ดูเหมือนว่า ค.ศ. 2025 จะเป็นปีที่ดีของนานิ นอกจากเรื่องงานจะดำเนินไปอย่างราบรื่นแล้วยังเป็นช่วงเวลาที่เขาก้าวเข้าสู่ชีวิตเฟสใหม่และได้ลิ้มรสของการเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ “ตอนนี้อายุ 27 ปี เข้าวัยทำงานแล้ว เป็นช่วงที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น รวมถึงเรื่องครอบครัวที่ผมต้องดูแลเองทั้งหมด เหมือนเป็นคอมมอนเซนส์ที่รับรู้เองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก ถึงแม้บางครั้งจะเหนื่อยเพราะทำงานหนักมาก แต่ผมมองว่ามันมีแง่มุมที่เป็นความสุข จริงๆ ความสุขมันอยู่รอบตัว อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือเปล่า” เมื่อถึงวันที่สามารถหาเงินเลี้ยงชีพได้ รับหน้าที่เป็นกำลังหลักของบ้าน ทำให้เขารู้จักวางแผนและมีความรับผิดชอบ ลูกชายคนเดียวของครอบครัวช่างคำเน้นย้ำ

“ชื่อนี้คุณพ่อเป็นคนตั้งให้ตั้งแต่ผมยังอยู่ในท้อง คำว่า ‘นานิ’ ในภาษาญี่ปุ่นหมายความว่า ‘อะไร’ คุณพ่อมักจะเรียกแบบนี้บ่อยๆ ประมาณว่า ‘มีอะไรอยู่ในท้องแม่นะ’ พอคลอดออกมาเลยได้ชื่อนานิ แต่ด้วยความที่ผมติดสำเนียงเหน่อมาจากคุณแม่ เลยออกเสียงเรียกแทนตัวเองว่า หน่า-นิ” ดาราหนุ่มเล่าถึงที่มาของชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งสาธยายวีรกรรมว่าเคยเกเรมาก่อนตามประสาวัยรุ่น

“ผมเป็นเด็กเรียบร้อย พูดน้อย ชอบอยู่กับตัวเอง แต่บางอารมณ์ก็งอแงกับแม่บ้าง และเพิ่งมาดื้อตอนโต” เขาเกิดที่พะเยาแต่ไปโตที่เชียงใหม่ ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนดาราวิทยาลัยจนกระทั่งจบมัธยมศึกษาตอนปลาย จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่ สมัครเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมกับย้ายมาหาประสบการณ์ที่กรุงเทพมหานครเพียงลำพัง

แม้เป้าหมายแรกที่ย่ำเท้าเข้ามาบนเส้นทางบันเทิง เขาหมายมั่นอยากจะคว้าไมค์ในฐานะศิลปินนักร้อง ไม่ได้ฝันเป็นดาราเหมือนเด็กคนอื่น แต่นานิก็โอบรับโอกาสที่จักรวาลหยิบยื่นให้ ท้าทายตัวเองเรื่อยมาและฝ่าด่านได้สำเร็จ “ต้องบอกว่าผมแสดงไม่เก่งเลย เพราะพื้นฐานเป็นคนไม่ค่อยชอบแสดงออก รู้สึกฝืนตัวเอง ไม่แฮปปี้ จริงอยู่ว่าการสวิตช์ไปสวมบทบาทเล่นเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรามันอาจจะสนุก แต่สนุกแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น” ดาราหนุ่มถอนใจ แทนที่จะบ่ายเบี่ยงดื้อแพ่ง ทว่ากลับมีแรงฮึดอยากเอาชนะข้อจำกัดของตัวเองเพราะมองว่าสิ่งนี้คือหน้าที่การงานที่อยู่ในความรับผิดชอบ “ถึงแม้ไม่ได้ชอบการแสดงขนาดนั้น แต่ผมมองว่ามันคืองานของเรา เลยตั้งใจทำอย่างเต็มที่ คุยกับตัวเองแล้วว่าจะลุยต่อไป”

นานิเพียรพยายามอยู่หลายครั้ง กระทั่งค่าย GMMTV มองเห็นแววมาปลุกปั้น จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนในซีรีส์เรื่องแรก หัวใจรักสี่ดวงดาว Boys Over Flowers ที่ออนแอร์เมื่อปี พ.ศ. 2564 หลังจากนั้นก็ขึ้นแท่นเป็นลูกรักคนโปรดของชาวเน็ตไปพร้อมๆ กับกลุ่มแก๊ง F4 Thailand

อย่างที่กล่าวไปแล้ว ความฝันของนานิคืออยากยืนบนเวทีมอบเสียงเพลงให้คนที่ตั้งใจมาดู การได้ขึ้นโชว์ในคอนเสิร์ต Shooting Star และ F4 Fanmeet ทั่วประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมกับเพื่อนนักแสดงจาก หัวใจรักสี่ดวงดาว จึงเติมเต็มความต้องการได้ไม่น้อย “ผมมองควอนจียง G-Dragon เป็นแบบอย่างในแง่ของความเป็นศิลปิน เขาคือคนที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง มีความสามารถโดดเด่นรอบด้านทั้งการร้อง การเต้น และการเเต่งเพลง นอกจากนี้ยังมีความหลงใหลด้านแฟชั่นอีกด้วย ถ้าผมมีโอกาสได้ทำผลงานเพลงออกมาบ้างก็อยากเป็นตัวเองมากที่สุด” นานิบอกว่าเขาก็เหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ ชอบเสื้อผ้าและสนุกกับการแต่งตัวที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ไม่เพียงแต่แจ้งเกิดในบทเอ็มเจ อีกสองปีถัดมานานิก็ได้ถ่ายทำซีรีส์แนวระทึกขวัญเรื่อง นักเรียนต้องขัง ตามด้วย คนกลางแล้วไง และล่าสุด High School Frenemy มิตรภาพ คราบศัตรู ที่เพิ่งลาจอไปหมาดๆ เขาพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์ ทำให้โอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิตชนิดไม่ขาดสายทั้งงานแสดงและงานเดินแบบ

เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่เขาได้เดินทางข้ามซีกโลกไปร่วมชมโชว์ Dolce & Gabbana Menswear FW25 ที่มิลานแฟชั่นวีคในฐานะแขกคนสำคัญจากฝั่งเอเชีย กระทบไหล่เซเลบริตี้ระดับเอลิสต์บนฟรอนต์โรว์ที่บินมาจากทั่วทุกหัวระแหง ไม่ว่าจะเป็นเจมส์ แม็กอะวอย (James McAvoy) จอช ฮิวสตัน (Josh Heuston) จองแฮอิน (Jung Hae-in) นัมยุนซู (Nam Yoon-su) โนซังฮยอน (Noh Sang-hyun) และอีกมากมาย “มันเป็นเรื่องสนุกสำหรับผมที่ได้เดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ ได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ เหมือนเป็นการเปิดโลกให้ตัวเอง”

สายตาของสื่อมวลชนแถวหน้าและผู้คนในแวดวงแฟชั่นที่ให้ความสนใจหนุ่มหน้าใสจากประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับต่างประเทศอย่างอบอุ่น นี่ยังไม่รวมกองทัพช่างภาพที่พร้อมใจกันสาดแฟลชไม่หยุดหย่อน สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่นานิจะขึ้นปกแอลเมนในฐานะฟรอนต์แมนเสียที

ทีมงานของเราเริ่มต้นถ่ายภาพแฟชั่นของนานิกลางเมืองมิลาน ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เดินตัวปลิวฝ่าลมหนาวผ่านตึกรามบ้านช่องที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ถ่ายทอดมิติทางอารมณ์ที่แตกต่างผ่านเลนส์กล้องอย่างมืออาชีพ

เสน่ห์พิเศษในตัวนานิคือเส้นผมดำขลับตัดกับผิวคลีนใสตามสไตล์หนุ่มเมืองเหนือ แม้มีใบหน้าเรียบเฉย สงบนิ่ง ครั้นเมื่อเปิดปากคุยก็พบว่าเป็นคนอัธยาศัยดี มีมุมที่ชวนค้นหาและน่าสำรวจอีกมาก หนึ่งในนั้นคือหัวข้อความรักความสัมพันธ์ที่เจ้าตัวพร้อมจะแลกเปลี่ยนมุมมอง

“ความรักคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้คนบนโลกอยู่ร่วมกันได้ มันคือการที่ใครสักคนเข้ามาทำให้เราอุ่นใจและปลอดภัย เราจึงเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ สำหรับผมคำว่ารักอาจไม่สำคัญเท่าการกระทำ เป็นความรู้สึกที่อธิบายยากเหมือนกันนะ เพราะแต่ละคนต่างมีวิธีแสดงออกให้อีกฝ่ายเข้าใจและรับรู้ได้ในแบบของตัวเอง” นั่นคือสิ่งพิเศษที่มีความหมายต่อความสัมพันธ์ ทั้งในกรณีคนรัก ครอบครัว รวมถึงเพื่อนฝูง นานิกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจบบทสัมภาษณ์ เป็นการปิดแฟชั่นทริปแสนสนุกกับแบรนด์หรูสัญชาติอิตาเลียน สร้างสีสันและเติมความสุขระหว่างการเดินทางให้เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าจดจำสำหรับฟรอนต์แมนหนุ่มเนื้อหอมของแอลเมน
Cradit:
Editor-in-Chief: Nichakul Kitayanubhongse
Photographer: Gunn Kochapanya
Makeup: Piyachet Thanachotruechuwong
Hair: Akkarapong Punkaew