Photo& Video: IG: looke_world
ในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว จากเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง จนถึงวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง แม้แต่สถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ อย่างสยามสแควร์ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในแง่ของการนำเสนอวัฒนธรรมวัยรุ่นที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งสะท้อนออกมาในผลงานซีรีส์ Gelboys สถานะกั๊กใจ ที่ไม่เพียงแค่ให้ความบันเทิง แต่ยังสะท้อนชีวิตและอัตลักษณ์ของวัยรุ่นในปัจจุบันได้อย่างคมคาย
Gelboys สถานะกั๊กใจ ผลงานการกำกับโดย บอส-นฤเบศ กูโน ที่เคยฝากผลงานมาแล้วจากซีรีส์ดังอย่าง ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ และภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’ ซึ่งได้รับการยอมรับในวงการบันเทิงไทย และได้นักแสดงนำทั้งสี่คน ได้แก่ นิว-ชยภัค ตันประยูร รับบท โฟร์มด, ไป๊ป-มนธภูมิ สุมนวรางกูร รับบท เชียร, เลออน เซ็ค รับบท บัว และ พีเจ-มหิดล พิบูลสงคราม รับบท บ้าบิ่น ได้รับการคัดเลือกจากค่าย LOOKE เพื่อมารับบทนำในซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและสร้างชื่อเสียงในวงการบันเทิง
Gelboys สถานะกั๊กใจ เดินทางมาถึง EP.5 แล้ว ตอน BUA (ออนแอร์วันเสาร์ที่ 8 มีนาคมนี้) บอกเลยว่าเดือดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งดราม่า ความสัมพันธ์สุดซับซ้อน และโมเมนต์ที่ทำให้แฟนๆ ใจสั่น ก่อนจะไปดูตอนต่อไป เราขอจัด 5 เรื่องสุดพิเศษ ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสให้คุณอินยิ่งกว่าเดิม
#1 เล็บเจล = สัญลักษณ์ของสถานะกั๊กใจ

หนึ่งในเอกลักษณ์ที่ทำให้ ‘เจลบอย’ เต็มไปด้วยความหมายมากกว่าความบันเทิงทั่วไป คือการใช้สัญลักษณ์อย่าง ‘เล็บเจล’ ซึ่งในซีรีส์นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสถานะที่ไม่เพียงแค่สะท้อนความงามภายนอก แต่ยังเป็นเครื่องมือในการแสดงออกถึงการกั๊กใจและการสร้างความแตกต่างในสังคมวัยรุ่น โดยเล็บเจลไม่ได้เพียงแค่เป็นเครื่องประดับ แต่มันยังเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของคนที่เลือกจะใช้มัน กลายเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการมองโลกในแง่บวกและการแสดงออกถึงความมั่นใจในตัวเอง
#2 จาก รักแห่งสยาม สู่ เจลบอย – ตัวแทนของเด็กเจนวาย VS เด็กเจนซี

‘เจลบอย’ ยังเป็นการเชื่อมโยงระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง ด้วยการสะท้อนจาก ‘รักแห่งสยาม’ ซีรีส์ที่เคยเป็นตัวแทนของเด็กเจนวาย ในขณะที่ ‘เจลบอย’ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเด็กเจนซี ซีรีส์นี้จึงไม่เพียงแต่สะท้อนภาพของวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน แต่ยังเปิดช่องทางให้เราเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการวัฒนธรรมที่มีทั้งการสานต่อตำนาน และการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
#3 ร้านกล้วยกล้วย = ตำนานของวัยรุ่นทุกยุค

หากจะพูดถึงสถานที่สำคัญในซีรีส์ ‘เจลบอย’ แน่นอนว่า ‘กล้วยกล้วย ตำนานสยาม ลิโด้ ชั้น2′ แหล่งนัดพบของวัยรุ่นยุค Y2K ที่ยืดหยัดเคียงคู่สยามมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างแรก เพราะร้านนี้ไม่ได้เป็นแค่สถานที่แห่งความทรงจำ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของวัยรุ่นในทุกยุค ทุกสมัย กลายเป็นมาสคอตลับของซีรีส์ที่เชื่อมโยงกับความทรงจำของคนรุ่นเก่าและใหม่ ทำให้ ‘ร้านกล้วยกล้วย’ กลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีบทบาทไม่แพ้ตัวละครหลักในเรื่อง
เพลงกามิกาเซ่ ทัชใจไม่เปลี่ยน
‘เจลบอย’ ไม่ได้มีเพียงแค่การสร้างตัวละครและสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหมายเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดเรื่องราวของดนตรีที่ฝังลึกในความทรงจำ ผ่านบทเพลงกามิกาเซ่จากศิลปินหญิงระดับตำนานอย่าง โฟร์-มด และ เฟย์ ฟาง แก้ว ซึ่งไม่เพียงถูกนำมาใช้เป็นชื่อของตัวละครในซีรีส์ แต่ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเติมเต็มอารมณ์ในแต่ละฉาก เสียงเพลงเหล่านี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความคิดถึง และสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันเลือนหายไปจากหัวใจของวัยรุ่นทุกยุค
ถ่ายทำด้วยมือถือ = ความเรียลที่สัมผัสได้
สิ่งที่ทำให้ ‘เจลบอย‘ แตกต่างจากซีรีส์ทั่วไปคือเทคนิคการถ่ายทำที่ใช้ ‘มือถือ’ เป็นเครื่องมือหลักในการถ่ายทำ นี่ไม่เพียงแต่เป็นการลดทอนความซับซ้อนของการผลิต แต่ยังสร้างความรู้สึก ‘เรียล’ ที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ชมได้อย่างทันที เหมือนกับการที่ผู้ชมสามารถมองเห็นโลกของตัวละครผ่านสายตาของพวกเขาเอง ทำให้ซีรีส์นี้มีความเป็นธรรมชาติและความใกล้ชิดที่ยากจะหาจากซีรีส์อื่นๆ
เมื่อสยามสแควร์เปลี่ยนไป แต่หัวใจวัยรุ่นยังว้าวุ่นเหมือนเดิม
เมื่อสยามสแควร์เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่หัวใจวัยรุ่นก็ยังคงอยู่ในรูปแบบของการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและสัญลักษณ์ต่างๆ ที่แฝงไว้ในวัฒนธรรมของพวกเขา ‘เจลบอย’ จึงไม่เพียงแต่เป็นซีรีส์ที่สะท้อนภาพของความเป็นวัยรุ่นในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของการเชื่อมโยงจากอดีตสู่ปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความหมาย และยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เราได้คิดถึงในทุกๆ ครั้งที่มองไปที่สัญลักษณ์เหล่านั้น