ราบิน ฮุสเซิน (Rabin Huissen) เป็นศิลปินแนว Conceptual Art อาศัยอยู่ในเมืองรอตเทอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และรักการถ่ายภาพ สร้างสรรค์งานจิตรกรรม ประติมากรรม ชื่นชอบในการจัดแสดงงานศิลปะและการแสดงต่างๆ
คุณเริ่มสนใจงานศิลปะตั้งแต่เมื่อไหร่?
เส้นทางศิลปะของผมเริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่ผมอายุเพียง 7 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงที่พ่อแม่หย่าร้างกัน ผมมีโอกาสได้เดินทางกับคุณย่าโดยรถไฟบนเส้นทาง Rotterdam-Den Hagg ตลอดทั้งการเดินทาง ผมมักจะมองผ่านกระจกไปยัง
แลนด์มาร์กต่างๆ เพื่อดูว่าตอนนั้นกำลังอยู่ตรงจุดไหน ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟต่างๆ ที่ประดับไปด้วยนาฬิกาสีทองขนาดใหญ่ โบสถ์ที่สร้างขึ้นด้วยอิฐสีแดงและสีน้ำตาล สวนสัตว์ พื้นที่สีเขียวของสวนต่างๆ และท้ายสุดคือสถานีปลายทาง Hollands-Spoor, Den Hagg ที่ถูกสร้างจากอิฐเก่าสีเทา การสังเกตจุดต่างๆ ในระหว่างการเดินทางเป็นสิ่งที่ผมทำเป็นประจำและเป็นรากฐานในการสร้างงานศิลปะของผมมาจนทุกวันนี้ นอกจากนั้น สิ่งเหล่านี้ยังช่วยให้ผมผ่านพ้นเวลายากลำบากของการหย่าร้างจากครอบครัวได้เป็นอย่างดี สีสันและความรักในการเดินทางยังคงเป็นอะไรที่ผมค้นหามาจนถึงทุกวันนี้
ผลงานชิ้นแรกที่ผมสร้าง คืองานปูนปั้นทรงมือขวาเล็กๆ ของผมเอง ซึ่งเป็นกิจกรรมในโรงเรียนอนุบาล ผมชอบความรู้สึกของการได้สัมผัสเนื้อปูนปลาสเตอร์นุ่มๆ สีน้ำนมที่ห่อหุ้มมือของผม และกระบวนการนี้ได้ก่อให้เกิดปูนปั้นรูปมือของผมเอง ผมยอมรับว่า ในตอนนั้นมันคือสัมผัสและความรู้สึกใหม่ที่เปิดโลกศิลปะของผม
การเป็นศิลปินและการทำงานศิลปะส่งผลต่อการมีชีวิตยังไงบ้าง?
ศิลปะมีผลต่อผมในทุกแง่มุมในชีวิตทุกวันของผม ผมมักจะเริ่มต้นวันตอนเช้าอย่างสดชื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและก่อนที่ทุกคนจะตื่นนอน แล้วถามตัวเองว่า ‘ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน’ จากนั้นผมจะนั่งบนเตียงและฟังเสียงสถาพแวดล้อมยามเช้า เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ทำงานวันนั้น และผมมักจะมองออกไปนอกหน้าต่างและสังเกตผู้คนตอนเช้า บ้างก็วิ่งออกกำลังกาย บ้างก็ไปทำงาน จากนั้นผมจะบรรจงอาบน้ำและแต่งตัวเพื่อไปยังสตูดิโอหรือบริเวณจัดงาน โดยผมจะทำแบบนี้ซ้ำๆ ทุกวัน
ผมเห็นงานศิลปะของตัวเองซึ่งเป็นที่ๆ ผมได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ คุณสามารถเปรียบงานศิลปะของผมเหมือนกับไดอารี่เล่มหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ เพราะแต่ละงานจะเกี่ยวโยงกับความทรงจำและโมเมนต์ของแต่ละช่วงจังหวะชีวิต ทุกๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง เม็ดทราย หยาดเหงื่อ และท่วงท่าต่างๆ ที่เหมือนเป็นรอยประทับของช่วงเวลา สถานที่ และสะท้อนถึงแต่ละช่วงเวลานั้นๆ ที่ทำให้เห็นถึงชีวิตในทุกๆ วัน ผมหวังว่างานศิลปะของผมจะสามารถเชื่อมโยงกับทุกคนได้ในระดับสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจจะทิ้งไว้ในโลกใบนี้
ผมเห็นงานศิลปะของตัวเองซึ่งเป็นที่ๆ ผมได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ คุณสามารถเปรียบงานศิลปะของผมเหมือนกับไดอารี่เล่มหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ เพราะแต่ละงานจะเกี่ยวโยงกับความทรงจำและโมเมนต์ของแต่ละช่วงจังหวะชีวิต ทุกๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง เม็ดทราย หยาดเหงื่อ และท่วงท่าต่างๆ ที่เหมือนเป็นรอยประทับของช่วงเวลา สถานที่ และสะท้อนถึงแต่ละช่วงเวลานั้นๆ ที่ทำให้เห็นถึงชีวิตในทุกๆ วัน ผมหวังว่างานศิลปะของผมจะสามารถเชื่อมโยงกับทุกคนได้ในระดับสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจจะทิ้งไว้ในโลกใบนี้
ในช่วงการเป็นศิลปินที่พำนักในเอเชีย (Artist in Residence) ผมค้นพบประเพณีเก่าแก่เกี่ยวกับการแต่งตัวและสีของแต่ละวัน มันคือความสวยงามสำหรับผม ที่ผู้คนรอบตัวสามารถเชื่อมโยงการแต่งตัว สี ธรรมเนียมเก่าแก่ และวัฒนธรรมเข้ากันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสีแดง เขียว เหลือง ม่วง ฟ้า หรือชมพู มันเป็นความลับที่น่าทึ่งที่ผมไม่เคยค้นพบมาก่อน
แรงผลักดันที่ทำให้คุณสร้างสรรค์ผลงานเรือนร่างที่เปลือยเปล่า?
ผมบอกได้แค่ว่าใช้เวลานานมาก กว่าผมจะกลับมาใส่ใจและรักร่างกายของตัวเอง นั่นคือความจริง! ในช่วงวัยรุ่น ผมไม่เคยรู้สึกเชื่อมโยงกับร่างกายตัวเองเลย จนกระทั่งผมเริ่มอายุมากขึ้น ผมเริ่มฝึกฝนโยคะ ในแต่ละครั้งของการฝึกหน้ากระจก ผมเริ่มมองเห็นความสวยงามของร่างกายมนุษย์และการทำงานของมันเพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้น ตั้งแต่นั้นมาผมจึงเริ่มหลงใหลในสิ่งนี้ การดูแลรูปร่างเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับผม เพราะผมเติบโตมาในสังคมผู้ชายที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นัก และการที่ศิลปินผู้ชายแบบผมจะให้ความสนใจเรือนร่างผู้ชายด้วยกันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกตินัก
ผมบอกได้แค่ว่าใช้เวลานานมาก กว่าผมจะกลับมาใส่ใจและรักร่างกายของตัวเอง นั่นคือความจริง! ในช่วงวัยรุ่น ผมไม่เคยรู้สึกเชื่อมโยงกับร่างกายตัวเองเลย จนกระทั่งผมเริ่มอายุมากขึ้น ผมเริ่มฝึกฝนโยคะ ในแต่ละครั้งของการฝึกหน้ากระจก ผมเริ่มมองเห็นความสวยงามของร่างกายมนุษย์และการทำงานของมันเพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้น ตั้งแต่นั้นมาผมจึงเริ่มหลงใหลในสิ่งนี้ การดูแลรูปร่างเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับผม เพราะผมเติบโตมาในสังคมผู้ชายที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นัก และการที่ศิลปินผู้ชายแบบผมจะให้ความสนใจเรือนร่างผู้ชายด้วยกันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกตินัก
การสัมผัสเป็นส่วนสำคัญในงานของผม นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ผมเลือกใช้กระดาษเป็นวัสดุหลักในการสร้างงานศิลปะ มันมีความหลากหลายในตัวมันเอง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก ความโปร่ง โครงสร้าง หรือขนาด นอกจากกระดาษแล้วผมยังชอบความรู้สึกของพื้นผิวต่างๆ อีกด้วย เช่น ดิน ทราย แก้ว หิน สิ่งทอ ขนสัตว์ ไม้ คอนกรีต พลาสติก ตลอดจนผนังแบบต่างๆ ทุกอย่างล้วนมีคาแร็กเตอร์ที่พิเศษและคุณภาพเฉพาะตัว ด้วยความรู้สึกพิเศษจากการสัมผัสสิ่งต่างๆ และร่างกายของผมเอง ผมจึงตระหนักได้ว่า เราต้องการสสารต่างๆ ของโลกใบนี้ สี เท็กซ์เจอร์ และวัสดุต่างๆ เพื่อการบำบัดและพยายามทำให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมรู้สึกว่าทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด และแน่นอนว่าผลงานของผมก็สามารถสื่อถึงการสัมผัสที่นุ่มนวลได้เช่นกัน
ในฐานะศิลปินคุณคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์?
เซ็กซ์สำหรับผมคือความแนบชิด! ที่เกี่ยวรวมกับความตื่นเต้น มีความหลงใหลและตัณหาผสมเข้าไว้ด้วยกัน ในฐานะที่เป็นศิลปินชายที่ทำงานกับเรือนร่าง ผมชอบสำรวจว่ามันทำงานอย่างไร และเราจะใช้สิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร โดยที่คุณต้องใช้มันอย่างนุ่มนวลแต่ชัดเจน เซ็กซ์ที่ดีที่สุดคือการได้ร่วมรักกับคนที่คุณรัก และเข้าใจว่าคุณชอบหรือไม่ชอบอะไร นั่นแหละคือส่วนที่ดีที่สุด
เซ็กซ์เป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ แต่แสนบอบบางและเปราะบาง ‘ผลงานของผมจึงแสดงให้เห็นชัดเจนถึงประสบการณ์อันละเอียดอ่อนของเรือนร่าง ซึ่งสะท้อนจากตัวตนผ่านการเดินทาง การใช้ชีวิตประจำวัน และที่แน่ ๆ มันปราศจากหน้าตาและฐานะต่าง ๆ ทางสังคม’
ติดตามผลงานได้ช่องทางไหนบ้าง?
ทุกคนสามารถติดตามผลงานผมได้ทางช่องทางออนไลน์ แกลเลอรี และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั้งในเอเชียและยุโรป การได้ร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นชื่อดังในสวีเดนอย่าง Acne Studios ในคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าผู้ชาย ช่วยให้ผลงานของผมเป็นที่รู้จักในวงกว้างและขายหมดอย่างรวดเร็ว! และถูกสวมใส่โดยดาราผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Billie Eilish, Bakar, Lewis Hamilton ซูเปอร์สตาร์จาก Formula One หรือแม้กระทั่ง Hunter Schafer! มันน่าทึ่งมากจริงๆ ผมรักแฟชั่นและการออกแบบ ผมไม่กลัวสิ่งเหล่านี้หรอก ผมเชื่อในการทำงานนอกกรอบและการทำงานกับภาพภาษาที่สื่อสารได้ในระดับสากลและทุกคนสามารถเข้าถึงมันได้
อันที่จริงแล้ว ผลงานของผมมาจากแนวความคิดที่เบสิกมาก ๆ แต่มีความแม่นยำในการกำหนดตัวแปรต่างๆ ในเชิงของวัสดุและองค์ประกอบที่ออกแบบและกำหนดขึ้นด้วยตัวผมเอง ผลงานแต่ละชิ้นจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก และบ่งบอกถึงความเป็นมนุษย์ได้เป็นอย่างดี มันจับเอาความรู้สึกข้างในและสะท้อนออกมาเป็นรูปแบบที่จับต้องได้และเป็นรูปธรรม งานของผมตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ข้อเท็จจริงไม่ได้น่าสนใจเท่ากับการที่คนเรารับรู้ได้ถึงความหมายผ่านการสื่อสารโดยมนุษย์ ประกอบกับการแทรกแซงของปัจจัยรอบตัว นี่เป็นสิ่งที่ดึงศักยภาพของการมีชีวิตอยู่ที่แท้จริง
สำหรับการจับมือกันกับแบรนด์แฟชั่นไทยที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ผมจะขออุบไว้ก่อนว่าเป็นแบรนด์อะไร แต่รับรองได้ว่าพิเศษแน่นอน!เว็บไซต์: www.rabinhuissen.com
อินสตาแกรม: @rabin_huissen