การโคจรกลับมาพบกันนอกจอของสองนักแสดง ฟอส-จิรัชพงศ์ ศรีแสง และ บุ๊ค-กษิดิ์เดช ปลูกผล จากเพื่อนวัยเด็กในชีวิตจริงที่ห่างหายแยกย้ายไปช่วงหนึ่งแต่หนีกันไม่พ้น จับพลัดจับผลูได้มาเล่นซีรีส์ ‘ใครคืออองชองเต’ ‘ชอกะเชร์คู่กันต์’ และ ‘เพื่อนต้องห้าม’ กลายเป็นอีกหนึ่งคู่หูดาวเด่นที่น่าจับตามอง
ความโด่งดังของพวกเขาค่อย ๆ ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มขยับจากเส้นทางสายบันเทิงสู่แวดวงแฟชั่น หลังจากแท็กทีมบินลัดฟ้าไปกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก Dolce & Gabbana เพื่อร่วมชม Men’s Fashion Week 2024 ที่เมืองมิลาน ล่าสุดทั้งสองคน พร้อมขึ้นปกนิตยสารแอลเมน ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ วันนี้เราจะมาพูดคุยถึงสิ่งที่ฟอสและบุ๊คได้เรียนรู้จากการร่วมงานกันตลอดระยะช่วงเวลาหลายปี รวมถึงแพลนชีวิตในอนาคตที่เข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกที
จากเพื่อนวัยเด็กที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยอนุบาล อะไรคือสิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนคอนเนกต์ต่อติดกันง่าย
Force: สิ่งที่ทำให้เราคอนเนกต์กันน่าจะเป็นเรื่องความเข้าใจ แม้ว่ารู้จักกันมานาน แต่พวกเราสองคนไม่ได้สนิทกันตั้งแต่แรก ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ปรับตัวเข้าหากันเรื่อย ๆ พูดคุยสื่อสารกันตลอด ผมจะพูดเสมอว่าถ้ามีอะไรให้คุยกันนะ ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อยากให้ทำอะไร ไม่อยากให้ทำอะไรก็บอก
Book: การพูดคุยทำให้เราปรับจูนเข้าหากันได้ จริง ๆ หลายคนน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าฟอสกับบุ๊คเหมือนแม่เหล็กคนละขั้ว แต่พอได้มาทำงานด้วยกัน ผ่านประสบการณ์ทั้งทุกข์และสุข ได้ลองผิดลองถูก กล้าบอกว่าสิ่งไหนโอเค สิ่งไหนไม่โอเค เวลาทำผิดเราก็กล้าขอโทษ ต่างคนต่างยอมรับข้อดีและข้อเสียของกันและกัน มันยิ่งทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น
อะไรบ้างที่ต่างกันคนละขั้ว
Force: มีหลายอย่างที่เรามองกันคนละมุม คิดคนละแบบ แต่ไม่ได้หมายความว่าใครคนใดคนหนึ่งจะผิดนะครับ ยกตัวอย่างเช่น การตั้งเป้าหมายในชีวิต ผมมักจะวาดภาพใหญ่ไว้ก่อน แล้วค่อยลงดีเทลวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ค่อนข้างซีเรียสจนบางทีก็ดูเครียดเกินไป ถ้าแพลนว่าพรุ่งนี้จะตื่นเจ็ดโมงก็ต้องตื่นเวลานั้น ทำทุกอย่างตามลิสต์ ในขณะที่บุ๊คจะเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ
Book: สำหรับฟอส เป้าหมายมีไว้พุ่งชน (หัวเราะ) ส่วนผมจะค่อนข้างยืดหยุ่น แต่ไม่ได้ปล่อยปละละเลยขนาดนั้น ช่วงหลัง ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น เราแค่ไม่ได้ตั้งเป้าไว้สูง ค่อย ๆ ทำไปทีละเล็กทีละน้อยก็มีความสุขแล้ว
Book: เสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าคอตตอนลายทาง กางเกงผ้าคอตตอนสีน้ำตาล สร้อยคอ ต่างหูแบบหนีบ และรองเท้าหนังสีขาว จาก Dolce & Gabbana
การเป็นเพื่อนกันมาก่อนมีส่วนให้ทำงานง่ายขึ้นไหม
Force: ตอนทำงานแรก ๆ จะลำบากนิดหนึ่งครับ เพราะช่วงที่ห่างหายแยกย้ายกันไปก็ดำเนินชีวิตคนละแบบ เราไม่ได้มีความชอบหรือนิสัยใจคอที่คล้ายกัน ต้องใช้เวลาสักพักเลยกว่าจะหาบาลานซ์และปรับจูนกันได้
Book: สำหรับผมมีทั้งง่ายและยาก ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน เรารู้ว่าสามารถพูดกับคนนี้ได้แน่นอน ไม่ต้องเสียเวลาละลายพฤติกรรม ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรู้สึก awkward อาจจะทำตัวไม่ถูกตอนเจอกันครั้งแรก พวกเราข้ามสเตปนั้นได้เลย แต่การพูดตรงก็เป็นดาบสองคม ต้องคอยเตือนตัวเองเสมอเพราะไม่อยากทำร้ายกันด้วยคำพูด
Book: เสื้อกล้ามสีดำสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตซีทรูตกแต่งลูกไม้ สร้อยคอเชือกถักมารีนา และต่างหูแบบหนีบ จาก Dolce & Gabbana
ตัวตนของบุ๊คที่ฟอสชอบและคิดว่าเป็นเสน่ห์ของเขา
Force: บุ๊คเป็นคนช่างสังเกตและคิดถึงจิตใจผู้อื่นเสมอ เขาจะถามไถ่ถึงความรู้สึก คอยเช็กว่าผมมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า เสน่ห์ของเขาคือความจริงใจ
ตัวตนของฟอสที่บุ๊คชอบและคิดว่าเป็นเสน่ห์ของเขา
Book: ฟอสเป็นคนใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าไม่สนิทกันอาจจะมองว่าเขาเป็นคนห่าม โผงผาง แต่เขามีมุมคิดมาก แคร์คนรอบข้างเสมอ
Book: เสื้อกล้ามสีดำสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตซีทรูตกแต่งลูกไม้ กางเกงผ้าคอตตอนสีดำ สร้อยคอเชือกถักมารีนา ต่างหูแบบหนีบ กำไลโลโก้ DG แหวน และรองเท้าผ้าโพลีเอสเตอร์สีดำ จาก Dolce & Gabbana
ฟอสเคยให้สัมภาษณ์ว่าอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ตอนนี้ใกล้ถึงเป้าหมายนั้นหรือยัง
Force: ผมอยากมีบ้าน แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะลงหลักปักฐานที่ไหน ตอนนี้ยังอยู่กับพ่อแม่ คิดว่าไม่น่าเกินห้าปีจะตัดสินใจได้ อาจเป็นบ้านขนาดกำลังดี มีพื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นได้ ไม่ต้องใหญ่มาก เพราะผมอยู่คนเดียว ไม่งั้นจะเหงา
แล้วบุ๊คล่ะ แพลนไว้ยังไงบ้าง
Book: บ้านหลังแรกของผมคงเป็นบ้านเดี่ยว เพราะปัจจุบันครอบครัวเราอาศัยอยู่ทาวน์เฮาส์ อยากมีพื้นที่ให้พ่อแม่ออกมาเดินเล่น ทำสวน อาจไม่ต้องใหญ่โตมากนัก แค่ให้พวกเขาได้อยู่แบบสุขสบาย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเก็บเงิน คิดว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักเลย
ได้ยินมาว่าบุ๊คชอบถ่ายรูป ระหว่างร่วมทริปมิลานเก็บภาพถ่ายแบบไหนไว้ในมือถือเยอะสุด
Book: ผมชอบกล้องฟิล์มแต่ไม่ได้ออกทริปถ่ายรูปนานมากแล้ว การเดินทางไปมิลานครั้งนี้จึงมีแต่ภาพที่ถ่ายด้วยมือถือ ส่วนใหญ่เป็นภาพโมเมนต์ของผู้คนและภาพวิว ถ่ายไว้ดูเองเก็บเป็นความทรงจำครับ (ยิ้ม)
Book: เสื้อเชิ้ตผ้าเดนิมและไหมทวิลล์ลายพิมพ์บานาโน กางเกงลายพิมพ์บานาโน กำไลลูกปัด ต่างหูแบบหนีบ และกระเป๋าโท้ตลายพิมพ์บานาโน จาก Dolce & Gabbana
เหตุการณ์ไหนที่คุณสองคนรู้สึกประทับใจมากเป็นพิเศษขณะเดินทางไปร่วมชมโชว์ Dolce & Gabbana ที่มิลาน
Book: ตอนที่ได้รับการติดต่อจากแบรนด์ต้องบอกว่าดีใจมาก ผมกระโดดกอดฟอสเลย! หลังจากโชว์จบลง มีโอกาสได้เจอ Domenico Dolce และได้พูดคุยกันด้วย จังหวะที่เขาเข้ามาแตะไหล่ผมรู้สึกเหมือนได้รับการเจิมจากรุ่นใหญ่ระดับตำนาน
Force: ไม่คาดคิดว่าจะมีวันนี้เหมือนกันนะ วันที่เราได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นมันเติมเต็มมาก โมเมนต์ที่ผมประทับใจคือการได้นั่งฟรอนต์โรว์ติดกับกองหลังทีมลิเวอร์พูล Trent Alexander-Arnold ผมเป็นแฟนบอลอยู่แล้วก็เลยดีใจมาก ชวนเขาคุยไม่หยุดเลย แถมช่วงดินเนอร์หลังจบแฟชั่นโชว์ได้เจอ Kavo ซึ่งเป็นแรปเปอร์ชื่อดัง การได้กระทบไหล่ศิลปินและนักเตะระดับโลกถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าสุด ๆ ถ่ายทั้งคลิปทั้งเซลฟีเก็บไว้เต็มมือถือเลยครับ (หัวเราะ)
นิยามความสัมพันธ์ฉันเพื่อนระหว่างฟอสกับบุ๊ค
Force: เราเป็นเพื่อนที่ชอบไฝว้กัน หยอกล้อกัน มันสนุกมากเลยนะที่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะมีอะไรหลายอย่างแตกต่างกันแต่ไปด้วยกันได้ ผมรู้สึกสบายใจมาก ๆ ที่ตอนนี้ยังได้ทำงานกับบุ๊ค เราสองคนผ่านอะไรกันมามาก ผ่านช่วงเวลาทั้งสุขและเศร้ามาด้วยกัน แฟนคลับที่ติดตามเราจะรู้ว่าฟอสบุ๊คไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างตั้งแต่แรก พวกเราค่อย ๆ เก็บสะสมชั่วโมงบินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มลงตัวก็อยากเก็บรักษาช่วงเวลาดี ๆ ไว้ให้นานที่สุด พวกเราสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดตราบเท่าที่ทุกคนยังต้องการเห็นและเอ็นดูเราอยู่ (ยิ้ม)