อดิศัย กุญชร ณ อยุธยา กับเส้นทางแฟชั่นที่เต็มไปด้วยความหลงใหลและความฝัน

Photographer: Manosit Boonnon
Words & Styling: Koko Nichakul

อดิศัย กุญชร ณ อยุธยา ชื่นชอบแฟชั่นมาตั้งแต่เรียนมัธยม ถึงแม้ปัจจุบันจะทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับภาครัฐวิสาหกิจ ภาคราชการ และเอกชน ซึ่งเวลาไปทำงานเขาจะแต่งตัวเรียบร้อยมาก แต่จริงๆ แล้วก็มีอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่หลังเลิกงานก็เปลี่ยนจากชุดเรียบร้อยทางการเป็นชุดที่ล้ำสมัยสุดๆ

คุณออรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าชอบแฟชั่นครับ

แบรนด์แรกๆ ที่ชอบเลยคือ Versace ครับ ตอนเด็กๆ Versace เป็นขวัญใจของผมเลยครับ Versace กับ Armani เริ่มจากเห็นในแมกกาซีนก่อนแล้วก็ชอบมาเรื่อยๆ ตอนนั้นผมยังไม่ได้ทำงาน ได้ค่าขนมจากคุณแม่ก็เก็บมาเรื่อยๆ เก็บเงินโดยไม่กินข้าว เก็บเงินเพื่อซื้อเสื้อผ้า ตอนซื้อตัวแรกดีใจมาก ร้านแรกของ Versace ที่เพนนินซูล่าผมจำได้เลย
ชอบ Versace กับ Armani แต่มันมีความคอนทราสต์กัน Armani จะไปงานที่พิธีการหน่อย Versace ก็จะใส่ไปเที่ยวกลางคืนอะไรแบบนี้ครับ

หลังจากนั้นก็มาเริ่มชอบ Prada มีเรื่องราวคือเข้าไปในร้านตอนเด็กๆ ไปลองเสื้อเพราะว่าชอบมากแล้วกระดุมหลุด ผมนั่งอยู่ในห้องลองเสื้อผ้าหนึ่งชั่วโมงเลย เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร (หัวเราะ) Prada ที่เกษรครับ เปิดที่เมืองไทยที่แรกเลย หลังจากนั้นเซลล์เขาก็มาเคาะประตูถามว่าเกิดอะไรขึ้นหายไปนานมาก ผมโทรหาเพื่อนทุกคนเลยว่าทำอย่างไรดี ทำเสื้อเขาขาด เซลล์เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวส่งไปซ่อม ไม่ต้องตกใจแค่กระดุมหลุด ผมก็เลยเป็นลูกค้า Prada มาตั้งแต่ตอนนั้น เป็นยี่สิบปี ชอบในบริการของเขา เขาจริงใจ บอกทุกอย่าง Prada เมืองไทยคือจริงใจสุดๆ ครับ ช่วยทุกอย่างเป็นหนึ่งในแบรนด์ ที่ผมรักมาก พอเริ่มโตขึ้น ทำงาน ก็เริ่มมาชอบโอตกูตูร์ เพราะรู้สึกว่าเป็นความฝัน เป็นยอดพีระมิดของเรดี้ทูแวร์ ผมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้กูตูร์ ซึ่งยากมาก

มีวิธีการอย่างไรถึงสามารถเข้าไปสั่งเสื้อโอตกูตูร์ได้

เมื่อก่อนต้องส่งโปรไฟล์ตัวเองไปหาเพราะเขาไม่ขาย มีเงินก็ซื้อไม่ได้ผมส่งไปที่แรกคือ Givenchy เขาก็ดูอินสตาแกรมก่อนว่าเราเป็นคนแบบไหน ถ้าไม่เหมาะกับแบรนด์เขาๆ ก็ไม่ให้ตัด ตอนสมัยนั้นนะครับ พอส่งโปรไฟล์ไปรอนานมากกว่าเขาจะตอบกลับมาว่าโอเค คือเมื่อหกเจ็ดปีที่แล้วผมตัดกับ Givenchy ก่อน หลังจากนั้น Clare Waight Keller ออก ก็เลยหยุดซื้อชุด Givenchy เพราะว่าเปลี่ยนเป็น Matthew Williams

ช่วงระหว่างนั้นคุณอาลี (Ali Ziani) ได้แนะนำให้รู้จักคุณโมฮีฟ เขาก็บอกว่าเขารู้จัก Versace ถ้าคุณเคยตัด Givenchy แล้วโปรไฟล์น่าจะโอเคก็เลยมาตัด Versace เขาอธิบายเลยว่าตอนไปลองชุดต้องแต่งตัวอย่างไรไป ต้องทำอะไรบ้าง อธิบายละเอียดมากเลย แล้วคนที่ตัดก็ออกอีก ต่อไปก็เลยเป็น Valentino ครับ Balenciaga รู้จักเพราะว่ามีเซลล์ลาออกจาก Valentino ไปอยู่ Balenciaga ก็เลยรู้จัก ก็เลยทำกูตูร์มาตลอด พอเซลล์ย้ายมากเขาก็เลยแนะนำว่ายูมาตัดกับเขาไหมที่ Balenciaga ก็ไปเรื่อยๆ ครับ ผมก็พยายามตัดกูตูร์มาตลอด พยายามจะให้ครบทุกแบรนด์ครับ

ขั้นตอนในการสั่งโอตกูตูร์ของผู้ชายเหมือนของผู้หญิง?

ใช่ครับ คือต้องไปวัดตัว เขาก็จะทำเป็นผ้าดิบส่งมาให้ลอง หรือว่าจะไปลองที่โน่นก็ได้ จากนั้นก็จะนำไปทำชุดจริงแล้วก็ไปลองอีกครั้ง ถ้าพอดีก็จะได้เลย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงลองกับชุดจริงแล้วไม่พอดีก็จะต้องแก้ให้เป็นตัวเรามากที่สุด ซึ่งกว่าจะได้ชุดมาประมาณหนึ่งปี เร็วสุดคือหกถึงเจ็ดเดือน หรือเร็วสุดคือไม่แก้เลย

เล่าเรื่องสนุกเวลาไปแฟชั่นวีคให้ฟังสักนิดสิครับ

แฟชั่นวีคมันจะมีข้อดีสำหรับคนซื้อคือ บางลุคถ้าเกิดไม่ได้อยู่วันนั้นมันจะไม่ผลิตครับ หมายถึงว่าถ้าไม่ไป Resee วันนั้น มีบางลุคที่ผมได้มามีคนเดียวที่ทันเพราะว่ามันไม่ได้ผลิตทุกลุค หมายถึงว่าเวลาเดินเสร็จทุกลุคมันไม่ได้ผลิต ข้อดีของการไปดูโชว์คือ บางครั้งผมก็จะกลายเป็นคนเดียวที่ได้สั่งลุคนี้ เป็นคนเดียวในโลก อย่าง Loewe ยิ่งกว่ากูตูร์อีกนะ มีเฉพาะ Press เพราะไม่มีใครสั่ง ไม่มี Buyer คนไหนสั่งเลย เพราะฉะนั้นเขาก็จะไม่ผลิต จากประสบการณ์จริงก็คือทุกลุคที่อยู่ในรันเวย์มันไม่ผลิตทุกลุค แต่ถ้าเกิดเราสั่งวันที่เราไป Buy เขาจะทำให้เราเฉพาะพิเศษ เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยครับ (หัวเราะ) บ่อยมาก บางลุคอย่างของ Hermès บางลุคก็มีผมคนเดียวที่สั่งกล้าสั่ง ผมว่าคนชอบแฟชั่นต้องใจกล้าคือแบบ สู้วะ สู้ แล้วก็เก็บครับ เมื่อสิบถึงสิบห้าปีก่อนบางตัวผมกลับไปหาก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว

สมัยก่อนผมเป็นคนไทยคนแรกที่ไปดูโชว์ผู้ชายในหลายๆ ลุคเมื่อสิบถึงสิบห้าปีก่อน ตอนนี้วงการเปลี่ยนไปเยอะมาก คนไทยเยอะมาก เมื่อก่อนไม่มีคนไทยเลย สมัยก่อนคือโคตรยากที่จะได้ไป ตั๋วฟรอนต์โรว์ก็ยาก เพราะเราไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอุตสาหกรรมนี้เลยเป็นแค่ลูกค้า ทุกอย่างยากหมดเลยครับ เดินมาไกลมากแล้วตอนนี้ ยี่สิบกว่าปีเดินมาไกลมาก ตอนนี้ทุกอย่างง่ายหมดเลย เดี๋ยวนี้คนไทยเป็นที่รู้จักเราไปสร้างสิ่งที่ดี ขอบคุณทั้งเซเลบริตี้ไทย ขอบคุณแม็กกาซีนไทยที่ทำให้คนไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

คุณออมีเสื้อผ้าเต็มบ้านขนาดนี้ มีวิธีระบายออกอย่างไรบ้าง

เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ทุกปีจะต้องแพ็คเสื้อผ้า เนื่องจากเสื้อผ้าเยอะมาก มันเต็มตู้ก็จะต้องแพ็คส่งให้ชาวเขา คือเสียดายมาก พวกเสื้อยืด กางเกงขาสั้นผ้าร่ม Prada เมื่อก่อนมันจะมีเป็นเหมือนกับหุ่นยนต์ที่อยู่ในเสื้อครับ มันไปแล้วไปลับไม่กลับย้อนมา อยากจะตามหาว่าชาวเขาตรงไหนที่บริจาคได้เสื้อผมไป อยากขอซื้อคืนได้ไหม (หัวเราะ) บางตัวที่เป็นลายพริ้นต์แปลกๆ เดี๋ยวนี้หาซื้อไม่ได้แล้วบางตัวเป็นคอลเล็กชั่นสุดท้ายของ Versace ก่อนเสียชีวิต ปี 1997 ตอนนั้นก็ไม่รู้ อยากจะกลับไปหาสุดๆคุณออมีเสื้อผ้าเต็มบ้านขนาดนี้ มีวิธีระบายออกอย่างไรบ้าง

มีดีไซเนอร์คนไหนที่ตอนนี้กำลังชื่นชอบเป็นพิเศษ และคิดว่าคนนี้แหละที่เราอยากจะติดตามต่อไปครับ

พูดเหมือนเดิมว่า Miuccia Prada คือคนที่ผมรักที่สุดในดวงใจ เพราะว่าอยู่มายี่สิบปีแล้ว ผมชอบที่เขาใส่ Philosophy ลงไปในเสื้อผ้า เสื้อผ้าของเขามันมีแนวคิดอยู่ข้างหลัง ซึ่งเขาไม่ได้จบดีไซเนอร์มาแต่เขาจบเศรษฐศาสตร์ สองเรื่องที่ชอบคือ หนึ่งทุกไอเดียจะสะท้อนภาพสังคมหรือสภาพเศรษฐกิจ ปรัชญาบางอย่างที่เขาอยากจะสะท้อน ณ รันเวย์นั้นจะมีคอนเซ็ปต์เสมอ สองคือเสื้อผ้าเขาแปลกไม่เหมือนชาวบ้าน ตอนแรกที่เห็นจะงงนิดนึง พอผ่านไปสามเดือนจะรู้สึกสวยว่ะ มีบางครั้งคือใกล้จะจบคอลเล็กชั่น บางตัวจะรู้สึกทำไมถึงพลาด มันสวย เขามีความ arting ในตัวเองสุดๆ ครับ มันว้าวมากในเรื่องของคอนเซ็ปต์ เขาเข้าใจยากแต่สวย ผมว่าน่าจะไปได้อีกไกล เป็นแบรนด์ที่ชอบมาก ชอบที่สุดแล้วครับ

ทราบมาว่าตอนนี้คุณออชื่นชอบ Valentino ณ ปัจจุบัน

คือเมื่อสมัยก่อนชอบ Pierpaolo Piccioli มาก เป็นแฟนพันธุ์แท้สุดๆ แล้วผมเสียใจที่ PP ไม่อยู่ Valentino แล้ว พอมาเป็น Alessandro Michele ตอนนี้กำลังพยายามปรับตัว เดิมทีไม่ได้ชอบ Gucci ขนาดนั้นเพราะมันเยอะ แต่ตอนนี้ก็พยายามที่จะต้องเยอะไปให้เท่ากับระดับนั้น อยากจะลองดู ในรันเวย์ทุกอย่างจะดูเยอะไปหมดเลย แต่ถ้าหยิบแค่ชิ้นเดียวเอาเสื้อของเขามาใส่เป็นลุคของเรา มันจะสวยนะครับ สำหรับผมนะเขามีความครีเอทีฟมากๆ แต่ในขณะเดียวกันในชีวิตประจำวันมันใส่ยากมาก ขนาดผมว่าผมกล้าที่จะใส่บนโลกนี้แล้วนะ ยังรู้สึกว่าทั้งลุคยากมาก ต้องกล้า อาจจะเป็นคนที่คาแร็กเตอร์ไม่ใช่ผม แต่ผมก็คอยดูเขาต่อไป ที่ตื่นเต้นที่สุดเลยคือกูตูร์ของเขาว่าจะมีผู้ชายหรือเปล่า ขอให้มีของผู้ชายเพราะทุกทีจะมีของผู้ชายเล็กๆ น้อยๆ มาผสมด้วย ซึ่งเราสามารถสั่งได้ นั่นทำให้ผมตื่นเต้นกับ Valentino กูตูร์สุดๆ เลยครับ

พัฒนาการการแต่งตัวของคุณออ

เป็นช่วงๆ นะครับ ผมว่าบางช่วงก็แต่งตัวเยอะ เว่อร์มาก บางทีก็จะลงมาธรรมดาเป็น quiet luxury ไม่อยากทำอะไรเลย อยากอยู่เงียบๆ จากนั้นก็จะเบื่อเงียบๆ คือผมชอบมิกซ์แอนด์แมตช์มากๆ ไม่ใช่โททัลลุค เอาของเก่าๆ มาแมตช์กับของใหม่ๆ เสมอนะครับ หลักการในการมิกซ์แอนด์แมตช์คือที่รู้สึกว่าตัวเองออกมาหน้าตาดี (หัวเราะ) แค่นี้เอง ตามสบาย ไปเรื่อยๆ ครับ ไม่มีหลักการ ผมว่าผมเป็นคนอ่านแมกกาซีนทุกเล่มก็เลยอาจจะซึมซับบ้าง ลุคที่มันแปลกๆ อย่างพี่โก้ผมก็ติดตามทุกเล่มเลยนะครับ (ยิ้ม)

ถ้าเกิดเครียดจากงานก็จะขอดู Elle Men นิดหนึ่งละกัน ผมก็เลยเดาว่าผมอาจจะซึมซับสิ่งที่ดีของวงการ แล้วผมก็ฟังเยอะเลยรู้สึกว่าอันนี้น่าจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับเรา แต่ก็จะมีคนคอยเตือนถ้าเกิดแต่งเฟมินินเกินไปเพื่อนก็จะมารุมด่า เพื่อนจะคอยเบรก คือจริงๆ ไม่ได้เป็นคนแต่งตัวเก่งเลยครับ ใจรักมากกว่า สนุกมากๆ เป็นเรื่องเดียวที่หายเครียดครับ แค่แต่งตัวก็มีความสุขแล้ว ส่วนตัวผมเป็นคนขี้อายมาก แต่เหมือนอันนี้มันได้แสดงออกถึงสิ่งที่อยู่ข้างในเรา มันมีความสุข อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ครับ

ผมว่าตัวเองเดินทางไกลมากจนมาถึงวันนี้ พัฒนาการของสไตล์ตัวเองก็มาไกลมาก แต่ว่าก็มิกซ์แอนด์แมตช์ไปเรื่อยๆ ครับ ตอนทำงานก็จะเสื้อขาวใส่สูทสีดำผูกไทจบ อยู่กับผู้ใหญ่ผมใส่ตุ้มหูก็คงไม่ได้นะครับ ต้องถอดทุกอย่างออกหมดเลย เพราะอาจดูไม่สุภาพ ผู้ใหญ่ก็จะไม่เคยเห็นลุคแฟชั่นของผมเลย ผมมีโลกสองใบครับ

Similar Articles

More