเซปต์ความลงตัวระหว่างฟอร์มและฟังก์ชั่นไว้เช่นเดิม โดยในนาฬิการุ่นใหม่ของ Tambour แห่งปี 2023 เป็นผลงานการรังสรรค์ของ Jean Arnault ผู้อำนวยการแผนกนาฬิกา Louis Vuitton ที่เขาเองเน้นย้ำว่า แม้ Tambour จะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน แต่ก็ใช่ว่าจะพลิกแพลงหรือปรับโฉมไปสู่มิติใหม่ๆ ไม่ได้ เช่นในนาฬิการุ่นใหม่ที่ได้รับการปรับโฉมและเสริมรายละเอียดความน่าสนใจใหม่ ๆ ไว้หลายจุด อย่างองค์ประกอบแรกที่ต้องยกให้กับตัวเรือนสเตนเลสสตีลรูปทรงกลองโค้งมนได้สัดส่วน ซึ่งผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งยังผสมผสานเข้ากับหน้าปัดโทนสีคล้ายคลึงกันของเฉดสีเงินและสีเทา หรือเฉดสีน้ำเงินที่เปิดตัวใน Tambour เป็นครั้งแรกด้วย


หน้าปัดของ Tambour ใหม่ ตกแต่งแบบผสมผสานงานฝีมือและมอบการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจน
งานออกแบบนี้ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์และผลิตขึ้นอย่างประณีตโดยแผนกนาฬิกาชั้นสูง La Fabrique du Temps Louis Vuitton โดยคำนึงถึงฟอร์มและฟังก์ชั่นเป็น 2 หัวใจหลัก ทำให้ได้มาเป็นตัวเรือนรูปวงกลมกับขอบโค้งมนและลาดตัวลงสู่ด้านข้าง เน้นความลื่นไหลของความโค้งและรับกับสรีระข้อมืออย่างกลมกลืน ทั้งยังประทับไว้ด้วยตัวอักษร 12 ตัวจากชื่อ Louis Vuitton ไว้เช่นเคย ในรุ่นใหม่มาพร้อมตัวเรือนขนาด 40 มม. และหนาเพียง 8.3 มม. ทำให้นอกจากจะเป็นนาฬิกาสปอร์ตแคชวลในทีแล้ว ยังนับเป็นนาฬิกาสไตล์เดรสวอทช์ได้อีกด้วย ส่วนจุดเด่นที่ช่วยให้รับกับขนาดข้อมือที่หลากหลายได้มากขึ้นนั้นยังรวมไปถึงการออกแบบสายโลหะสปอร์ตที่มีข้อต่อสายโค้งนูนเล็กน้อย ให้อารมณ์ของความสมมาตรและนุ่มนวล หรือเลือกได้กับสายหนังสัมผัสนุ่มนวล ทั้งคู่สามารถโค้งรับไปกับข้อมือได้อย่างแนบชิดไม่แพ้กัน

ฝาหลังนาฬิกาติดตั้งด้วยกระจกแซปไฟร์โชว์เครื่อง cal. LFT023
นอกจากรูปทรงตัวเรือนแล้ว Tambour รุ่นใหม่นี้ยังนำเสนอรายละเอียดของงานดีไซน์ใหม่ในอีกหลายจุดเด่น ๆ เช่น การตกแต่งพื้นผิวด้วยเทคนิคขัดเงาตัดกับการขัดแต่งแบบไมโครแซนด์บลาสต์บนหน้าปัด ซึ่งมาพร้อมข้อความ LOUIS VUITTON PARIS สื่อถึงต้นกำเนิดของเฮาส์ ณ เมืองปารีส ในปี 1854 ส่วนบนหน้าปัดบอกเวลาวินาทีเล็กประทับด้วยคำว่า FAB. EN SUISSE แทนที่คำว่า SWISS MADE อันคุ้นเคย ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงถึงอดีตของการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูงยุค 1950s และ 1960s โดยย่อมาจากคำว่า ‘Fabriqué en Suisse’ เป็นการอ้างอิงถึงชื่อแผนกนาฬิกาชั้นสูง ณ La Fabrique du Temps Louis Vuitton และสื่อถึงการหลอมรวมความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือสวิสเข้ากับความสง่างามแบบปารีเซียงไว้ด้วยกัน ส่วนเครื่องหมายสำหรับแสดงทุก 5 นาทีตกแต่งด้วยเทคนิคแบบสามมิติ เช่นกันกับบนตัวเลขและเข็มชี้เวลาที่เสริมประสิทธิภาพการมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยการเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova นอกจากนี้ บนเข็มชี้ยังมีดีไซน์ใหม่กลายเป็นรูปทรงเข็มที่ไล่ระดับจากกว้างสู่แคบลงเพื่อชี้แสดงเวลาอย่างแม่นยำ ทั้งยังเพรียวบางยิ่งขึ้น พร้อมกับฉลุโปร่ง เพื่อช่วยเสริมการมองเห็นและความสบายตาเมื่อมองดูเวลา

กระบวนการสร้างสรรค์นาฬิกา Tambour รุ่นใหม่
Tambour รุ่นใหม่ติดตั้งด้วยกลไก cal. LFT023 ซึ่งเป็นกลไกจักรกลอัตโนมัติแสดงเวลาแบบสามเข็มชุดแรกและชุดใหม่ของ Louis Vuitton โดยความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญด้านกลไกจักรกลระดับสูง อย่าง Le Cercle des Horlogers โดยบนชิ้นส่วนกลไกยังตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ดอกไม้โมโนแกรม และบนไมโครโรเตอร์ตกแต่งด้วยลวดลายอักษรย่อ LV กลไกชุดนี้มีความเที่ยงตรงระดับ Chronometer พร้อมทั้งประกาศนียบัตรรับรองโดย Geneva Chronometric Observatory ภายใต้การอุปถัมภ์ของ TIMELAB นาฬิกา Tambour รุ่นใหม่จึงมีความครบรสและกลมกล่อมด้วยฟอร์มและฟังก์ชั่นที่สมบูรณ์ นับจากความโดดเด่นของรูปทรงภายนอกสู่หัวใจขับเคลื่อนภายในจริงๆ
อ่านเพิ่มเติม: ย้อนรอย 21 ปีแห่งความสำเร็จของ Tambour เรือนเวลาเอกลักษณ์แห่ง Louis Vuitton