ครั้งที่แอลเมนได้เข้าร่วมงาน G-SHOCK 40th Anniversary ‘SHOCK THE WORLD’ Southeast Asia ขึ้นที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เราก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับ Mr. Shigenori Itoh, Executive Managing Officer & Senior General Manager of Global Marketing Headquarters, CASIO หรือที่รู้จักกันดีว่า Mr. G-SHOCK ถึงโอกาสฉลองครบรอบ 40 ปี และสิ่งที่แฟนๆ G-SHOCK จะได้ติดตามต่อไปนับจากนี้

ไฮไลต์ของการเฉลิมฉลอง 40 ปีของ G-SHOCK ที่ผ่านมา
Mr. G-SHOCK: นอกเหนือจากรุ่นไฮไลต์ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อฉลอง 40 ปีแล้ว ยังมีนาฬิการุ่นพิเศษที่เราจับมือร่วมมือกับ Rich Brian ซึ่งเป็นรุ่น Limited Edition โดยยังคงเอกลักษณ์ของนาฬิกา G-SHOCK ไว้ เช่นในแง่ของความแข็งแกร่ง ดีไซน์ และสไตล์ การทำงานร่วมกับ Rich Brian ครั้งนี้ ยังถือเป็นความร่วมมือพิเศษ ด้วยเพราะการทำงาน ตลอดจนผลงานของเขากับโลกของนาฬิกา G-SHOCK นั้นมีทิศทางเดียวกัน เราจึงเลือกร่วมงานกับเขา
การร่วมงานกับศิลปินหรือพันธมิตรอื่นๆ นั้น มีหลักการอย่างไร
Mr. G-SHOCK: องค์ประกอบแรกที่เราจะคำนึงถึงคือการร่วมงานกับผู้คนที่ชื่นชอบในความเป็น G-SHOCK อยู่แล้ว เช่นในฝั่งอเมริกา มี Kanye West ซึ่งเป็นแฟนตัวยง ส่วนเอเชีย ก็มี Rich Brian ที่เป็นแฟนนาฬิกาของเราเช่นกัน ส่วนในแง่ของการสร้างสรรค์และออกแบบ ผ่านความร่วมมือกับศิลปินและพันธมิตรเหล่านี้ เราจะแลกเปลี่ยนแนวคิดซึ่งกันและกัน แต่ยังคงไว้ด้วยหัวใจหลักคือเอกลักษณ์ความเป็นนาฬิกา G-SHOCK เช่น ดีไซน์ รูปทรง โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนในแง่ของลูกเล่นและสีสันไปตามคอนเซปต์และแนวคิดที่มีร่วมกันกับเหล่าศิลปินที่ร่วมงานกับเรา
การสื่อสารกับลูกค้าคนกลุ่มใหม่ว่า G-SHOCK ยังมีความคูล โดดเด่นและเต็มไปด้วยคุณภาพนั้น จะมีวิธีอย่างไร
Mr. G-SHOCK: จริงๆ แล้ว ต้องยอมรับว่ารสนิยมของคนรุ่นใหม่และรุ่นก่อนหน้าย่อมมีความแตกต่างกันอยู่แล้วครับ เดิมที G-SHOCK นั้นจะมีสไตล์และรูปลักษณ์ที่ดูเป็นมัสคิวลีนมากๆ แต่ในยุคใหม่ ผู้คนหันมานิยมในนาฬิกาที่ดูคลีน บางและเบา และเน้นการสวมใส่ได้สบาย ดังนั้น อย่างแรกคือการพัฒนาด้านนาฬิกา จากที่ดูมัสคิวลีน สมบุกสมบันมากๆ ก็ให้มีความเพรียว ทันสมัย และบางลง
อันดับสองคือด้านวัตถุดิบ เพราะก่อนหน้านี้ G-SHOCK เติบโตมากับการเป็นนาฬิกาพลาสติกมาโดยตลอด ณ ปัจจุบัน เราจึงหันมาพัฒนาด้านโลหะต่างๆ มากขึ้น เช่น สเตนเลสสตีล และคาร์บอน ขณะที่วัสดุพลาสติกก็มีการพัฒนาด้านความคงทนมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น การใช้เรซินผสมผสานเข้ามาเป็นองค์ประกอบของนาฬิกา แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญมากๆ เช่นกันคือ เมื่อพูดถึง G-SHOCK เรามีความเชื่อว่าเป็นนาฬิกาที่ตกแล้วไม่พัง ดังนั้น การที่เราเปลี่ยนวัสดุภายนอกให้เป็นโลหะแข็ง อาจทำให้กระทบกับฟังก์ชันและการทำงานของนาฬิกาที่เคยมีประสิทธิภาพอยู่แล้วได้ เราจึงต้องพยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างข้อเสียเปรียบและข้อได้เปรียบจากการพัฒนา เพื่อให้คงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเราไว้ให้ได้มากที่สุดและมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ
ส่วนที่สามคือในแง่ของฟังก์ชัน ที่คนรุ่นใหม่ต้องการฟังก์ชันซึ่งตรงกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น อย่าง การจับวัดชีพจร ดังนั้น เราจึงมีการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้เติบโตไปพร้อมๆ กับนาฬิกา สิ่งสำคัญที่สุดคือการต้องปรับพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เสมอ
ขณะที่ในด้านของการสื่อสารความเป็น ‘Toughness’ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ G-SHOCK นั้น เราต้องการสื่อถึงความเข้มแข็งของจิตใจ อารมณ์ความรู้สึก และความกล้าหาญที่จะก้าวข้ามขีดข้อจำกัดของตนเองและอุปสรรคทั้งทางร่างกายและจิตใจไปได้ด้วย โดยผ่านการร่วมงานและจับมือร่วมกับศิลปิน พันธมิตร หรือแบรนด์อื่นๆ ที่มีเป้าหมายและข้อความที่ต้องการสื่อสารที่ตรงกัน
ในฐานะที่อยู่กับนาฬิกา G-SHOCK มาตลอด จริงๆ แล้ว เวลาใส่นาฬิกา G-SHOCK ให้ความรู้สึกอย่างไรกับตัวเองเป็นพิเศษไหม
Mr. G-SHOCK: คิดว่าดูหนุ่มขึ้นครับ ไม่ใช่เพียงในแง่ของร่างกาย แต่เป็นด้านจิตใจที่ใส่แล้วให้ความรู้สึกดูหนุ่มขึ้น พร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
นาฬิกา G-SHOCK รุ่นที่ชอบเป็นพิเศษและผูกพันมากที่สุด
Mr. G-SHOCK: ถ้าให้เลือกก็คงเป็นรุ่น Original ที่เป็นนาฬิกาดิจิทัลหน้าปัดเหลี่ยมแบบดั้งเดิม รองลงมาคือบรรดาซีรีส์ไฮเอนด์ของ G-SHOCK เพราะมีคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจและแตกต่างกันอยู่ครับ
G-SHOCK มีคาแรกเตอร์แบบใดที่ถือเป็นจุดเด่นที่สุด
Mr. G-SHOCK: จริงๆ แล้ว มี 2 มุม หากพูดถึงนาฬิกา G-SHOCK อย่างแรกที่คนจะนึกถึงแน่นอนว่าคือนาฬิกาที่ทนทาน มีคุณภาพ กับจุดเด่นคือความทนต่อรอยขีดข่วนได้ หรือว่าแม้จะมีรอย แต่ก็ยังใส่เท่ ดังนั้น ถ้าให้เปรียบก็คงเป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่เราสามารถหยิบจับมาใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียหายหรือมีรอยขีดข่วน ส่วนอีกมุมหนึ่งคือความพิเศษกว่าทั่วไป จากทั้งดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และสง่างามในแบบฉบับของตนเอง ดังนั้น G-SHOCK จึงมี 2 คาแรกเตอร์ในหนึ่งเดียว
เมื่อถึงโอกาสครบรอบ 50 ปีข้างหน้า คิดว่า G-SHOCK จะมีหน้าตาหรือการพัฒนาไปเช่นไร
Mr. G-SHOCK: ข้อที่หนึ่ง อยากให้ G-SHOCK ได้ปรากฏตัวอยู่ใน Virtual World ข้อที่สอง คือการพัฒนาด้านความแข็งแกร่งของนาฬิกาให้ก้าวไปอีกขั้น ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม ซึ่งจะเป็นหัวใจหลักที่ยังคงอยู่เสมอ นั่นคือการพัฒนาให้ความคงทนแข็งแกร่งของนาฬิกา G-SHOCK ได้ก้าวไปอีกหนึ่งระดับที่ดีและดียิ่งกว่า
อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ นาฬิกา G-SHOCK
Mr. G-SHOCK: ขอขอบคุณแฟนๆ ชาวไทย และฝากติดตามนาฬิกา G-SHOCK ที่หลังจากนี้ จะมีอะไรสนุกๆ มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอนครับ