สองสาวแฟลตเกิร์ล แฟร์รี่-กิรณา และ เอินเอิน-ฟาติมา เปิดใจเผยเส้นทางการแสดงและความฝันที่ไม่หยุดฝัน

Photographer: Pathomporn Phueakphud

ในโลกที่ความฝันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง แฟร์รี่-กิรณา พิพิธยากร และ เอินเอิน-ฟาติมา เดชะวลีกุล สองนักแสดงเจน Z สร้างชื่อจากหนังดราม่า แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่างเรา ถ่ายทอดเส้นทางการแสดงที่ท้าทายและสะท้อนชีวิตในแฟลต ซึ่งเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่คือพื้นที่แห่งความฝันและอุปสรรค

อ่านเพิ่มเติม: Flat Girls: สัญญะแห่งชีวิตในแฟลต ความฝัน และการแบ่งชนชั้นที่ซ่อนอยู่

บทสัมภาษณ์นี้เผยเส้นทางที่แตกต่างของทั้งสอง จากก้าวแรกในวงการสู่บทบาทที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ผ่านการแสดงที่สะท้อนความจริงของสังคม มาร่วมเดินทางไปกับพวกเธอ ผู้เปลี่ยนอุปสรรคเป็นแรงบันดาลใจ และทำให้ความฝันกลายเป็นจริง

จุดเริ่มต้นบนเส้นทางนักแสดงของแฟร์รี่และเอินเอิน

Fairy: แฟร์รี่เข้ามาเพราะมีพี่สาวอยู่ในแวดวงบันเทิง คนเลยมองว่าเราอาจมีแวว จึงได้ลองแคสต์โฆษณาและได้รับโอกาสนั้น แม้ไม่ได้มีงานต่อเนื่อง แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสแฟร์รี่ก็ลองเสมอ จุดเริ่มต้นคือโฆษณาตัวแรกค่ะ

EarnEarn: เอินเริ่มจากรายการ The Star Idol ตอนนั้นเป็นช่วงโควิดทำให้ติดอยู่ในไทย ไม่รู้จะทำอะไรเลยลองประกวดดู แต่ถ้าพูดถึงจุดเริ่มต้นจริงๆ คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เด็ก ตอนสามขวบเคยวิ่งไปแย่งไมค์ ผอ. หน้าเสาธงเพื่อร้องเพลง และตอนเอินหกขวบดูละคร ต้มยำลำซิ่ง ที่พี่ชมพู่-อารยาเล่น รู้เลยว่าการแสดงคือความฝันของหนูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (อมยิ้มแบบเขินๆ ส่งท้าย)

การได้เข้ามาร่วมงานในโปรเจ็กต์ Flat Girls

F: แฟร์รี่ได้รับการติดต่อจากพี่ต่าย (ทีมแคสติ้ง) เลยได้เข้าไปแคสต์แล้วก็ได้รับบทเป็นน้องเจน

EE: ของเอินก็เหมือนกันค่ะ พี่ต่ายเป็นคนเห็นแววแล้วเรียกเข้าไปแคสต์ ต้องแคสต์หลายรอบมากกว่าจะได้บทพี่แอน

บทบาทและความท้าทายในเรื่องแฟลตเกิร์ล 

F: น้องเจนเป็นเด็กที่รักการกินมาก ซึ่งต่างจากแฟร์รี่สุดๆ (หัวเราะ) ต้องเพิ่มน้ำหนักจริงจังด้วยเวย์โปรตีนและนมไขมันสูงเป็นโหลเลย แถมยังต้องกินชานมไข่มุกทุกวันติดต่อกันสองอาทิตย์จนฟันเหลือง ต้องไปฟอกสีฟันอีก (หัวเราะ) นี่เป็นครั้งแรกที่เราต้องเปลี่ยนแปลงรูปร่างเพื่อบทบาทขนาดนี้ ทั้งเพิ่มน้ำหนักและตัดผมสั้น ทุกอย่างคือเพื่อน้องเจนจริงๆ เป็นบทที่ท้าทายมากค่ะ

EE: พี่แอนเป็นตัวละครที่แตกต่างจากเอินมาก เราคล้ายกันแค่ตรงที่เป็นนักสู้และมีเป้าหมายในชีวิต แต่เรื่องครอบครัวและโอกาส เอินมองว่าตัวเองโชคดีกว่าเยอะ เพราะป๊ากับม้าสนับสนุนมาตลอด ในขณะที่พี่แอนเป็นคนเก่งและมีความสามารถ แต่ชีวิตของเขากลับมีข้อจำกัดบางอย่างที่ฉุดรั้งไว้ทำให้ไปไม่สุด นี่คือสิ่งที่ทำให้บทนี้ท้าทายสำหรับเอินค่ะ

หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเอินเอิน รู้สึกกดดันไหม แล้วรับมือกับมันอย่างไร

EE: เอินไม่ได้รู้สึกกดดัน แต่ต้องการทำให้ดีที่สุด เวลาเห็นผลงานตัวเองก็อยากรู้สึกภูมิใจ เอินเชื่อว่าถ้ากดดันมากเกินไปอาจทำให้ผลออกมาตรงกันข้าม การแสดงควรเป็นสิ่งที่สนุกและทำด้วยความสุขค่ะ ตั้งใจแบบไม่ตั้งใจ (หัวเราะ) เหมือนต้องทำการบ้านเยอะในการทำความเข้าใจตัวละคร แต่ถ้าเราไม่ได้สัมผัสหรือไม่ได้ลองเป็นเขาจริงๆ มันก็ไม่ได้ผล สิ่งที่เราต้องใช้ในการแสดงคือจิตวิญญาณมากกว่าสมอง มันต้องใช้ใจในการเล่น ทุกซีนที่ทำออกมามันเลยรู้สึกเป็นตัวละครจริงๆ ค่ะ

แฟร์รี่รู้สึกยังไงกับการรับบทเป็นตัวละครนำในหนังเรื่องนี้

F: จริงๆ แฟร์รี่เคยเล่นภาพยนตร์มาแล้วหนึ่งเรื่องค่ะ แต่นั่นไม่ใช่บทนำเหมือนเรื่องนี้ พอมาเล่นเป็นน้องเจนก็รู้สึกแตกต่าง เรื่องที่แล้วเราทำการบ้านเยอะไปหน่อย ผลปรากฏว่าคิดเยอะเกินจนมันดูไม่ธรรมชาติ แต่เรื่องนี้เราไม่ทำการบ้านเยอะแล้วค่ะ ตั้งแต่เวิร์กช็อปเราได้ปูแบ็กกราวนด์ของตัวละครน้องเจนมามากพอสมควร พอเข้าไปถ่ายจริงก็แค่อ่านบทแล้วใส่เข้าไปเลยค่ะ

เล่าถึง Flat Girls ให้ฟังคร่าวๆ ทำไมถึงเป็นหนังที่ควรค่าแก่การชม

EE: Flat Girls เป็นเรื่องราวของเด็กๆ ที่เติบโตในแฟลตตำรวจซึ่งมีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ แฟลตไม่ได้เป็นแค่ตึกที่เราเห็นจากภายนอก แต่ข้างในมีมิติที่คนทั่วไปอาจไม่มีโอกาสได้สัมผัสถ้าหากว่าไม่ได้เกิดเป็นลูกตำรวจหรือคนที่อาศัยอยู่ในนั้น พวกเราโชคดีมากที่ได้เล่นเรื่องนี้ ทำให้ได้เรียนรู้ว่าชีวิตในแฟลตเต็มไปด้วยเรื่องราว ทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัว ความแตกต่างทางชนชั้นฐานะ ความฝัน และโอกาสที่ไม่เท่ากัน บางคนมีพร้อมทุกอย่าง บางคนต้องดิ้นรนมากกว่า

F: แต่ถึงจะมีความแตกต่างมันกลับอบอุ่นกว่าที่คิดนะคะ ตอนแรกพวกเราเองก็ไม่รู้จักชีวิตในแฟลตมาก่อน เคยได้ยินแค่ชื่อ แต่พอได้มาใช้ชีวิตจริงๆ ได้ลองอยู่ไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กแฟลตไปเลย เดินขึ้นลงตึกคนเดียว สนิทกับสถานที่จนชิน สิ่งที่เคยดูแปลกตาอย่างตะไคร่ตามฝาผนัง พออยู่ไปนานๆ เรากลับรู้สึกว่ามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นธรรมชาติที่เราไม่ได้คิดอะไรกับมันอีกต่อไป

ทำไมชีวิตในแฟลตถึงน่าสนใจจนถูกนำมาสร้างเป็นหนัง

EE: เพราะมันเป็นโลกอีกใบที่คนทั่วไปไม่มีโอกาสเข้าไปเห็นค่ะ เราเองก็เพิ่งรู้ว่าข้างในแฟลตมีสนามแบดมินตันที่เป็นเหมือนศูนย์รวมกิจกรรมของเด็กๆ และยังมีสิ่งแปลกใหม่อย่างระเบียงที่เด็กแฟลตใช้ปีนจากห้องหนึ่งไปอีกห้อง ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่คนข้างนอกคงไม่มีวันเข้าใจ เด็กแฟลตมีวิธีสร้างความสนุกในแบบของตัวเอง ได้คิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ จากพื้นที่ที่มีอยู่ ทุกอย่างในแฟลตกลายเป็นสนามเด็กเล่น

F: เด็กๆ ที่นั่นเติบโตมาเหมือนครอบครัวใหญ่ เล่นด้วยกัน นัดกันลงมาวิ่งเล่นโดยไม่ต้องออกไปไหน ความผูกพันที่เกิดขึ้นก็เหมือนตัวละครน้องเจนกับพี่แอนที่โตมาด้วยกัน แต่วันหนึ่งมีเหตุต้องแยกย้ายเพราะทุกคนไม่สามารถอาศัยอยู่ในแฟลตได้ตลอด อย่างพี่แอนที่มีพ่อเป็นตำรวจแล้วเสียชีวิตในหน้าที่ ทำให้เธอไม่มีสิทธิ์อยู่ที่แฟลตอีกต่อไป คำถามคือแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน มันสะท้อนความเป็นจริงของชีวิตที่ต้องเดินหน้าต่อ แม้จะผูกพันกับที่นั่นแค่ไหนก็ตาม

การร่วมงานกันของสองสาวเจนใหม่ รวมถึงบอย-ปกรณ์ และอาโป วง DICE เป็นอย่างไร

F: สำหรับการร่วมงานกับเอิน แฟร์รี่รู้สึกว่าเราคลิกกันตั้งแต่แรกเจอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่พอมาแมตช์เคมีกัน พวกเราชิลมาก ไม่กดดันเลย ตั้งแต่ช่วงละลายพฤติกรรมที่ให้เอามือมาประกบกัน แฟร์รี่รู้สึกว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ด้วยความที่ตัวละครของเราสองคนต้องสนิทกัน เติบโตมาด้วยกัน มันทำให้เราค่อยๆ สนิทกันไปโดยธรรมชาติ

EE: เหมือนมีพลังงานบางอย่างที่เชื่อมเราสองคนค่ะ ต่อให้นั่งเฉยๆ ไม่ได้คุยกัน ก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง เหมือนสื่อถึงกันโดยไม่ต้องพูด รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกคนต้องการกำลังใจหรือกำลังคิดอะไรอยู่

F: ส่วนพี่บอย พี่เขาน่ารักมาก พวกเราแกล้งพี่บอยจนพี่เสียใจเลย (หัวเราะ) เราโตมากับการเห็นพี่บอยในทีวีหลายเรื่อง การได้ร่วมงานด้วยถือเป็นเกียรติมาก พี่บอยเป็นคนตั้งใจทำงาน ตั้งแต่วันแรกของเวิร์กช็อปเขาจะพกสมุดมาจดตลอด เขาไม่ได้สั่งว่าต้องเล่นยังไง แต่เราจะสังเกตและขอคำแนะนำจากพี่บอย แล้วเขาก็แชร์มุมมองให้ฟัง ที่น่ารักคือพี่บอยถ่อมตัวมากๆ เขาบอกว่าเขาได้อะไรจากพวกเราด้วย ทั้งที่จริงๆ พวกเราได้จากเขาเยอะมาก (หัวเราะ)

EE: ส่วนอาโปคือสีสันของกอง เอินอยากให้เขามาทุกคิวเลย ดีใจทุกครั้งที่อาโปมา เขาเป็นเพื่อนที่หนูอยากมีมากๆ พลังงานดี สดใส มีความมั่นใจแต่น่าเอ็นดู เวลาพี่แอนต้องคีพคาแร็กเตอร์หม่นๆ น้องเจนก็จะเหงาไปด้วย แต่พออาโปมาทุกอย่างพลันสดใสขึ้นทันที (หัวเราะ)

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากกันและกันในการร่วมงานครั้งนี้

F: แฟร์รี่เรียนรู้อะไรเยอะมากจากเอินเอิน เขาเป็นคนตั้งใจจริงๆ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน เขาทำการบ้านหนักและพยายามทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด ทุกครั้งที่เข้าซีนกับเอิน หนูรู้สึกสบายใจและโชคดีที่มีเขาอยู่ มันทำให้ทุกซีนผ่านไปได้ง่ายขึ้น เอินเป็นคนอดทนและมีพลังงานที่เสมอต้นเสมอปลาย ต่างจากหนูที่พลังงานมาไวไปไวมาก (หัวเราะ) เอินเก่งมากจริงๆ

EE: เอินไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลุดมือค่ะ ถ้าเราปล่อยให้ตัวเองดาวน์มันอาจกระทบกับตัวละคร แล้วเราจะมานั่งเสียดายทีหลัง เอินเองก็เรียนรู้จากแฟร์รี่เยอะมาก เขามีความเป็นธรรมชาติสูง ทั้งการพูด การแสดงท่าทาง ทุกอย่างดูเป็นตัวเขาเอง แล้วมันก็น่ารักมากจนบางทีหนูก็แอบขโมยมาบ้าง เอาเขาเป็นแบบอย่าง แฟร์รี่เป็นคนที่ไปที่ไหนใครก็รัก เป็นความสดใสของทุกที่ หนูเลยขอรับพลังงานตรงนี้มานิดหน่อย เพราะเล่นเป็นพี่แอนแล้วต้องหม่นตลอด (หัวเราะ) อีกอย่างที่ชอบในตัวแฟร์รี่คือเขามองเห็นข้อดีของทุกคนเสมอ ไม่เคยโฟกัสที่จุดด้อยของใครเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารักมากๆ

ส่งท้ายด้วยการฝากผลงาน แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่างเรา 

F: ขอเชิญทุกคนมาชมภาพยนตร์ Flat Girls ชั้นห่างระหว่างเรา วันนี้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศค่ะ เรื่องนี้สะท้อนช่วง coming of age ที่ทุกคนต้องเคยผ่าน มีทั้งเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์ ความฝัน และโอกาส เชื่อว่าหลายคนจะสามารถเชื่อมโยงกับเรื่องราวในหนัง ไม่ว่าจะเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน หรือได้เห็นมุมมองใหม่ๆ อย่างน้อยก็จะได้รับทั้งความสนุกและความตั้งใจของพวกเรากลับไปค่ะ

EE: หนังเรื่องนี้ครบรสมากค่ะ นอกจากดราม่าแล้วยังมีสีสันจากอาโปที่เติมความสดใสให้กับเรื่องราว หนังพูดถึงประเด็นชนชั้น ความฝัน โอกาส และความแตกต่างทางฐานะ รวมถึงเรื่องครอบครัวที่น่าจะทำให้หลายคนอิน พ่อแม่ที่มาดูกับลูกอาจเข้าใจกันมากขึ้น ได้เห็นมุมมองของกันและกันที่อาจไม่เคยสังเกตมาก่อน นอกจากนี้เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสความสัมพันธ์ของเด็กๆ ในแฟลต มันเป็นอะไรที่อบอุ่นและมหัศจรรย์มาก แม้จะอยู่ในพื้นที่จำกัดแต่ความสุขของพวกเขามหาศาล หนังเรื่องนี้อาจทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆ รอบตัว และเข้าใจกันมากขึ้นค่ะ

Flat Girls ชั้นห่างระหว่างเรา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สวยงามในเส้นทางการแสดงของสองสาว แฟร์รี่-กิรณา และ เอินเอิน-ฟาติมา ที่ผ่านความท้าทายและความมุ่งมั่นจนพัฒนาตัวเองและเรียนรู้จากกันและกัน สองสาวนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าอุปสรรคสามารถกลายเป็นแรงผลักดันให้ความฝันกลายเป็นจริง การถ่ายทอดความสัมพันธ์ในแฟลตทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆ รอบตัว และสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่ติดตาม

Similar Articles

More