‘Seiko Prospex 1970’ เรือนเวลารุ่นลิมิเต็ด เพื่อระลึกถึง Naomi Uemura ผู้พิชิตยอดเขาสูงระดับโลก

เพียง 500 เรือนทั่วโลกเท่านั้น สำหรับคอลเล็กชั่น Prospex ของ Seiko ที่มีดีเอ็นเอของนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของ Seiko ที่เปิดตัวต่อจากเรือนเวลาดำน้ำเรือนแรกของญี่ปุ่นในปี 1965 (หลังจากนั้นอีก 5 ปี) ซึ่งเรือนเวลาดำน้ำรุ่นแรกของ Seiko สามารถกันน้ำในระดับ 150 เมตร ด้วยโครงสร้างที่มีความแข็งแกร่ง พร้อมทั้งยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่มีมิติ ยืดขยายด้านข้างตัวเรือนในแบบอสมมาตร สามารถปกป้องเม็ดมะยมที่อยู่ในตำแหน่ง 4 นาฬิกา บวกกับเข็มและหลักชั่วโมงที่ได้รับการเคลือบด้วยสารเรืองแสง นาฬิกาเรือนนี้จึงมีความสมบูรณ์แบบสำหรับใครก็ตามที่ต้องการนาฬิกาที่โดดเด่นในเรื่องของความแข็งแกร่งและความสะดวกในการมองเห็นรายละเอียดบนตัวนาฬิกา

เรือนเวลาดำน้ำรุ่นแรกของ Seiko พิสูจน์ความทนทานโดย ‘อูเอมูระ’

Naomi Uemura (นาโอมิ อูเอมูระ) นักผจญภัยชาวญี่ปุ่นที่เดินทางสำรวจในทวีปอาร์กติกช่วงระหว่างปี 1974-1976 ได้เลือก เรือนเวลารุ่นนี้มาเป็นเพื่อนร่วมเดินทางในสภาพที่สุดโหดและท้าทายด้วยการปีนเขาลูกแรกในชีวิตของเขา และในวัย 29 ปี เขาปีนเขาที่มีชื่อเสียงอย่าง มงต์บลอง (Mont Blanc), คีรีมันจาโร (Kilimankajo) และ อากองกากัว (Aconcagua) ซึ่งในปี 1970 เขาป็นนักปืนเขาชาวญี่ปุ่นคนแรกที่สามารถปีนขึ้นถึงยอดเขา Everest (เอเวอเรสต์) จากนั้นอีก 3 เดือนต่อมา เขาก็สามารถปืนยอดเขา เดนาลี (Denali) (หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า แมคคินลีย์ (McKinley) ในอลาสกา ดังนั้น เขาจึงเป็นนักปืนเขาคนแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาสำคัญทั้ง 5 ลูกของโลกได้สำเร็จ

นาโอมิ อูเอมูระ, 1941-1984 นาฬิกาดำน้ำรุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1970

ระลึกถึงความสำเร็จในการพิชิตยอดเขาทั้ง 5 ลูกของโลก

มาถึงตอนนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงความสำเร็จในการปืนขึ้นสู่ยอดเขาทั้ง 5 ลูกของนาโอมิ อูเอมูระ Seiko จึงผลิตรุ่นพิเศษขึ้นมาโดยอ้างอิงจากเรือนเวลารุ่นใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบและตีความจากเรือนเวลาดำน้ำรุ่นปี 1970 โดยจะมาพร้อมกับหน้าปัดที่ได้รับสร้างสรรค์ให้มีลวดลายของยอดเขามงต์บลอง ซึ่งเป็นยอดเขาแรกที่เขาสามารถพิชิตได้ เม็ดมะยมและพื้นผิวโดยรอบของขอบตัวเรือนมาพร้อมกับสีฟ้าที่สะท้อนถึงแสงเงาที่ล้อมรอบยอดเขามงต์บลอง

นาฬิกาแห่งความพิเศษเรือนนี้เป็นการสะท้อนถึงงานออกแบบดั้งเดิมที่เกิดขึ้นในปี 1970 แต่มีการสร้างสรรค์ใหม่เพื่อให้มีความสอดคล้องกับยุคสมัย ลวดลายบนพื้นผิวของหน้าปัดได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อสะท้อนถึงเงาโครงร่างและรูปทรงของยอดเขามงต์บลอง พร้อมกับลวดลายของพื้นผิวที่เป็นชั้นหินที่มีหิมะปกคลุมอยู่ มีการใช้เทคนิคการกดปั๊มและการแกะสลักเพื่อเพิ่มความลึกของหน้าปัดและทำให้ยอดเขาสูง 4,807 เมตรมีชีวิตขึ้นมา โดยภาพของมงต์บลอง บนหน้าปัดเป็นภาพเดียวกันจากมุมมองของอูเอมูระที่เริ่มปีนเพื่อพิชิตยอดเขาลูกนี้

ตัวเรือนได้รับการขัดเงาอย่างพิถีพิถัน และตัวนาฬิกามาพร้อมกับสายสแตนเลสสตีลที่มีข้อสาย 5 แถวซึ่งได้รับการออกแบบให้มีความเฉียมคมและมีความทันสมัย หลักชั่วโมงทั้ง 12 ตำแหน่งบนหน้าปัดถูกจัดวางอย่างลงตัวและเคลือบด้วยสารเรืองแสงลูมิไบร์ทเช่นเดียวกับชุดเข็ม เพื่อให้สามารถมองเห็นได้อย่างสะดวกในยามค่ำคืน และมีการจัดวางช่องวันที่อย่างลงตัวในตำแหน่ง 4 และ 5 นาฬิกา ซึ่งองค์ประกอบโดยรวมนี้ช่วยทำให้รายละเอียดบนหน้าปัดของนาฬิกามีทั้งความสวยและความสะดวกในการอ่านค่าเวลาที่มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับนักผจญภัย

การขับเคลื่อนเรือนเวลานี้เป็นหน้าที่ของกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 8L35 ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับนาฬิกาดำน้ำและได้รับการประกอบด้วยมือจากช่างฝีมือทั้งชายและหญิงที่มีความชำนาญสูงสุดของ Seiko ตัวเรือนได้รับการเคลือบ Super-Hard Coating เพื่อความทนทานต่อการขูดขีด และกระจกเป็นแบบแซฟไฟร์ทรงโค้งที่ได้รับการเคลือบสารเรืองแสงด้านใน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถมองเห็นรายละเอียดและเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม นอกจากนั้น นาฬิกาเรือนนี้ยังมาพร้อมกับชุดแพ็คเกจแบบพิเศษที่มาพร้อมกับข้อความที่กล่าวโดย นาโอมิ อูเอมูระ นั่นคือ “When one dream is realized, other dreams will follow.“ (เมื่อความฝันแรกถูกนึกถึง ย่อมต้องก่อให้เกิดความฝันอื่นๆ ตามมา) ส่วนในเรื่องการกันน้ำจะอยู่ที่ 200 เมตร

นาฬิกาใหม่รุ่นนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่น Prospex ของ Seiko และจะมีจำหน่ายในแบบผลิตจำนวนจำกัด 500 เรือนทั่วโลกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2023 

Similar Articles

More