เมื่อไม่กี่เดือนก่อน กระแสภาพยนตร์เรื่อง 4 KINGS 2 ที่นักแสดงหนุ่ม จี๋-สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร รับเล่นนั้นได้รับความสนใจและมีผู้คนรอชมอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าความแรงของจี๋ไม่ได้หยุดแค่บทบาทหัวโจกโรงเรียนเทคนิคบุรณพนธ์ที่ทำให้เขาคว้ารางวัลสมทบชายยอดเยี่ยมมาครอง ทิ้งระยะแค่เพียงเดี๋ยวเดียวก็ตามมาด้วยผลงานรอมคอมสยองขวัญเรื่อง อนงค์ ที่ฉีกกฎหนังผีจนกระทั่งแฟนๆ ให้ฉายาพระเอกไมโครเวฟ เตรียมทะยานขึ้นแท่นมุ่งสู่หนังร้อยล้านเป็นที่เรียบร้อย
ครั้งยังเด็กจี๋ไม่ได้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง แม้ว่าพ่อแม่จะอยู่ในวงการบันเทิง แต่เขาได้สัมผัสเสน่ห์ของภาพยนตร์ผ่านการเดินเข้าออกโรงหนัง อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงใหลในโลกภาพยนตร์แบบสุดลิ่มทิ่มประตู “ผมชอบดูหนังในโรงเพราะบรรยากาศตรงนั้นมันมีเสน่ห์ ทั้งสเกลภาพ ทั้งเสียง สิ่งเหล่านี้หาซื้อจากที่ไหนไม่ได้ คุณต้องสัมผัสมันด้วยตาตัวเอง เวลาตีตั๋วเข้าไปดูหนังเรื่องหนึ่งทำให้ผมหลีกหนีจากความเป็นจริงได้สักพัก”
เมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างเต็มตัว ความสนุกในกองถ่าย รวมทั้งเพื่อนนักแสดงและทีมงานที่ให้การต้อนรับพระเอกดาวรุ่งคนนี้ จี๋ยอมรับว่าวงการบันเทิงเป็นบ้านที่อบอุ่นมิใช่น้อย “ผมน่าจะมาถูกทางแล้วล่ะ การที่เรายอมตื่นเช้า เข้านอนดึก แล้วสามารถทำอย่างนี้ซ้ำๆ อย่างสม่ำเสมอ มันคงเป็นสิ่งที่ผมรักจริงๆ ผมเลยให้ความสำคัญและเอนจอยที่ได้ทำแบบนี้ทุกวัน”
จี๋ยิ้มรับทุกบทบาท พร้อมทดลองทำอย่างสุดความสามารถ ในขณะที่โอกาสยังคงเดินหน้าเข้าหาเขาอย่างไม่หยุดยั้ง นาทีนี้จี๋คือนักแสดงสุดฮอต หาตัวจับยากกว่าใครด้วยหน้าที่การงาน 7 วันต่อสัปดาห์ ความสำเร็จขั้นต้นนี้เกิดจากการฝึกฝนอย่างหนักและไม่ใช่เหตุบังเอิญ “อาศัยครูพักลักจำ ค่อยๆ ฝึกตั้งแต่ติดลบเพราะพื้นฐานผมเป็นคนขี้อายมาก เข้าข่ายอินโทรเวิร์ตเลยล่ะ เวลาออกกองก็ต้องทิ้งความเป็นตัวเองไว้ที่บ้าน”
กลางแสงแดดจ้าตอนเที่ยงวัน สลับสับเปลี่ยนกับสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาเป็นระยะ ดูเหมือนทุกคนที่ต้องเผชิญกับอากาศแบบนี้น่าจะหมดแรงโดยง่ายและคงไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่สำหรับจี๋ที่กำลังโพสท่าตามที่ช่างภาพและแฟชั่นเอดิเตอร์คอยกำกับ เขาระบายยิ้มอย่างใจเย็น ดวงตาอบอุ่นฉายแววกระตือรือร้นสมกับเป็นนักแสดงที่แสนจะโดดเด่นของเจ้าตัว พานให้เราอยากรื้อค้นทำความรู้จักชีวิตของผู้ชายวัย 31 ปีคนนี้ให้ละเอียดทุกแง่มุม
“ยากที่สุดคือการถ่ายภาพนิ่งเพราะผมโพสไม่ค่อยเก่ง อย่างการถ่ายแฟชั่นกับแอลเมนวันนี้ก็ต้องคอยถามพี่ๆ ทีมงานตลอดว่าผมทำดีแล้วหรือยัง” ภาพถ่ายเซตนี้เชื่อมโยงเอาตัวตนของหนุ่มมาดเซอร์ที่มีแรงผลักดัน ขณะสวมใส่นาฬิกาสปอร์ตเรือนเท่ Seiko Prospex อยู่ในท่วงท่าอิริยาบถสบายๆ เขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเข้ากับคอนเซ็ปต์ได้อย่างน่าทึ่ง เรียบง่าย เท่แกร่งนอกกรอบ ตามสไตล์ผู้ชายสายสตรองในแบบที่จี๋เป็น “สีฟ้าของหน้าปัดนาฬิกา Seiko Prospex Zimbe 19 ทำให้ผมนึกถึงท้องทะเล ผมเป็นคนชอบเล่นกีฬามาก โดยเฉพาะกีฬาทางน้ำ เห็นแล้วอยากออกเดินทางพาตัวเองไปเล่นเวคบอร์ดให้หายเหนื่อย” เขาเอ่ยถึงนาฬิกาบนข้อมือขณะให้สัมภาษณ์
ในทางจิตวิทยาสีฟ้าหรือสีน้ำเงินช่วยให้เกิดความรู้สึกปลอดโปร่ง หนักแน่น สงบ และผ่อนคลาย เช่นเดียวกับทุกครั้งที่จี๋เปิดดูแอนิเมชัน Blue Period โมงยามแห่งสีฟ้า เขาจะซึมซับเอาพลังแห่งการเริ่มต้นใหม่และจิตวิญญาณของนักผจญภัยมาใช้เสมอ “การ์ตูนเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตของเด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นที่พยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะโตเกียว ผมเห็นถึงความมุ่งมั่นทำตามความฝันจนอดที่จะเอาใจช่วยไม่ได้”
ความเป็นคนทุ่มเทและเต็มที่กับทุกอย่างทำให้เราเชื่อว่าจี๋คงไม่ดังเปรี้ยงแล้วดับวูบแบบดาราทั่วไป เหตุผลข้อแรกคือเขามีใจอยากอยู่ในวงการมากกว่าแค่ชื่อเสียง แต่มีความปรารถนาแรงกล้าในการร่วมสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อคนดู “ผมโตมากับหนัง ได้รับการเยียวยาและโอบอุ้มมาจากหนัง ถ้าเราสามารถส่งต่อผลงานที่ดีมีคุณภาพ มันอาจจะช่วยให้ใครหลายๆ คนเกิดแรงบันดาลใจได้”
เมื่อคนเริ่มมองเห็นว่าจี๋เอาจริงเอาจังกับงานแสดง ชีวิตนอกจอของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเช่นกัน “ช่วงนี้แทบไม่มีเวลาเข้าโรงหนังเลย ครั้งล่าสุดคือไปโปรโมตเรื่อง อนงค์ รอบสื่อมวลชน ส่วนใหญ่จะดูผ่านสตรีมมิ่งมากกว่า”
เวลาว่างส่วนมากจี๋มักจะสาละวนอยู่กับการหาไอเดียใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมทักษะและเป็นประโยชน์ต่องานแสดง นอกเหนือจากเสพภาพยนตร์หลากหลายแนว อีกกิจกรรมที่ทำให้เขาปลดปล่อยความคิดและได้ใช้เวลากับตัวเองคืออ่านหนังสือ “มีหนังสือเล่มนึงที่ผมชอบมากชื่อว่า The Bear Wish Project เขียนโดยพี่โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ เป็นเรื่องราวของผู้ชายที่กำลังหมดไฟ เขาไปบาร์แล้วเจอกับหมีขี้บ่นตัวหนึ่ง แล้วหมีตัวนั้นก็ชวนเขาออกเดินทางทั่วประเทศจนได้เจอประสบการณ์ที่พิเศษ เป็นหนังสือที่อ่านเพลินและมอบพลังบวกแบบไม่ยัดเยียด”
“ผมสนุกกับการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ มีช่วงที่เฟลบ้าง หมดพลังบ้าง แต่พอเห็นคนรอบข้างมีความสุขก็พลอยแฮปปี้ไปด้วย ผมไม่ได้เอาตัวเองไปยึดติดกับคนอื่นนะครับ แต่ความสุขของครอบครัว เพื่อน และแฟนๆ เป็นแหล่งพลังงานดีๆ ที่จะช่วยผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า” คำพูดของเขาอาจจะดูเหมือนโลกสวย แต่ฟังแล้วจี๋คงรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
Credit Team
Photographer: Wasu Sukatocharoenkul
Fashion Editor: Ratchakrit Chalermsan
Makeup: Kwankhao Sumalee
Hair: Ruttasak Wiriyayutama
Style Assistant: Wannisa Suwansathien
Photo Assistants: Annop Dawwaset, Similan Prangprasert
Producer: Patharapapa Komvorn
Fashion Intern: Fahad Hayimasalae