เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ สำหรับคนที่อยากปรับโหมดให้เข้ากับอากาศเย็นๆ และสายฝนโปรยปรายที่ชุ่มฉ่ำ แนะนำให้ลองเติมความเฟรชแบบ Genderless โดยเริ่มจากน้ำหอมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หันมาเลือกน้ำหอมแนว Woody, Earthy และ Aquatic ที่ช่วยอัพมู้ดให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย ทั้งยังสามารถบ่งบอกตัวตนที่หนักแน่นและสุขุมอีกด้วย
Hwyl Eau de Parfum จาก Aesop (50 มล. 4,600 บาท)
กลิ่นนี้จุดประกายมาจากความรู้สึกขณะเดินเล่นในป่าสนโบราณของญี่ปุ่นและสวนมอสเขียวชอุ่ม สะท้อนช่วงเวลาของการอยู่สันโดษท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ เปิดโน้ตแรกด้วยกลิ่นหอมแนวสโมกกี้ กลิ่นของเครื่องเทศและใบไธม์อันสดชื่น เสริมด้วยกลิ่นไซปรัส เวทติแวร์ และแฟรงคลินเซนส์
Prima Terra Eau de Cologne จาก FENDI (100 มล. 13,700 บาท)
น้ำหอมกลิ่นนี้ถูกยกให้เป็นเหมือนตัวแทนของ Kim Jones หยิบเอาความทรงจำจากชีวิตวัยเด็กในแอฟริกาของดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ นำมารังสรรค์เป็นความหอมผ่านส่วนผสมของส้มเขียวหวานจากแคว้นกาลาเบรียและแคว้นซิซิเลีย เบลนด์กับโรสแมรีจากประเทศตูนิเซียและโมร็อกโกเพื่อให้ความรู้สึกสดชื่น ผสานกับโอ๊คมอส กลิ่นไม้ และหนัง ที่แทรกซึมลงบนผืนดินหลังพายุกระหน่ำ ชวนให้นึกถึงธรรมชาติของทุ่งหญ้าสะวันนา
Acqua di Giò Profondo Parfum จาก Giorgio Armani (100 มล. 6,600 บาท)
กลิ่นหอมที่ได้แรงบันดาลใจจากความลึกลับของท้องทะเลลึก พาคุณสัมผัสความสดชื่นของเกลียวคลื่นผ่านเบอร์กาม็อต ซิตรัส แพตชูลี แอบโซลูต และดอก Saint Jean ที่มีฉายาเปรียบกับดวงอาทิตย์สีทอง
H24 Herbes Vives จาก Hermès (100 มล. 5,900 บาท)
น้ำหอมแนว Musky อินสไปร์จากกลิ่นของผืนดินและพืชพรรณธรรมชาติหลังฝนตก ประกอบด้วยสมุนไพรเบลนด์เข้ากับเกล็ดเย็นฉ่ำของ Pear Granita และโมเลกุลกลิ่นมิ้นต์ เหมาะกับมู้ดรีแลกซ์ที่ต้องการความโปร่งสบาย สื่อถึงความเขียวชอุ่มที่ชุ่มชื้นหลังฝนโปรยปราย
Baie 19 จาก Le Labo (50 มล. 8,100 บาท / 100 มล. 11,500)
น้ำหอมที่ได้แรงบันดาลใจจากกลิ่นไอดิน ให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำเหมือนผืนดินที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝน ถ่ายทอดผ่านความหอมของผลจูนิเปอร์เบอร์รีแห้ง กลิ่นพิมเสน และกลิ่นต้นไม้ใบหญ้า ใช้ได้ทุกเพศตามแบบฉบับของ Le Labo