Ford Ranger Wildtrak ดุดันไม่เกรงใจใคร กับภารกิจพิชิตเส้นทางออฟโรดสุดทรหด

หากเคยหลงความเท่ของ Ford Ranger Raptor ตัวแรงคันนี้กันมาแล้ว คงไม่แปลกที่จะโดนตกอีกครั้งกับ Ford Ranger Wildtrak น้องใหม่ (ราคาเบากว่าคันพี่ถึงหลักแสน) พร้อมโปรยเสน่ห์ด้วยขุมพลังสมรรถนะการขับขี่ขั้นสูงด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ให้สายแอดเวนเจอร์ได้ปลดปล่อยความสนุกกับการผจญภัยครั้งล่าสุด ซึ่งคราวนี้ ELLE MEN Thailand ได้มีโอกาสร่วมทริปเทสต์ไดรฟ์ Ranger Wildtrak ผ่านเส้นทางออฟโรดสุดโหด บุกดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ทดสอบความแรงเพื่อเอามาบอกต่อให้ชาวแอลเมนได้พิจารณากัน

Off-Road Parking with Ford Ranger Wildtrak

ก่อนความมันจะปะทุขึ้น เราขอเข้าเกียร์ P จอดรถนิ่งไว้ก่อน เพื่อทำความรู้จักกระบะคันนี้ที่มีนามว่า Ranger Wildtrak รถกระบะหนึ่งในรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดจากตระกูลฟอร์ดเรนเจอร์ของแบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกัน กับการยกระดับความแกร่งขึ้นอีกขั้นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร พร้อมโชว์สมรรถนะความเสถียรและความทนทาน ตอบโจทย์สายบุกสายลุยที่ต้องการพิชิตเส้นทางออฟโรดด้วยกำลังและแรงบิดมากขึ้น เหมาะสำหรับการลากจูงและการขับขี่แบบออฟโรด ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดแบบ E-Shifter มอบพละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ทำให้การผจญภัยบนถนนหนทางที่แสนยากลำบากไม่ว่าจะบุกน้ำหรือลุยฝุ่นเต็มไปด้วยความสนุกสุดมัน และที่สำคัญคือปลอดภัย

On Rock Road with Ford Ranger Wildtrak

ความสนุกของ Ranger Wildtrak เริ่มต้นขึ้นอย่างสมูทเมื่อเข้าเกียร์ D พร้อมออกเดินทางไปยังดอยหลวงเชียงดาวในระยะทางเกือบเก้าสิบกิโลเมตรจากตัวเมืองเชียงใหม่ แม้ต้องเผชิญกับเส้นทางในหลากหลายสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นถนนคอนกรีต ถนนลูกรัง ลำห้วย หรือเนินหินสูง ทุกโมเมนต์เต็มไปด้วยความท้าทายเพื่อให้เราทดลองโหมดการขับขี่ที่จัดมาเพื่อการเดินทางแบบออฟโรดโดยเฉพาะ ไล่ตั้งแต่โหมดลากจูง โหมดทางลื่น โหมดโคลน และโหมดทราย ที่ช่วยรักษาสมรรถนะการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพเส้นทางและพื้นผิวที่แตกต่างกัน โดยแต่ละเส้นทางยังคงความนุ่มนวลไว้ด้วยระบบโชกอัพแบบ Monotube หรือกระบอกเดี่ยว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันแรงสั่นสะเทือน มอบการขับขี่ที่สมูทและแน่นหนึบมากยิ่งขึ้น ตลอดการเดินทางเรายังรู้สึกปลอดภัยกับกล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยให้เห็นทัศนวิสัยได้รอบทิศทางทั้งจากมุมสูงและมุมหน้าจรดท้ายรถ เชื่อมต่อกับหน้าจอทัชสกรีนแนวตั้ง โดยมีหน้าจอแยกส่วนเพื่อให้จอดรถได้สะดวกยิ่งขึ้นในพื้นที่แคบ หรือช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการเดินทางบนสภาพเส้นทางออฟโรด 

Editor’s Note
“ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางทำให้รู้เลยว่าระหว่างทางที่มี Ranger Wildtrak เป็นเพื่อนร่วมทางช่างเป็นความมันที่แสนอุ่นใจในความปลอดภัยสำหรับทริปออฟโรดครั้งแรกของผู้เขียน จนคิดแพลนทริปออฟโรดครั้งต่อไปกับรถตระกูลนี้ไว้ในทางที่ลำบากกว่าครั้งก่อน”

Similar Articles

More