สัมผัสความผ่อนคลายและกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ Soneva Kiri เกาะกูด

ธีมของนิตยสาร ELLE MEN Thailand ฉบับนี้ว่าด้วยเรื่อง ‘Speed’ เราเลยอยากชวนนั่งเครื่องบินส่วนไปพักผ่อนที่ Soneva Kiri เกาะกูด จังหวัดตราดกัน ใช้เวลาไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง ถ้าเทียบกับขับรถแล้วไปต่อเรือเชื่อว่าน่าจะกินเวลาเกินครึ่งค่อนวัน แต่สำหรับการบินมาลงยังสนามบินชั่วคราวที่เกาะไม้ซี้ แล้วต่อเรืออีก 5 นาทีไปที่เกาะกูด ใช้เวลาน้อยกว่ากันถึง 4 เท่า

กลายเป็นประสบการณ์ใหม่แบบ ‘Ultra Luxury’ ที่ผ่านกระบวนการคิดมาอย่างซับซ้อนเพื่อนำไปสู่ความเรียบง่ายที่ตอบโจทย์นักเดินทางจากทั่วโลก ‘No News No Shoes’ คือ Concept ของที่นี่ ใช้ชีวิต Slow Life ใกล้ชิดธรรมชาติ ไม่ต้องรับรู้ข่าวสารใดๆ กลายเป็นเสน่ห์มาก

การเข้าพักที่ Soneva Kiri ไม่ใช่แค่การมาเปลี่ยนที่นอนเหมือนรีสอร์ตทั่วไป แต่เป็นความผูกพันอันเกิดจากประสบการณ์ที่แบรนด์ตั้งใจคัดสรรและมอบให้ เพราะนี่คือครั้งที่ 2 แล้วสำหรับการเข้าพัก ทำให้เรารู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และเราต่างก็เป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ ของธรรมชาติอันกว้างใหญ่

การออกแบบที่ใส่ใจในทุกดีเทลของ ‘Soneva Kiri

ทริปนี้เราพักที่ ‘Beach Pool Villa Suite’ 1 ห้องนอน อยู่ติดชายหาดส่วนตัวหน้าวิลล่าเดินลงไปได้เลย วิลล่ามี 2 ฝั่ง ซ้ายเป็นห้องนอน วางเตียงหันหน้าออกไปทางมหาสมุทร รอบวิลล่าถูกโอบล้อมด้วยน้ำจากสระ ทำให้รู้สึกเย็นสบาย เมื่อเปิดประตูบานเฟี้ยมออกไปจะเป็นเบาะนั่งสีเหลือง สถาปนิกออกแบบให้เน้นการใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลัก อารมณ์แบบ Rustic แต่มีความโมเดิร์นด้วยเครื่องหนังที่ใส่เข้าไป มีกระจกใสเป็นองค์ประกอบรอง ส่วนบริเวณปลายเตียงมีกล่องขนาดใหญ่คล้ายกระเป๋าเดินทางหนังสามารถเปิดขึ้นมาได้กลายเป็นโทรทัศน์ (ที่ไม่มีสัญญาณ) แต่สามารถนอนชมภาพยนตร์ได้จากบนเตียง ส่วนห้องแต่งตัวและห้องน้ำจะอยู่ด้านหลัง อ่างอาบน้ำจะเป็นแบบ Open Air

ปีกขวาของวิลล่าคือ ‘Ourdoor Living’ มินิบาร์ กาแฟ จะอยู่ข้างนอกนี้ มีโซฟาสีเหลืองสลับเขียวพร้อมหมอนเข้าชุดกันจัดไว้  หันหน้าออกไปทางชายหาด ด้านล่างจัดโซฟาพร้อมกับเตียงอาบแดดสีเหลืองเอาไว้ กลายเป็นสัญลักษณ์ไปเสียแล้ว ส่วนโซน ‘Outdoor’ ดีไซน์ให้อารมณ์ Glamping เบาๆ ว่าแล้วเราก็เดินไปหยิบหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดของรีสอร์ต เอามานั่งอ่าน พร้อมกับวางเท้าสัมผัสหญ้า เพื่อคลายประจุลบออกจากตัว ให้ธรรมชาติช่วยเยียวยา พร้อมกับรับพลังจากแสงอาทิตย์อ่อนๆ เราว่าช่วยได้เยอะเลย 

‘ธรรมชาติ’ หัวใจของ Soneva Kiri

พื้นที่ของรีสอร์ตประมาณ 400 ไร่ เป็นป่าชนิดเดียวกับเขาใหญ่ ใช้ตำราเล่มเดียวกันในการศึกษาภูมิศาสตร์ เป็น Tropical Forrest พันธุ์ไม้ที่เขาใหญ่เอามาเทียบที่นี่ได้ แต่เดิมเป็นป่ายางพารา สังเกตเห็นว่าบนเกาะยังมีสวนยางอยู่ บางต้นมีขนาดใหญ่มาก สังเกตว่ารีสอร์ตที่นี่ไม้มีหลายเฉดสีเนื่องจากมีการปรับปรุง ซ่อมแซมอยู่ตลอด เพราะไม้ก็จะเก่าผุผังไปตามกาลเวลา ซึ่งต้องยอมรับว่าค่าดูแลสูงมาก เพราะใช้การก่อสร้างตามธรรมชาติ เน้นไม้ มีการปลูกต้นไผ่ไว้เพื่อนำไม้มาซ่อมแซม ส่วนไม้เก่าก็ไม่ได้เอาไปทิ้ง ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กบ้าง ทำเชื้อเพลิงบ้าง ใช้วัสดุจากธรรมชาติให้คุ้มค่าที่สุด 

คุณ Sonu เจ้าของ Soneva Kiri กำชับกับพนักงานทุกคนตั้งแต่เริ่มต้นสร้างรีสอร์ตว่า ห้ามตัดต้นไม้เด็ดขาด หากต้นไหนตายก็ปล่อยให้ตายซากไปเอง ส่วนเศษไม้ที่เกิดจากการตัดแต่งกิ่ง จะถูกนำไปแปรรูปเป็นฟืนเพื่อใช้เป็นพลังงานต่อไป ดังนั้น จงอย่าได้แปลกใจหากบริเวณรอบๆ รีสอร์ทอาจจะดูมีความเป็นธรรมชาติคล้ายกับป่ารก แต่กลับกลายเป็นว่า ต้นไม้เหล่านี้ช่วยทำหน้าที่ปกคลุมรีสอร์ตให้กลายเป็นแหล่งผลิตโอโซนธรรมชาติขนาดใหญ่ไปโดยปริยาย

กิจกรรมอันหลากหลายที่ Soneva Kiri

รีสอร์ตตั้งอยู่บริเวณแหลมโป่งหลักอวน เป็นอีกจุดหนึ่งของเกาะกูดที่มีความสวยงาม ด้วยความที่ภูมิศาสตร์อยู่บนพื้นที่โค้ง ส่งผลให้ Soneva Kiri มีวิวทิวทัศน์ให้ชมหลากหลาย โดยเฉพาะการจัดให้มีมุมชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติกเป็นการเฉพาะที่ห้องอาหาร The View แต่หากจะเล่นน้ำทะเลหรือทำกิจกรรมทางชายหาด สามารถขับบัคกี้ไฟฟ้าไปเองได้ที่ South Beach ที่ชายหาดมีกิจกรรมให้ทำเยอะดี คายัคก็มี แพดเดิลบอร์ดก็เล่นได้ มีเรือใบให้ล่องไปเที่ยวด้วย สนใจกิจกรรมไหนก็แจ้งเจ้าหน้าที่ประจำจุดได้เลย หรือบอกให้ Butler ช่วยจองให้ก่อนก็ได้

อีกจุดที่ต้องขอแนะนำให้รีบจองก่อนตั้งแต่ตอนเช็คอินคือ Treepod เป็นกระเช้าคล้ายรังนก ดูกลมกลืมกับแมกไม้ดี บริกรจะทำหน้าที่ยกเราขึ้นไปด้วยลิฟต์ไฮโดรลิกซ์ และใช้ซิปไลน์ในการเสิร์ฟอาหารตรงมาจากครัว สามารถแจ้งมื้ออาหารที่ต้องการให้มีช่วงเวลาพิเศษได้เลย เชื่อว่าการได้นั่งรับประทานอาหาร จิบชา กาแฟบนยอดไม้ มองออกไปเห็นวิวอ่าวไทยที่สวยงาม ตรงข้ามเป็นเกาะแรดที่เราเพิ่งไปดำน้ำมา ก็นับว่าเป็นประสบการณ์เลอค่าที่หาได้ยาก

ที่นี่มีกิจกรรมเยอะมากจริงๆ ยังมี So Celestial โดมหอดูดาวที่เก๋มาก ชมหนังกลางแปลงที่ Cinema Paradiso มีไอศกรีมกับช็อคโกแลตจาก So Guilty ให้กินทั้งวัน มีห้องสมุด  Kid’s Club กับ Spa คอยให้บริการด้วย Soneva Kiri จึงนับเป็นประสบการณ์ชั้นเยี่ยมที่นำเสนอความ Intelligent Luxury ได้อย่างดี และนี่คือทริป 4 วัน 3 คืนที่ เราอยากเรียกว่าเป็น  Forest-Friendly เพราะมันเกินเบอร์คำว่า Eco-Friendly ไปแล้ว

Similar Articles

More