“เจี๊ยกมาก-ก-ก” เราได้ยินช่างหน้า-ช่างผม 5 หนุ่มประจำวง PERSES บอยกรุ๊ปกลุ่มแรกจากค่าย G’NEST ลั่นคำนี้อยู่เรื่อยๆ ระหว่างการถ่ายแฟชั่น…อ๋อ มันคือศัพท์เฉพาะที่พวกเขาชอบใช้ เวลาที่เด็กๆ อยู่รวมกันเป็นแก๊ง ประมาณว่า ‘ซนเหมือนลิง ร้องเจี๊ยกๆ เล่นกันเจี้ยวจ้าว’
PERSES มีสมาชิก 5 คน จั๋ง-วิกร บูรณภิญโญ, เน-ณรัณ วิกัยรุ่งโรจน์, กฤติน-กฤติน สอสูงเนิน, ปาล์ม-พีรวิชญ์ พินธะ และน้องเล็กสุด ปลั๊กกี้-ธรากร คําสิงห์ พวกเขาเดบิวต์เพลง My Time ซิงเกิลแรกไปเมื่อเดือนกันยายน 2022 คราวนี้ถึงทีของเพลงใหม่ซิงเกิลที่ 3 ชื่อว่า Catch The Night
กว่าจะมาเป็น PERSES ในวันนี้ ทั้ง 5 คนต้องผ่านการเทรนนิ่งกว่า 2 ปี เพื่อมุ่งมั่นทำตามฝันและบ่มเพาะจนได้ชื่อว่าเป็น ‘ศิลปิน’ เต็มตัว จั๋ง, เน, กฤติน, ปาล์ม, และปลั๊กกี้ ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ใช้ทางลัดหรือความโชคดีเรื่องต้นทุนรูปลักษณ์ใดๆ เพื่อให้เป็นผู้ถูกเลือก ซึ่งเราขอการันตี เมื่อกะเทาะเปลือกพวกเขาออกมาคุณจะเห็นเพชรล้ำค่าอยู่ภายในแน่นอน
NARAN VIKAIRUNGROJ (NAY)
‘เน-ณรัณ วิกัยรุ่งโรจน์’ ตัวแทนของ Visual และ Rapper ประจำกลุ่ม ด้วยความนิ่งสุขุม จิตใจที่อ่อนโยนลึกซึ้ง สมองที่คมคาย จึงเป็นนักคิดวิเคราะห์ชั้นดีของวง เนมักจะมีส่วนร่วมในการแต่งท่อน Rap ในเพลงร่วมกับจั๋ง เขาคือตัวแทนของความมานะพยายาม “ผมไม่มีทักษะด้านการเต้นและร้องเพลงมาก่อนเลยครับ กังวลเหมือนกันว่าจะไม่ได้ไปต่อ” แต่ในที่สุดเนก็สู้จนเข้ารอบไฟนอล และกลายมาเป็นหนึ่งใน PERSES ทุกคนในทีมลงความเห็นว่า เนคือคนที่พูดน้อยที่สุดในแก๊ง อ๊ะ อ๊ะ มีอะไรจะบอก…ถ้าอยากหาเรื่องคุยกับเขานานๆ ลองไปทำการบ้านเรื่องภาพยนตร์กับหนังสือมาคุยกับเขาดูสิ
ก่อนจะมาเป็น PERSES
: ก่อนจะมาเป็นสมาชิกวง PERSES ผมรับงานนายแบบและนักแสดง เล่น MV และโฆษณา (ลองไปหาดูมิวสิควิดิโอเพลง โปรดจำฉันไว้ – LOMOSONIC) ตอนนั้นทราบข่าวว่า G’NEST เปิดรับออดิชั่น ซึ่งผมกำลังจะเรียนจบพอดี เลยอยากไปลองอะไรใหม่ๆ ออกจากกรอบเดิมๆ เราเองไม่เคยเต้นไม่เคยร้องเพลงมาก่อน รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนุกดีครับ
ภาพยนตร์ในดวงใจของเน
: เรื่องที่ผมชอบล่าสุด Decision to Leave (2022) ครับ ถ้าเป็นหนังในดวงใจยาวนานจนถึงตอนนี้ คือเรื่อง Oldboy (2003) ผู้กำกับ Park Chan-wook คนเดียวกันกับเรื่อง Decision to Leave ส่วนหนังฝรั่งเป็นเรื่อง Aftersun ผู้กำกับคือ Charlotte Wells เส้นเรื่องเล่าถึงทริปหน้าร้อนของพ่อกับลูกสาว ซึ่งเป็นคุณพ่อวัยหนุ่มที่มีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งเป็นทริปที่ทั้งคู่จะจดจำไปอีกนานครับ…อันนี้เล่าแบบไม่สปอยล์ (หัวเราะ)
สิ่งที่ PERSES มอบให้เน
: การที่เราได้มีโอกาสเป็นตัวเอง ได้แสดงความรู้สึกของตัวเองบนสเตจอย่างเต็มที่ ทุกคนที่รอดูเราอยู่พร้อมรับเราในแบบที่เราเป็น ถ้าถามว่าเจอสิ่งที่ใช่หรือยัง ตามหาตัวตนเจอหรือยัง ผมว่าผมเจอแล้วนะ เพราะเป็นสิ่งที่เรามีความสุข ณ วันนี้ ได้ทำงานกับเพื่อนๆ ทั้ง 4 คน ไปออกงานไปด้วยกัน ได้ Perform บนเวทีด้วยกัน มันเป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำมากครับ
วิธีจัดการตัวเองเมื่อมีความทุกข์
: ผมจะวางเรื่องนั้นลงและไปโฟกัสทำอย่างอื่นเลยครับ ไปดูหนัง ไปอ่านหนังสือ ถ้าเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถแก้ไขมันได้ ณ ตอนนั้นผมจะช่างมันไปก่อน แล้วก็ค่อยกลับมาดูใหม่ในตอนที่อารมณ์สงบลงว่าแก้อะไรได้ไหม
ภูเขา หรือ ทะเล
: ผมชอบหมดเลยครับ ชอบเดินป่า ชอบปีนเขา ชอบทะเล จริงๆ ผมลุยๆ เลย
รับมือกับคอมเมนต์ที่ไม่สร้างสรรค์อย่างไร
: ผมก็รู้สึกว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด เราเองก็มีสิทธิ์ที่จะรับหรือไม่รับมัน ผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่อง Freedom of Speech ที่เป็นเรื่องสามัญที่ทุกคนมีสิทธิ์แสดงออก แค่เรามีวิจารณญาณกับมันก็พอ และนำมาปรับใช้ อะไรที่ปรับได้ก็ปรับ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่หยิบมาใช้ครับ
ตอนนี้ให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด
: ให้ความสำคัญกับ PERSES ครับ เพราะรู้สึกว่าเราอยากทำให้เต็มที่ และไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้
ถ้ามีคนรักสักคนอยากให้เขาเป็นแบบไหน
: อยากให้เขาเป็นสิ่งที่เขาอยากเป็น อยากเห็นเขามีความสุขกับการได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่อยาก input อะไรให้เขามากเกินไปครับ
ELLE MEN ฉบับเดือนมีนาคม เป็นธีม Fashion Issue คิดว่าแฟชั่นสำหรับเนคืออะไร
: ผมรู้สึกว่าแฟชั่นเป็นหนึ่งในศิลปะ ที่เราสามารถเอ็กซ์เพรสความเป็นตัวเองออกมาได้ผ่านเครื่องแต่งกายหรือเครื่องประดับครับ
PERAWIT PINTA (PALM)
‘เท้าไฟ’ ฉายาประจำกลุ่มของ ปาล์ม – พีรวิชญ์ พินธะ ปาล์มผ่านประสบการณ์แดนเซอร์มืออาชีพตั้งแต่อายุ 14 ให้กับศิลปินเบอร์ใหญ่ในค่ายแกรมมี่ เขาเลยต้องรับหน้าที่ Main Dancer นักเต้นหลักของ PERSES การเต้นของปาล์มมีมิติ แข็งแรง ดุดัน จึงเป็นผู้สร้างสรรค์ความอัศจรรย์บนเวทีให้กับทุกโชว์
เรื่องเล่าก่อนมาเป็น PERSES
: ผมเป็นแดนเซอร์มาก่อนให้กับศิลปินในค่ายแกรมมี่ พี่เบิร์ด ธงไชย, พี่เป๊ก ผลิตโชค, พี่ทาทา ยัง, พี่เจ เจตริน ผมเป็นแดนเซอร์ตั้งแต่อายุ 14 ตอนนั้นทางค่าย G’NEST เปิดรับออดิชั่นพอดี ซึ่งมีพี่ ๆ ทีมงานเรียกตัวผมเข้าไปลองออดิชั่นดู
ส่วนร่วมในการทำเพลงของ PERSES
: ส่วนใหญ่ผมเป็นคนคอยดูท่าเต้นให้เพื่อน เพราะเรามีทักษะและประสบการณ์การเต้นมากกว่าพวกเขา มีช่วงนึงที่เราต้องทั้งเทรนด์ไปด้วย ซ้อมซิงเกิ้ลแรก My Time ไปด้วย ผมก็จะเป็นคนที่คอยช่วยเพื่อนตอนซ้อม ช่วยออกแบบท่าเต้นบ้าง อย่างเพลง My Time มีเข้าไปเป็นไปเป็นเดโม่ก่อน จากนั้นเอามาต่อท่าให้เพื่อนๆ ครับ
ทักษะจำเป็นสำหรับการเป็นแดนเซอร์
: สิ่งสำคัญที่สุดผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความจำครับ เราต้องเต้นหลายเพลงมาก เวลาไปเล่นหนึ่งคอนเสิร์ต ก็ต้องมีหนึ่งเมดเลย์ ที่ต้องเต้นต่อๆ กัน อีกอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องมีคือ Stamina ความแข็งแกร่ง ทรหดอดทน และพลังงานที่ต้องใส่ให้เต็มเวลาเราอยู่บนเวทีครับ
ทริคแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากรณีเต้นผิด
: เราต้องนิ่งๆ เนียนๆ ไว้ครับ และทำเป็นเหมือนว่าเราไม่ได้เต้นผิด คนอื่นเต้นผิดแทน (หัวเราะ)
ตัวตนของปาล์ม
: ผมเป็นคนที่พูดน้อยครับ ภายนอกอาจจะดูเป็น Introvert แต่ที่จริงเป็น Extrovert นะครับ ชอบอยู่กับคนเยอะๆ ชอบเข้าสังคม ตัวอย่างเช่น ผมชอบนั่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนเยอะๆ แต่ไม่ค่อยพูดครับ งงไหม อาจดูย้อนแย้งนิดนึง แต่อาจเป็นเพราะผมเป็นคนที่ชอบรับฟังมากกว่า ไม่ชอบความเงียบครับ ส่วนตัวเป็นคนขี้เหงา ถ้าอยู่คนเดียวจะเปิดทีวีทิ้งไว้คอยเป็นเพื่อน ให้มีเสียงไว้ครับ (ยิ้ม)
งานอดิเรกยามว่าง
: ส่วนตัวชอบทำอาหารครับ ตอนเด็กๆ ผมชอบไปช่วยแม่ทำอาหาร พอมาอยู่คนเดียวก็จะทำอาหารกินเอง ผมเป็นคนชอบธรรมชาติและอยากมีวิถีสโลว์ไลฟ์ อาศัยอยู่ชนบท ในอนาคตถ้าไม่ได้เป็นศิลปินแล้ว อยากเปิดฟาร์มเลี้ยงหมา เพราะเป็นคนชอบน้องหมามากๆ เปิดร้านคาเฟ่ เปิดร้านอาหาร ต้องมีน้องหมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย สำหรับผมแค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ
ตอนนี้ให้ความสำคัญกับอะไร
: น่าจะเรื่องความสุขมั้งครับ ทำทุกวันให้ดีที่สุด เมื่อไหร่รู้สึกท้อหรือเหนื่อย ก็ค่อยเริ่มใหม่พรุ่งนี้ กดปุ่มรีสตาร์ดทุกวัน
อะไรคือความสุขของปาล์ม
: อยากทำอะไรก็ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ ถ้าเราเป็นศิลปินก็ทำทุกวันให้เต็มที่และดีที่สุด ผมโชคดีครับที่ได้เจอสิ่งที่ใช่เร็ว นั่นคือการเต้นครับ ผมชอบการเต้นมากๆ มันทำให้เรามีสมาธิ โฟกัสกับร่างกาย อยู่ปัจจุบัน มันดีมากๆ เลยครับถ้าได้เจอในสิ่งที่ใช่และเป็นตัวตนของเราจริงๆ
WIKORN BURANAPINYO (JUNG)
กัปตันทีมของวง จั๋ง – วิกร บูรณภิญโญ พี่ใหญ่สุดของทีมคนนี้ บอกเลยว่าทักษะรอบด้าน ดนตรีเลิศ กีฬาเด่น เพราะตอนเด็กๆ เป็นนักกิจกรรมตัวยง เขาจึงมีหลายบทบาทใน PERSES ทั้งรับบท Main Rapper แต่งท่อนแรพ ดูแลภาพรวมและแชร์ไอเดียของการทำเพลงร่วมกับทีม Music Produce ด้วยความที่เป็นผู้ชายใจอบอุ่น จั๋งจึงมีหน้าคอยดูแลน้องๆ ในทีม เพื่อให้ครอบครัวใหม่ของเขาเติบโตไปด้วยกันอย่างงดงาม…ฝันให้ไกล ไปให้ถึง
เรื่องเล่าก่อนมาเป็น PERSES
: ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมก็ถูกตัดสายสะดือ ยาวไป๊! ผ่าม! (มาถึงก็โบ๊ะบ๊ะเลยนะ)…อะ เข้าเรื่องครับผม ผมจบจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เป็นเด็กกิจกรรมมาตลอด ทั้งเล่นกีฬา เล่นดนตรี ผมเป็นมือกลองและตั้งวงดนตรีขึ้นมากับเพื่อนๆ คือตอนเด็กๆ คุณพ่อจับเล่นกีฬาและดนตรี แต่จะหนักไปทางกีฬาเสียมากกว่า ฟุตบอลเอย ปิงปองเอย บาสเอย ซี่งเด็กๆ ผมเป็นคนทำอะไรสุดโต่งครับ ไม่คิดหน้าคิดหลัง มีช่วงหนึ่งไปเตะบอลกับรุ่นพี่แล้วเป็นจังหวะที่เตะสวนตัดกันเต็มแรง ขาผมลอยเลยครับ หักเรียบร้อย พอได้เล่นบาสก็ทำตัวเองแขนหักอีก พอเรียนจบมัธยมก็เข้าไปเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมนาโน
ชอบเครื่องดนตรีชิ้นไหนมากที่สุด
: จริงๆ ผมเล่นดนตรีได้สองประเภทครับ เปียโนกับกลอง แต่ถ้าให้เลือกว่าชอบอะไรมากที่สุด ต้องเป็นกลองครับ เพราะไม่อยากอ่านโน้ตแล้วเราก็เลยไปตีกลองแทน (หัวเราะ)
มีงานอดิเรกไหม
: ระหว่างเราทำอะไรก็ถ้าไม่ทำเพลงฮือก็นั่งดูยูทูปครับแล้วก็เล่นเกมโหมดทำเพลงปกติในวงเรามีส่วนร่วมอะไรเอ้าปกติผมก็จะเป็นคน
ส่วนร่วมในการทำเพลงของ PERSES
: ถ้าเป็นเรื่องดนตรีส่วนใหญ่จะเป็นดูแลครับ เวลามีโชว์ผมจะเป็นคนดูเรื่องซาวน์ และปรับแต่งเพิ่มเติม
สไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวเองที่สุด
: ผมชอบแต่งแบบสตรีทครับ สตรีทจัดๆ เลย แล้วก็ชอบวินเทจด้วย ส่วนแบรนด์ที่ชื่นชอบคือ Maison MIHARA YASUHIRO ครับ
ชอบอวัยวะส่วนไหนของตัวเองมากที่สุด
: น่าจะเป็นคิ้วครับ เพราะตอนเด็กๆ คุณยายชอบชมว่า “คิ้วเข้มเหมือน ณเดชน์ เลย” (ขำแรง) แต่เมคอัพอาร์ทติสบอกว่า “จั๋ง คิ้วเหมือนปลิงเลย” (ขำแรงหนักกว่าเก่า) คนละความหมายเลยครับ ฮ่าๆ
แฟชั่นสำหรับจั๋งคืออะไร
: คือตัวบุคคลครับ แฟชั่นไม่จำเป็นต้องสวยหรือไม่สวย ดูดีหรือดูไม่ดี มันคือการแสดงออกความเป็นตัวตนของเสื้อผ้าที่เราใส่อยู่
มีสเปคไหม
: ผมชอบผู้หญิงตลกครับ ผมเป็นคนยิ้มง่าย ขำง่าย จะชอบให้เขาเล่นมุกเปิดมาก่อนแล้วเราค่อยโบ๊ะบ๊ะตาม และที่สำคัญต้องเข้ากับผมได้ครับ ส่วนหน้าตาจะชอบหมวยๆ ตาชั้นเดียว ตัวเล็กๆ หน่อย ไม่สูงมาก สีผิวไม่ติดครับ
ได้อะไรจากการมาเป็นหนึ่งใสสมาชิก PERSES
: ให้ทั้งเรื่องความรู้ทางด้านดนตรี บิซิเนส การเข้าสังคม การวางตัว ที่สำคัญได้ครอบครัวใหม่ครับ ทั้ง PERSES และ G’NEST เลย
THARAKORN KHAMSING (PLUGGY)
เอนเนจี้และความร่าเริงของ ปลั๊กกี้ – ธรากร คําสิงห์ ชวนให้นึกฉากที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งดอกไม้ในภาพยนตร์เรื่อง The Sound of Music น้องเล็กสุดคนนี้คือความสดใสให้กับทุกคนใน PERSES หน้ากล้องเก่งกาจรอบด้าน เป็นทั้ง Main Vocal มีเนื้อเสียงเป็นเอกลักษณ์ และ Lead Dancer ไลน์เต้นแข็งแรงแฝงความพลิ้ว แต่พอหันหลังให้กล้องเมื่อไหร่ เขาจะแปลงร่างเป็นแมวน้อยออเซาะพี่ๆ ทุกทีไป
เรื่องเล่าก่อนมาเป็น PERSES
: ผมเคยเข้าประกวดรายการ The Voice Kids Thailand ปี 2016 จากนั้นก็มีโมเดลลิ่งและค่ายเพลงมาทาบทามให้ไปทำงานด้วย ซึ่งตอนนั้นบ้านผมอยู่ขอนแก่น เวลามีงานทีก็เข้ามากรุงเทพฯ ที ผมเป็นคนชอบร้องและเต้นโคฟเวอร์ วันหนึ่งคนในค่าย G’NEST คงเห็นแวว เลยติดต่อให้เข้ามาลองออดิชั่นดู แต่ตอนนี้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วครับ และตอนนี้กำลังจะเข้าเรียนปีหนึ่งที่วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒด้วย
PERSES ให้อะไรกับปลั๊กกี้
: ได้เยอะมากเลยครับ เราจะมีการทดสอบทุกเดือนตั้งแต่ตอนเทรนนิ่ง ต้องส่งการบ้านทุกวัน มีความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น รู้จักตัวเองเพิ่มมากขึ้นครับ Unlocked สกิลหลายอย่าง เช่น ตอนที่ผมประกวด The Voice Kids Thailand เนื้อเสียงผมกริบ ใส และคมกว่านี้ พอเริ่มโต เสียงก็เริ่มแตก มีช่วงนึงไม่กล้าร้องเพลงเลยครับ เลยต้องหันมาเต้นให้เก่งแทน ซึ่งในที่สุดผมได้ทักษะการเต้นมาแล้วแม้จะไม่เคยเรียนก็ตาม หลงรักการเต้นไปเลยครับ
เป็น Perfectionist ไหม
: ถ้าเป็นผลงานของตัวเองผมจะรับบทเป็น Perfectionist ให้งานออกมาดีที่สุดและยังคงมาตรฐานของ PERSES ไว้ (ยิ้มกว้าง)
ความยากในการทำเพลง Catch The Night นี้
: สำหรับผม น่าจะเป็นทุกอย่างเลยครับ ท่อนเพลงที่ผมต้องร้องก็ร้องยากมากๆ เพราะขึ้นคีย์สูง และท่าเต้นของเพลง Catch The Night จะใส่ฟีลลิ่งและสไตล์การเต้นของเราลงไปในเพลง ไม่เหมือนเพลงอื่นๆ ที่บล็อกท่าเต้นไว้และแค่จำท่าให้ได้ คือเพลงนี้ต้องใช้ความครีเอทีฟสูงพอสมควรครับ
อะไรคือความยากของศาสตร์การเต้น
: สำหรับผมเป็นเรื่องของสไตล์การเต้น บางสไตล์ต้องเต้นแบบกระชับกระชับ สั้น ให้ดูเล็กที่สุด เพราะผมเป็นคนแขนยาวขายาวและเต้นไลน์ใหญ่ ถ้าไม่เต้นให้กระชับก็จะดูเก้งก้างเหมือนเบบี๋ เหมือนเราไม่ชินกับการใช้ร่างกายแบบนั้น ประมาณว่าเราเคยเขียนลายมือแบบนี้มาแล้ว และจำเป็นต้องเปลี่ยนไปเขียนอีกลายมือที่ไม่คุ้นเคยก็จะลำบากหน่อย สำหรับผมการเปลี่ยนสไตล์ที่ไม่ใช่สไตล์ของตัวเองหน่ะยากที่สุดแล้ว
ตัวตนของปลั๊กกี้
: แฮปปี้ขั้นสุด เศร้าขั้นสุดเลยครับ เป็นคนอะเลิร์ท อยู่ไม่สุข พูดแจ้วๆ ไปเรื่อย เป็นคนไม่ค่อยเก็บอาการ มีอะไรติดค้างในใจกับใครก็จะพูดและเคลียร์กับคนนั้นตรงๆ ไปเลย
เมื่อเห็นคอมเมนต์ที่ไม่สร้างสรรค์
: ผมเป็นคนดูทุกคอมเมนท์เลยครับ (หัวเราะ) แต่จะถ้าคอมเมนท์ไหนที่รู้สึกว่ามีเหตุผลและน่าคิด ผมก็นำมาปรับใช้ และพัฒนาตัวเองต่อไปครับ
KRITTIN SOSUNGNOEN (KRITTN)
เชื่อว่าคุณคงเคยเห็น กฤติน – กฤติน สอสูงเนิน ตามหน้านิตยสารหรือนายแบบ Lookbook ให้กับแบรนด์เสื้อผ้าผ่านตามาบ้าง แต่ตอนนี้เขาขอผันตัวเองมาเป็นศิลปินเต็มตัว เพราะค้นพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์อีกด้านคือการมีเสียงร้องที่ทรงพลัง จนได้มารับหน้าที่เป็น Main Vocal ให้กับวง PERSES อีกทั้งพลังงานไฟแรงสูงของกฤติน ยังเป็นเชื้อเพลิงคอยกระตุ้นให้เพื่อนๆ ในทีมพัฒนาตัวเองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างไม่หยุดหย่อนอีกด้วย
ตอนนี้กฤตินอายุ 23 ปีแล้ว ช่วง 13 กับ 23 ต่างกันอย่างไร
: ต่างกัน 10 ปีครับ (เล่นมุก) ตอนอายุ 13 ยังคิดอะไรไม่เป็นเลยครับ เพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองมีความคิดที่โตขึ้นก็ตอนมาเป็นหนึ่งในทีม PERSES นี่แหละ ผมเป็นคนค่อนข้างอารมณ์ร้อน พ่อแม่สปอยล์
PERSES ให้อะไรกับกฤติน
: พอเข้ามาเทรนนิ่งเราต้องอยู่ในกฎ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราเพราะใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในวง เลยรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจมนุษย์มากขึ้น นี่คือสิ่งที่ได้จากการมาอยู่ตรงนี้ เมื่อก่อนผมค่อนข้างไม่ค่อยระวังคำพูดเท่าไหร่ ไม่ยอมใคร เดี๋ยวนี้ปรับเยอะและอารมณ์ร้อนน้อยลงมากครับ
เวลาไม่พอใจหรือผิดหวังมีวิธีจัดการตัวเองอย่างไร
: จะนั่งมองกระจก แล้วมองหน้าตัวเอง เป็นอะไรวะ ทำไมเป็นแบบนี้ และนึกย้อนเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น ลองวิเคราะห์มองหลายๆ มุม บางทีจะโทรหาคุณแม่หรือไม่ก็เพื่อนสนิทเพื่อขอคำปรึกษา เพราะก่อนหน้านี้เราเป็นคนดิวกับตัวเองยากนิดนึง เลยอยากถามมุมมองจากคนอื่นด้วย จะได้ไม่เห็นแค่ความคิดของเรา ผมเป็นคนโชคดีที่เกิดมามีครอบครัวและเพื่อนๆ พร้อมซัพพอร์ตครับ ขอบคุณพวกเขาจริงๆ
เวลาว่างจากการทำงานชอบทำอะไร
: ผมติดเพื่อนมาก อยู่คนเดียวไม่ได้เลย ต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน แม้ว่าผมจะเหนื่อยขนาดไหนก็ตามหรือเลิกงานดึกดื่นเที่ยงคืน ก็จะไปหาเพื่อนนั่งคุยชั่วโมงแล้วค่อยกลับบ้าน เพราะว่าผมเป็นคนชอบเล่าว่าวันนี้เจออะไรมาบ้าง อยากแชร์ฟัง ผมให้ความสำคัญกับครอบครัวและเพื่อน ถ้าเห็นคนที่เรารักมีความสุขผมก็จะรู้สึกมีความสุขไปด้วยครับ
ชอบอวัยวะส่วนไหนของร่างกายที่สุด
: ผมชอบดวงตาตัวเองครับ ข้างในรู้สึกอย่างไร สายตาผมจะบอกความรู้สึกนั้นออกมาได้ชัดมากๆ ปิดบังไม่ได้เลย แล้วก็ชอบรอยยิ้ม คือรอยยิ้มของผมมันเว่อร์ดี เพื่อนผมชอบพูดว่า “ยิ้มมึงดูไม่อั้นดี ยิ้มจริงใจมาก”
สไตล์การแต่งตัวของกฤติน
: สไตล์ของผมคือ Nippon Boy ติดเนี้ยบแต่แอบเซอร์เบาๆ แบบว่าไม่เป๊ะเป็นจนเกินไปในขณะเดียวกันก็จับต้องได้ แต่ตอนนี้ผมจะอินเสื้อแขนกุดเป็นพิเศษเพราะโชว์รอยสักครับ
การแต่งตัวทุกครั้งอะไรตั้งโจทย์งั้น
: เอาคาเฟ่ตั้งโจทย์ครับ พอมีเวลาว่างผมชอบไปคาเฟ่กับเพื่อนๆ ผมจะเสิร์ชรูปดูคาเฟ่ที่จะไปก่อน ถ้ากำแพงในร้านเป็นสีไหนผมก็จะแต่งตัวให้แมตช์กับสีของคาเฟ่นั้นครับ
เวลาเห็นคอมเมนต์ที่ไม่สร้างสรรค์
: ผมยังไม่ชินที่คนอื่นสามารถมาพูดอะไรใส่เราก็ได้ แม้คนๆ นั้นจะไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตเราก็ตาม เขาไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ แต่มันมีผลต่อใจผมมากครับ