“ไฮ เคน!” พูดคุยกับ Simu Liu แบบเอ็กซ์คลูซีฟครั้งเยือนเมืองไทยครั้งแรกในชีวิต

WORDS: Witthawat Pukkhabut

“กรุงเทพฉันรักคุณ!” โพสต์ที่มีข้อความภาษาไทยประกอบภาพซ้อมมวยไทย รวมถึงวัด สวนสาธารณะ และอาหารสตรีตฟู้ดต่างๆ ของ Simu Liu (ซือมู หลิว) เรียกความสนใจจากแฟนๆ ชาวไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างก็ตั้งตารอคอยว่านักแสดงที่โด่งดังจากบทซูเปอร์ฮีโร่ Shang-Chi (ชาง-ชี) ผู้นี้จะไปเช็กอินที่สถานที่ไหนของประเทศไทยอีกบ้าง

Simu Liu สวมเสื้อเชิ้ต และแจ็กเก็ต จาก Loro Piana

วันรุ่งขึ้นนักแสดงหนุ่มชาวแคนาดาเชื้อสายจีนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะได้โพสต์ภาพขณะดำน้ำและโลกใต้ท้องทะเลภูเก็ต ตามด้วยภาพการแฮงเอาต์ “กับเพื่อนสมัยเด็กของฉันในภูเก็ต!” ในอีก 3 วันต่อมา ปิดท้ายทริปในไทยด้วยคำว่า “ขอบคุณมาก!” พร้อมภาพความทรงจำอันสวยงามของเขาที่เชียงใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวม IG Story ที่เขาโพสต์เรื่อยๆ เพื่ออัปเดตเรื่องราวในไทยของตัวเองอีกมากมายด้วย ความตื่นเต้นกับการท่องเที่ยวในบ้านเราของ Simu Liu ไม่ได้เกิดขึ้นกับเจ้าตัวเท่านั้น แต่ยังสัมผัสได้จากแฟนๆ ชาวไทยของเขาหลายคนที่มีโอกาสได้พบปะ ทักทาย และถ่ายรูปกับไอดอลของพวกเขา พร้อมเล่าประสบการณ์ลงโซเชียลมีเดียของตัวเองอย่างมีความสุข

Photo: Simu Liu

แอลเมนเองก็ได้นัดเจอและพูดคุยกับ Simu Liu เช่นเดียวกัน ซึ่งคำถามแรกที่แม้จะเป็นอะไรที่ง่ายๆ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ก็คือแรงบันดาลใจของเขาในการมาเที่ยวไทยครั้งนี้คืออะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเอ่ยถึงในโพสต์ IG ว่าจริงๆ แล้วเป็นทริปที่แพลนมากว่า 10 ปีแล้ว “เอาจริงๆ มีหลายเหตุผลมากๆ ที่ทำให้ผมอยากมาเที่ยวประเทศไทย ผมรักธรรมชาติแบบสุดๆ เลยอยากมาดำน้ำแถวๆ ภูเก็ตและเกาะพีพีมากๆ และก็อยากไปเล่นกับช้าง ซึ่งเป็นสัตว์มงคลของไทยที่เชียงใหม่ด้วย นอกจากนี้อาหารไทยก็เป็นอาหารโปรดของผม ผมตั้งตารอที่จะได้ลิ้มลองผัดไทยและผัดกะเพราสไตล์บ้านๆ ที่ขายตามร้านค้าข้างถนนมาโดยตลอด”

Photo: Simu Liu

ELLE MEN: พอได้มาประเทศไทยจริงๆ แล้ว สิ่งแรกที่ประทับใจเลยคืออะไร โมเมนต์ไหนบ้างที่เป็นเหมือนฝันที่กลายเป็นจริง และอะไรบ้างที่เกินความคาดหมายของคุณ
Simu Liu: โอ้ววว! เรียกได้ว่าทุกอย่างมันคือฝันที่กลายเป็นจริงเลยนะ ทั้งดำน้ำสกูบาที่ภูเก็ต ว่ายน้ำท่ามกลางหมู่ฉลามและเต่าทะเลมากมาย ไปจนถึงช่วยดูแลช้างที่ฟาร์มช้างภัทร แม้กระทั่งการได้ไปกินอาหารตามตลาดกลางคืนต่างๆ ทั้งจ๊อดแฟร์ในกรุงเทพฯ ชิลล์วาที่ภูเก็ต และถนนคนเดินวันอาทิตย์ที่เชียงใหม่ ทุกๆ ประสบการณ์มันดีเกินกว่าที่คาดหวังไว้มากๆ ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เซอร์ไพรส์ผมสุดๆ ไปเลยในทริปนี้ก็คือจำนวนแฟนๆ ที่ผมมีในประเทศไทย! ผมสนุกมากๆ ที่ได้พูดคุยกับแฟนๆ ที่มาขอถ่ายรูปด้วยกัน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการมาเที่ยวในประเทศสุดมหัศจรรย์แห่งนี้มันมีคุณค่าทางใจมากๆ และผมก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะกลับมาอีกหลายๆ ครั้งเลย

Simu Liu สวมเสื้อสเว็ตเตอร์ แจ็กเก็ตขนเชียร์ลิ่ง และกางเกงผ้าเดนิมสีขาว จาก Loro Piana / ลำโพง Lyric Speaker Box สี Military Silver จาก Cotodama

ELLE MEN: ในทริปนี้คุณมีโอกาสได้ลองมวยไทยด้วย เทคนิคอะไรบ้างที่คุณได้เรียนรู้จากครูมวยที่นี่
Simu Liu: พวกเราได้เรียนมวยจากครูมวยผู้ช่ำชองทั้งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ สำหรับตัวผมเอง มวยไทยมีท่าที่ใช้ศอกมากมาย ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นในมวยสากลหรือศิลปะการต่อสู้ในประเทศแถบเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะท่าศอกกลับ (spinning back elbow) และศอกงัด (uppercut elbow) ถ้าใช้ในจังหวะที่ถูกต้อง มันจะเป็นอาวุธที่จู่โจมคู่ต่อสู้ได้รวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวและทรงพลังมากจนยากที่จะป้องกัน เจ็บโคตร!

ELLE MEN: คุณเคยฝันอยากจะเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ที่ช่ำชองมวยไทยบ้างไหม และอยากจะร่วมทีมกับนักมวยหรือนักแสดงที่มีความสามารถด้านมวยไทยคนไหนบ้าง
Simu Liu: ผมโอเคมากๆ ที่จะเล่นหนังมวยไทยดูสักเรื่อง และก็อยากจะร่วมทีมกับบัวขาว (บัญชาเมฆ) แน่นอนว่าเขาต้องเป็นเบอร์หนึ่งสำหรับผมอยู่แล้ว!

Simu Liu สวมเสื้อสเว็ตเตอร์ กางเกงผ้าเดนิมสีขาว และรองเท้าโลเฟอร์หนัง จาก Loro Piana / ลำโพง Lyric Speaker Box สี Karimoku จาก Cotodama

ELLE MEN: Shang-Chi นำเสนอภาพซูเปอร์ฮีโร่ที่ไม่ได้เป็นไอดอลสำหรับผู้มีเชื้อสายจีนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคนเชื้อชาติเอเชียทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะชาวไทย คุณคิดว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหลังจากที่คุณทวีตถึงค่ายมาร์เวลเพื่อถามถึงซูเปอร์ฮีโร่ชาวเอเชีย และคิดว่ามีวิธีไหนอีกบ้างที่ตัวคุณเองจะสามารถช่วยย้ำภาพลักษณ์ที่ดีของชาวเอเชียในสื่อบันเทิงหลังจากบทนี้
Simu Liu: แม้จะภูมิใจในเชื้อสายจีนของตัวเองอยู่เสมอ แต่ผมยังคงย้ำคำเดิมไม่เปลี่ยนแปลงว่าผมไม่ได้สู้เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของคนเชื้อสายจีนเพียงอย่างเดียว แต่ทั้งเรียกร้อง รณรงค์ และสนับสนุนการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของ ‘ชาวเอเชีย’ ทั้งหมด เป็นเพราะว่าในอเมริกา หรือแม้กระทั่งแคนาดาที่ผมโตมา ชุมชนเอเชียแต่ละชุมชนนั้นเล็กมาก พวกเราแต่ละชุมชนจึงต้องรวมพลังกันเป็นหนึ่งภายใต้ร่มเดียวกันเพื่อเรียกร้องให้เกิดการเคารพ ยอมรับ และรับฟังในความเป็นตัวเรา เพราะสุดท้ายแล้ว พวกเราชาวเอเชียล้วนมีพื้นฐานหลายๆ อย่างร่วมกันทั้งในด้านวัฒนธรรม ความเชื่อ และอาหารการกิน
นับตั้งแต่วันแรกของการฉาย Shang-Chi ผมเชื่อว่าภาพลักษณ์ของชาวเอเชียในสื่อบันเทิงฮอลลีวูดเริ่มแข็งแรงชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ นักแสดง ผู้เขียนบท และผู้กำกับชาวเอเชียหลายต่อหลายคนเริ่มได้รับโอกาสในการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเอง ตัวผมเองก็อยากจะมีส่วนร่วมในการทลายภาพจำเหมารวมที่มีต่อชาวเอเชียผ่านทุกๆ บทบาทที่ผมได้รับต่อไปเรื่อยๆ รวมถึงปฏิเสธบทที่ถ่ายทอดภาพลักษณ์ของชาวเอเชียที่ด้อยกว่าตัวละครคนผิวขาว ชาวเอเชียมักถูกเสนอภาพว่าอ่อนแอกว่า ต่ำต้อยกว่า หรือด้อยค่ากว่าอยู่เสมอๆ ผมอยากจะเห็นตัวละครทุกตัวมีความเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องคำนึงว่าพวกเขาเป็นใคร สีผิวอะไร

Simu Liu สวมเสื้อคาร์ดิแกนและกางเกงเทเลอร์ จาก Zegna เสื้อเบลเซอร์ จาก Valentino / ลำโพง Lyric Speaker Box สี Karimoku จาก Cotodama

ELLE MEN: ภาพลักษณ์ที่ดีของชาวเอเชียแบบใดอีกบ้างที่คุณอยากจะเห็นหรือคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในสื่อบันเทิง
Simu Liu: ผมคิดว่าตัวผมเองไม่มีอำนาจในการตัดสินใจว่าควรจะเพิ่มหรือลดอะไรในการนำเสนอภาพลักษณ์ของชาวเอเชียในสื่อบันเทิง ผมแค่อยากให้มันมีมากขึ้นกว่านี้ และก็หวังว่านักทำหนังหรือซีรีส์ชาวเอเชียจะได้รับโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองมากยิ่งขึ้น ผมคาดหวังว่าจะได้เห็นพ่อและแม่ชาวเอเชียที่ให้การสนับสนุนลูกๆ ของตัวเองในการทำอาชีพด้านศิลปะ อยากจะเห็นซูเปอร์ฮีโร่ทั้งชายและหญิง คู่รัก ศัตรูตัวร้าย หรือทุกๆ บทบาทที่เป็นชาวเอเชีย! 

Simu Liu สวมเสื้อเชิ้ต แจ็กเก็ต และกางเกงเทเลอร์ จาก Loro Piana / เครื่องเล่นเกมคอนโซล Sony PlayStation 5 24k Gold-Plated จาก Caviar Royal Gift

ELLE MEN: คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ดีใจที่มีหนังเรื่อง ‘Barbie’ เกิดขึ้น เพราะมันช่วยทลายบรรทัดฐานความรักต่างเพศ ที่กำหนดว่าบทบาททางเพศคืออะไร และอะไรบ้างที่เป็นและไม่เป็นชายหรือหญิง” ในอนาคตคุณอยากจะมีส่วนร่วมในสื่อแบบใดหรือรับเล่นบทบาทอะไรเพื่อตอกย้ำแนวคิดที่คุณให้สัมภาษณ์ข้างต้น อีกทั้งทลายกรอบทางเพศที่ล้าสมัยนี้
Simu Liu: ผมอยากจะเล่นเป็นตัวละครที่หันหลังให้กับบรรทัดฐานทางเพศที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า ‘ภาวะความเป็นชายเป็นพิษ’ (Toxic Masculinity) ผู้ชายที่มีความเป็นชายมากเกินจนเป็นพิษมักมาพร้อมความรุนแรง เหยียดเกลียดกลัวเพศหญิง ทัศนคติที่ชายเหล่านั้นมีต่อเพศเดียวกันเองและต่อผู้หญิงนั้นอันตรายแบบสุดๆ แต่ผู้ชายรอบตัวที่โตมาด้วยกันกับผมและสนิทกันจนเรียกว่าเพื่อนได้นั้นเป็นขั้วตรงข้ามของชายกลุ่มนั้นอย่างสิ้นเชิง พวกเขาใจดีและยอมรับความแตกต่างของทุกคน อีกทั้งยังกล้าที่จะแสดงความรู้สึกภายในใจของตัวเองออกมาให้คนอื่นได้เห็น ผมเลยอยากเห็นตัวละครที่มีคาแรกเตอร์แบบนี้เยอะๆ ในสื่อบันเทิงเพื่อเป็นตัวอย่างภาพลักษณ์ความเป็นชายที่ดีขึ้นให้แก่เด็กผู้ชายทุกคน

Simu Liu สวมเสื้อเชิ้ต แจ็กเก็ต และกางเกงเทเลอร์ จาก Loro Piana / เครื่องเล่นเกมคอนโซล Sony PlayStation 5 24k Gold-Plated จาก Caviar Royal Gift

ELLE MEN: การเติบโตมาในประเทศที่แตกต่างทั้งเชื้อชาติและวัฒนธรรมทำให้คุณเผชิญกับวิกฤตตัวตนและอัตลักษณ์ของตัวเองบ้างไหม ช่วยเล่าประสบการณ์ในการค้นหาตัวเองจนสามารถเอาชนะความสับสนที่เกิดขึ้นในจิตใจของตัวเองได้ให้ฟังหน่อย
Simu Liu: ตั้งแต่เด็กจนโต ผมเคยไม่ภูมิใจเลยกับหน้าตาที่เป็นเอเชียของผม ไม่เคยมองว่าตัวเองจะปรากฏตัวอยู่ในหนังฮอลลีวูด ตัวละครเอเชียที่ผมเห็นมักถูกถ่ายทอดในลักษณะภาพจำเหมารวมที่ไม่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้อยากจะเป็นแบบนั้นได้เลย สิ่งเหล่านี้สร้างปมในใจให้ผมเกลียดตัวเองและหวังลึกๆ ว่าผมน่าจะเกิดมาเป็นคนขาว ความรู้สึกนี้กินเวลายาวนานจนกระทั่งผมโตพอที่จะคิดได้ว่าพ่อแม่ผมต้องทำงานหนักและอุทิศชีวิตมากเพียงไหนกว่าจะอพยพมาตั้งรกรากที่แคนาดาและสามารถสร้างทุกๆ โอกาสที่จะพาผมไปสู่ความสำเร็จได้ หลังจากวันนั้นผมก็ภูมิใจในความเป็นตัวเองและภูมิหลังความเป็นมาของตัวเองโดยไม่หวั่นไหวอีกต่อไป และถ่ายทอดออกมาผ่านหนังสือ ‘We Were Dreamers’ ที่ผมเขียนเล่าถึงความสำคัญในการแสวงหาความภาคภูมิใจในเชื้อสายของตัวเองของกลุ่มเด็กๆ ผู้อพยพทั่วอเมริกาและแคนาดา เพื่อที่จะยืนหยัดอย่างไม่อับอายหรือไม่รู้สึกผิดในการเป็นคนเอเชียที่อาศัยอยู่ในโลกตะวันตก

Simu Liu เสื้อโปโล จาก Zegna ชุดสูท จาก Loro Piana / เครื่องเล่นเกมคอนโซล Sony PlayStation 5 24k Gold-Plated จาก Caviar Royal Gift

ELLE MEN: คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าตอนที่คุณถูกเลย์ออฟจากงานในปี 2012 เป็นครั้งแรกที่ทำให้คิดได้ว่าคุณจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อชีวิตและความสำเร็จของคนอื่น จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลครั้งนี้ยังทำให้คุณภูมิใจมาจนถึงทุกวันนี้ไหม และปัจจุบันยังมีอะไรอีกไหมที่คุณอยากจะทำให้สำเร็จ
Simu Liu: การถูกไล่ออกจากงานในปี 2012 ยังคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม ก่อนหน้านั้นผมใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่นอยากจะให้เป็น แต่ตอนนี้ผมมีอิสระที่จะใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่ต้องการแล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีเป้าหมายในสายอาชีพอีกมากมายที่ยังทำไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงในภาคต่อของหนัง Shang-Chi ชนะรางวัลออสการ์ และเปลี่ยนบทบาทไปเป็นโปรดิวเซอร์หรือผู้กำกับ จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมตื่นเต้นที่สุดคือการเดบิวต์ในสายดนตรี เพราะผมมีแพสชั่นกับดนตรีมาอย่างยาวนานและตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้แชร์เพลงของผมเองให้ชาวโลกได้ฟังกัน!

Cradit:
Photographer: Wasu Sukatocharoenkul
Fashion Editor: Rachakrit Chalermsan
Makeup: Hemchanon Chinaso
Hair: Phoonthas Lertmanorat
Asst. Photographer: Annop Dawwaset, Similan Prangprasert
Style Asst.: Dulyadej Sangfueng
Special Thanks: Boonlapo

Similar Articles

More