“นาฬิกาของคุณหายากแล้วนะ” ซีอีโอของ Swatch ชี้มาที่ข้อมือ และกล่าวถึงนาฬิกา Swatch x Anglomania ที่ผมตั้งใจเลือกเพื่อสวมมาร่วมทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแอลเมนไทยแลนด์ เขายังโชว์ว่ารู้จริงโดยบอกข้อมูลของลายซิกเนเจอร์ของ Vivienne Westwood บนสายได้แม่นยำไม่มีคลาดเคลื่อน … การได้สนทนากับคนสำคัญของแบรนด์ดังที่ผมมีโอกาสได้สัมผัสตั้งแต่เด็ก ทำให้ทราบว่าตั้งแต่ถือกำเนิดในปี 1983 ทาง Swatch นั้นให้ความสำคัญและสนับสนุนงานศิลปะทุกแขนงไม่ว่าจะเป็นวิจิตรศิลป์และในเชิงพาณิชย์ศิลป์ “ผมชอบงานเธอ สร้างสรรค์สุดๆ เรารักที่จะได้ร่วมงานกับคนสร้างสรรค์” ซีอีโอคนเดิมยังกล่าวต่อถึง ‘ควีนออฟพังก์’ ผู้ล่วงลับ สะท้อนวิสัยทัศน์ของทั้งตัวเขา แบรนด์ และสาระสำคัญที่ทำให้เกิดโปรเจกต์และทริปสุดพิเศษในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
Swatch Art Journey โปรเจกต์ที่เน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนโลกด้วยศิลปะและพลังแห่งจินตนาการ จับมือกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะนำผลงานชิ้นเอกของศิลปินชั้นนำระดับโลกมาแปลงเป็นลวดลายโดดเด่นบนเรือนเวลา ทำให้เราสามารถสวมงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซบนข้อมือติดตัวไปได้ทุกที่ทุกเวลา เรียกได้ว่าเป็นคอลลาบอเรชั่นที่เอาใจคนเสพศิลป์ งานสร้างสรรค์ และความเอ็กซ์คลูซีฟชนิดที่ไม่ควรพลาด!




ลิสบอนเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าตำรับทาร์ตไข่รสเลิศ (หรือที่เรียกว่า pastéis de nata พาสเทล เดอ นาตา) ทิวทัศน์งดงาม และชาวมิลเลนเนียลยกให้เป็นอันดับ 1 ของเมืองน่าเที่ยวประจำปี 2019 สำรวจโดยเว็บไซต์ให้บริการด้านการท่องเที่ยวเจ้าดัง Müv Travel ถูกเลือกให้เป็นโลเคชั่นเปิดตัวโปรเจกต์สุดพิเศษในปีที่ Swatch มีอายุครบ 40 ปี … 4 ทศวรรษผ่านไป เวลาผ่านล่วงเลยมานานขนาดนี้เป็นเครื่องการันตีแล้วว่า Swatch ประสบความสำเร็จ และสามารถยืนหยัดผ่านร้อนผ่านหนาวได้เพราะต้อง ‘มีดี’ จากเดิมที่ถูกนิยามว่าเป็นนาฬิกาเรือนที่สอง ไม่ใช่นาฬิกาเรือนหลัก เพราะ S นั้นคืออักษรย่อของ Second ตามความตั้งใจให้เป็นนาฬิกาที่เอาไว้ใส่ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ใส่ได้หลากโอกาส ไม่ได้เน้นความหรูหราของวัสดุ หรือกลไกซับซ้อนมากนัก ทว่า ‘เปี่ยมคุณภาพ’ มาตรฐานการผลิตระดับ ‘Swiss Made’
แต่ปัจจุบันนี้ไต่ขึ้นแท่นเป็นนาฬิกาเรือนหลักของหลายๆ คน เพราะนอกจากนาฬิกาพลาสติกคุ้นตาให้อารมณ์ขี้เล่นแล้ว Swatch ยังมีนาฬิกาลุคหรูหรา สปอร์ต แฟชั่นจ๋า และอีกหลากสไตล์เอาใจผู้คนทุกเพศทุกวัย แถมยังมีคอลลาบอเรชั่นสุดพิเศษกับคนสร้างสรรค์และแบรนด์ดังออกมาต่อเนื่องให้ตามเก็บสะสม รวมถึงนาฬิกาทั้ง 7 เรือนจากโปรเจกต์ Swatch Art Journey ที่โดดเด่นด้วยลวดลายผลงานศิลปะ และพร้อมจะไปประดับอยู่บนข้อมือทุกคนในวันที่ 16 มีนาคม 2023 นี้




ผมเชื่อไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้โลกแห่งศิลปะและงานสร้างสรรค์หรือไม่ ก็อาจเห็นภาพเหล่านี้ผ่านตาทั้งจากบนเว็บไซต์ ในนิตยสาร ลายพิมพ์บนเสื้อผ้า ถ้วยชาม และอีกมากมายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานเหล่านี้ โดยทั้ง 7 เรือนเวลาที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Swatch และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเลื่องชื่อ เพื่อนำภาพผลงานของจิตกรระดับโลกที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เหล่านั้นมาละเลงลงบนนาฬิกาประกอบด้วย
Swatch x MoMA เฉลิมฉลองในวาระครบรอบหนึ่งศตวรรษของ รอย ลิกเตนสไตน์ (Roy Lichtenstein) ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลป์แนวป๊อปอาร์ตคนดังที่เป็นแรงบันดาลใจให้นักออกแบบในโลกพาณิชย์ศิลป์มากมาย Swatch x Magritte การนำผลงานของศิลปินดังเจ้าของภาพวาดแนวเหนือจริง ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทำงานศิลปะทุกแขนงรวมทั้งนักออกแบบแฟชั่น Swatch x Louvre Abu Dhabi กับลายภาพพิมพ์ The Great Wave Off Kanagawa หรือคลื่นยักษ์นอกฝั่งคานางาวะ งานชิ้นเลื่องชื่อของ โฮกูไซ (Hokusai) และ Swatch x Gallerie Uffizi เรือนเวลาแสนจะโรแมนติกด้วยภาพผลงานศิลปะของยุคเรเนซองส์ The Birth of Venus และ Allegory of Spring ของสุดยอดศิลปินนาม ซานโดร บอตติเชลลี (Sandro Botticelli)














‘Swatch รักศิลปะอย่างลึกซึ้ง เราทำงานร่วมกับศิลปิน นักออกแบบ และสถาปนิกรุ่นใหม่ๆ ที่มีผลงานโดดเด่น ตลอดจนร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์และสถาบันต่างๆ ที่มีชื่อเสียง แสดงถึงความผูกพันธ์กับงานศิลปะที่เรามีอย่างแนบแน่น’ สารสำคัญที่ปรากฏบนเว็บไซต์แนะนำโปรเจกต์พิเศษ Swatch Art Journey สอดคล้องกับที่ซีอีโอคนเก่งกล่าวกับผมดังที่เล่าไว้ตอนต้น และเป็นการการันตีว่า Swatch จะเป็นอีกแบรนด์ที่ไม่ทอดทิ้ง สนับสนุน และสดุดีงานศิลปะที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้
ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ Swatch มอบให้ตลอดช่วงเวลา 3 คืนกับอีกหนึ่งวันในกรุงลิสบอน เพราะเป็นเครื่องยืนยันดังที่เขากล่าวไว้ ‘มนุษย์ไม่ควรอิ่มเพียงท้อง แต่ควรให้สมองอิ่มเอมด้วยเช่นกัน’ ศิลปะและงานสร้างสรรค์จึงเป็นอีกตัวช่วยที่มาเติมเต็มในส่วนนี้ นอกจากผมได้อิ่มปากอิ่มท้อง ทานทาร์ตไข่จำนวนมหาศาลที่คนปกติน่าจะทานได้หนึ่งปีเต็ม (ฮ่าๆ) ได้อิ่มตาอิ่มใจกับทิวทัศน์ของเมืองลิสบอนที่ขอยืนยันว่างดงามจริงๆ แล้ว ยังอิ่มสมองจากมุมมองเกี่ยวกับโลกศิลปะ นวัตกรรม และวิสัยทัศน์การทำคอลลาบอเรชั่นของ Swatch และผู้ที่ถูกเลือกมาร่วมโปรเจกต์ต่างๆ ซึ่งคุณจะได้อ่านบทสัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแอลเมนไทยแลนด์กับคุณ Carlo Giordanetti ตำแหน่ง CEO of the Swatch Management และ Swatch Art Peace Hotel ได้ในลำดับต่อไป