โลกแฟชั่นยุคใหม่ ‘ไร้ขนสัตว์’ ย้อนรอยหนึ่งปีพันธกิจยิ่งใหญ่ของ ELLE และ ELLE Men กล้าเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า

ครบรอบ 1 ปี พันธกิจยิ่งใหญ่ของ ELLE และ ELLE MEN ที่รวมพลังผลักดันให้อุตสาหกรรมแฟชั่นปลอดขนสัตว์ และดูเหมือนเป็นไปในทิศทางที่ดี เพราะสัปดาห์แฟชั่นฤดูกาล Fall/Winter 2023 ของฝั่งบุรุษและสตรีในเมืองใหญ่ที่เพิ่งจบไป เห็นได้ชัดเจนถึงการลดปริมาณการใช้ขนสัตว์ลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเฟอร์ที่เห็นๆ กันบนรันเวย์นั้นหากไม่เป็นเฟอร์เทียม เฟอร์ที่ใช้การอัพไซเคิล ก็เป็นการใช้เทคนิคทำให้ชิ้นงานมีผิวสัมผัสดูคล้ายกับผืนเฟอร์ แต่แท้จริงแล้วเป็นผืนผ้า

การที่โลกแฟชั่นเบนเข้มไปในทิศทางที่ชัดเจนว่าจะปลอดขนเฟอร์ (แท้) นี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากภารกิจครั้งสำคัญ เป็นการเห็นพ้องและลงนามร่วมกันระหว่าง Lagardère Group (ลาร์กาแดร์กรุป) ผู้ถือครองชื่อ ELLE และ Humane Society International (HSI) องค์กรที่ก่อตั้งในปี 1991 ซึ่งปัจจุบันเป็นองค์กรพิทักษ์สัตว์ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้สนับสนุนมากกว่า 12 ล้านคนและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี HSI คือผู้อยู่เบื้องหลังแคมเปญรณรงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองสัตว์ และปลุกกระแสรักษ์โลกต่อเนื่องมาตลอด 3 ทศวรรษ โดยในปี 2021 มีการลงนามร่วมกับกลุ่มบริษัทแฟชั่นเจ้าใหญ่ของโลก Kering ผู้ถือครองแบรนด์แฟชั่นชั้นนำมากมาย อาทิ Gucci, Balenciaga, Saint Laurent, Bottega Veneta และ Alexander McQueen เป็นผลให้ Balenciaga และ Alexander McQueen ประกาศยกเลิกการใช้ขนสัตว์แท้อย่างเป็นทางการหลังชิมลางมาก่อนหน้าราว 1-2 ปี

Photo: PETA

กล้าที่จะแตกต่าง กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง

การประกาศแบนการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทำจากขนสัตว์แท้ของ ELLE ถือเป็นพันธมิตรรายล่าสุดของ HSI (ปี 2021) และไม่ได้ครอบคลุมเพียงบนหน้านิตยสารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้ง Facebook, Twitter, Instagram และ Youtube นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมาคุณผู้อ่านจึงไม่ได้เห็นการนำเสนอภาพของผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์แท้ใน ELLE และ ELLE MEN ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ภาพข่าว ภาพรันเวย์ ภาพสตรีทสไตล์บนท้องถนน กฎบัตรนี้สอดคล้องกับคำจำกัดความของพันธมิตร ‘Fur-Free’ ที่ไม่อนุญาตให้นำเสนอภาพขนสัตว์แท้บนหน้าโฆษณาใดๆ อีกต่อไป ยกเว้นเสียแต่ว่าใช้วัสดุเฟอร์เทียมหรือวัสดุเลียนแบบผิวสัมผัสของขนสัตว์

แม้ว่ากฎนี้ไม่สามารถทำให้บางเอดิชั่นลงมือปฏิบัติได้ทันทีที่ออกประกาศในงาน Voices 2021 ของ Business of Fashion ณ กรุงลอนดอน ทว่ามี 39 เอดิชั่นทั่วโลกร่วมลงนามในทันที และหนึ่งในนั้นคือ ELLE และ ELLE MEN Thailand สื่อแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในดวงใจของหนุ่มสาวชาวไทย ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาหากคุณได้เห็นภาพเสื้อผ้า กระเป๋า หรือไอเท็มที่มีวัสดุละม้ายคล้ายขนสัตว์เป็นส่วนประกอบ ขอให้มั่นใจได้เลยว่าขนสัตว์ที่เห็นนั้น หากไม่ใช่ขนสัตว์เทียมหรือใช้วัสดุเลียนแบบขนสัตว์ ก็เป็นการใช้เทคนิคการตัดเย็บ (อย่างการตะกุยผ้าที่ Fendi นิยมทำในช่วงหลัง) ไม่ก็ ‘ผลิตภัณฑ์ที่ถือว่าเป็นผลพลอยได้จากการค้าเนื้อสัตว์’ อาทิ ขนแกะ ขนวัว หรือขนนกก็ยังไม่ได้รวมในมาตรการนี้ ส่วนเอดิชั่นที่เหลือต้องปฏิบัติตามภายในปี 2023

Photo: Humane Society International

ใส่ขนสัตว์แท้เท่ากับสนับสนุนการทารุณกรรมสัตว์

แน่นอนว่าการประกาศถึงจุดยืนนี้ย่อมส่งผลกระทบลูกโซ่ในอุตสาหกรรมแฟชั่น โดยเฉพาะกับแบรนด์ที่ยังคงใช้ขนสัตว์แท้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่ความนิยมในการใช้ขนสัตว์ลดน้อยลงกว่าทศวรรษที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว จากผลสำรวจของ HSI พบว่า 93% ของชาวอังกฤษปฎิเสธการใส่เสื้อขนสัตว์แท้ และอีก 72% สนับสนุนให้ยกเลิกการค้าขนสัตว์ สอดคล้องผลสำรวจของ Vogue Business ที่เปิดเผยว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากขนสัตว์แท้นั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยอดขายสินค้าแฟชั่นแนววีแกนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นถึง 258%!

ผลสำรวจยังระบุอีกด้วยว่าราว 80% ของชาวอังกฤษเชื่อมโยงแบรนด์ใช้ขนสัตว์กับคำว่า ‘โหดร้าย’ และ ‘ล้าสมัย’ เมื่อผนวกกับมาตรการล่าสุดของสื่อแฟชั่นชั้นนำอย่าง ELLE และ ELLE MEN ที่มีผู้อ่านมากถึง 21 ล้านคนต่อเดือน และมีผู้เข้าถึง 46 เว็บไซต์ทั่วโลกอีกราว 175 ล้านครั้งด้วยแล้วยิ่งเป็นการผลักดันให้ธุรกิจการค้า/ผลิตชุดขนสัตว์ก้าวไปอยู่ในสถานะของเรือที่กำลังจะล่มในเร็ววัน ขณะเดียวกันแบรนด์ระดับลักซ์ชัวรี่ที่เคยใช้ขนสัตว์แท้ในผลิตภัณฑ์ก็กระโจนเข้าร่วมพันธกิจครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง

Photo: Humane Society International

ขนสัตว์แท้คือความล้าสมัยของโลกแฟชั่น

“การมีส่วนร่วมทางสังคมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของเรามานับตั้งแต่ก่อตั้ง ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว การเลิกใช้ขนสัตว์สอดคล้องกับกระแสสังคมและประวัติศาสตร์ของเรา (ที่ดำเนินเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง) เราหวังว่าด้วยความมุ่งมั่นนี้จะทำให้ ELLE อยู่ในสถานะผู้กรุยทางให้สื่อรายอื่นเดินรอยตาม จนกลายเป็นวัฒนธรรมไม่นำเสนอผลิตภัณฑ์ทำมาจากขนสัตว์ไปทั่วโลก และส่งต่อแนวคิดนี้ยังโลกยุคต่อไปที่ธุรกิจแฟชั่นจะไร้ซึ่งขนสัตว์” Constance Benqué (คอนสตอง บาเก้) ซีอีโอของ Lagardère News (ลาร์กาแดร์นิวส์) และ ซีอีโอ ELLE International กล่าวถึงนโยบายอย่างภาคภูมิ

สอดคล้องกับที่ Valéria Bessolo Llopiz (วาเลเรีย เบสโซโล โลปิซ) รองประธานอาวุโส และผู้อำนวยการระหว่างประเทศของ ELLE ได้กล่าวไว้ “หลายปีมานี้เรามีส่วนร่วมในเรื่องสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และระบบนิเวศ นำเสนอผ่านบทความทั้งฉบับปกติและฉบับพิเศษเพื่อโลกสีเขียวโดยเฉพาะ การมีภาพขนสัตว์บนหน้านิตยสารและโซเชียลมีเดียของเราไม่สอดคล้องกับค่านิยมปัจจุบันอีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ เพื่อสะท้อนถึงความตระหนักต่อประเด็นสำคัญในโลกยุคใหม่ ปกป้องและดูแลสิ่งแวดล้อมและต่อต้านการทารุณกรรมเพื่อนร่วมโลกของเรา นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดวาระให้ ELLE ตระหนักถึงเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ สนับสนุนทางเลือกและวิถียั่งยืนผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ และส่งเสริมจริยธรรมในอุตสาหกรรมแฟชั่นมากยิ่งขึ้น”

Photo: Donatella Versace

ELLE และ ELLE MEN คือผู้นำอย่างแท้จริง

ส่วนทาง Alexi Lubomirski (อเล็กซี ลูโบเมียร์สกี้) ช่างภาพและผู้ก่อตั้ง Creative4Change อีกหนึ่งพันธมิตรในพันธกิจคราวนี้ชื่นชมถึงจุดยืนล่าสุดอย่างภูมิใจว่า “นิตยสาร ELLE เป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นมาโดยตลอด ถ้าจะให้นิยามก็คงต้องบอกว่าเป็นสื่อที่สดใหม่ ไม่ยึดติดกับกรอบวัฒนธรรม กฎเกณฑ์ และพิธีการต่างๆ การออกมาประกาศจุดยืนล่าสุดเปรียบได้กับพลังสร้างสรรค์ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ ELLE จะก้าวเข้าไปอยู่ในดวงใจของผู้อ่านทุกคน ช่วยพัฒนาและกระทุ้งให้พวกเขาตระหนักถึงอนาคตของพวกเรา”

ท้ายสุดนี้คำกล่าวของ PJ Smith (พีเจ สมิทธ์) ผู้อำนวยการนโยบายแฟชั่นของ HSUS และ HSI โต้โผที่ผลักดันวัฒนธรรม Fur-Free ให้เกิดในอุตสาหกรรมแฟชั่นมาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นรูปเป็นร่างและทรงพลังยิ่งขึ้นเมื่อได้สื่อชั้นนำมาเสริมทัพ สามารถสรุปปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด “เราขอสรรเสริญ ELLE ที่ยืนหยัดต่อสู้กับการค้าขนสัตว์อันโหดร้าย และยังคงตั้งตารอให้นิตยสารแฟชั่นรายอื่น ก้าวเข้ามาร่วมอุดมการณ์ การประกาศครั้งนี้จะจุดประกายให้เกิดพลังบวกในอุตสาหกรรมแฟชั่น และสำคัญที่สุดคือสามารถช่วยชีวิตสัตว์ที่ต้องทุกข์ทรมานและตายอย่างโหดร้ายอีกนับไม่ถ้วน จิตวิญญาณการเป็นผู้นำของ ELLE จะขับเคลื่อนโลกไปสู่วิถียั่งยืนและโลกที่มีมนุษยธรรมมากยิ่งขึ้น” … ใช่แล้วครับ เป็นดังที่พีเจกล่าวไว้ จิตวิญาณแห่งการเป็นผู้นำของ ELLE ได้ส่องประกายเป็นแสงนำทางให้สื่อรายอื่นๆ อีกครั้ง เป็นการสะท้อนภาพปณิธานอันแน่วแน่นับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1945 นั่นคือการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง ชี้นำ และร่วมกันสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่าเดิม

Photo: PETA

Together Fur-Free

3.1 PHILLIP LIM, ADIDAS, ALEXANDER McQUEEN, BALENCIAGA, BALMAIN, BOTTEGA VENETA, BRIONI, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CHANEL, CLAUDIE PIERLOT, CHLOÉ, COACH, DIANE VON FURSTENBERG, DKNY, DOLCE&GABBANA, DONNA KARAN, DRIES VAN NOTEN, FOREVER21, GANNI, GIORGIO ARMANI, GUCCI, H&M, HUGO BOSS, JEAN PAUL GAULTIER, JIMMY CHOO, JOHN GALLIANO, KATE SPADE NEW YORK, LACOSTE, LONGCHAMP, MAJE, MAISON MARGIELA, MARINE SERRE, MARNI, MICHAEL KORS, MIU MIU, NORTH FACE, UNREAL FUR, MAISON ATIA, OFF-WHITE, OSCAR DE LA RENTA, PATAGONIA, PRADA, RALPH LAUREN, SAINT LAURENT, SANDRO, STELLA McCARTNEY, TELFAR, THE KOOPLES, TOM FORD, TOMMY HILFIGER, VALENTINO, VERSACE, VICTORIA BECKHAM, VIVIENNE WESTWOOD, ZADIG & VOLTAIRE, ZARA และอีกมากมาย

Photo: PETA

Similar Articles

More