เรียกว่าคอมมูนิตี้ LGBTQ+ ในไทยเป็นอีกหนึ่งชุมชนของชาวสีรุ้งที่มีเปิดกว้างและมีขนาดใหญ่มาก แต่กลุ่มคนเหล่านี้ในประเทศไทยนั้นยังไม่มีข้อกฎหมายมารองรับสิทธิและเสรีภาพด้านต่างๆ เลย #สมรสเท่าเทียม จึงเป็นกฎหมายขั้นพื้นฐานเพื่อมารองรับกับกลุ่มคนเหล่านี้ แต่ข้อกฎหมายข้อนี้ยังไม่ได้ถูกผลักดันจากฝ่ายนิติบัญญัติในประเทศไทยเลย การเรียกร้องและผลักดันสิทธิ์ของกลุ่มคนเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และวันนี้ Leisure Projects แบรนด์เมนส์แวร์ประเทศไทยจึงเปิดตัวคอลเล็กชั่น ‘Pride Manifesto’ เพื่อต้อนรับความเดือนแห่งความหลากหลายที่กำลังจะมาถึง
‘ดอกคาร์เนชั่นสีเขียว’ สัญลักษณ์ภาพแทนของชุมชน LGBTQ+
Pride Manifesto ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘ดอกคาร์เนชั่นสีเขียว’ ซึ่งได้ใช้เป็นสัญลักษณ์ แทนกลุ่ม LGBTQ+ อันเริ่มมาจาก ปี ค.ศ.1892 เรื่องราวของ ‘Oscar Wilde’ (ออสการ์ ไวล์ด) นักเขียนชาวไอริชชื่อดัง และเพื่อนๆของเขาได้ติดดอกคาร์เนชั่นสีเขียวตรงอกเสื้อไปในงานเปิดละครเวทีของเขาเรื่อง ‘Lady Windermere’s Fan’ แต่หลังจากเขาถูกเปิดเผยว่ามีคนรักเพศเดียวกัน ดอกไม้ดอกนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ ที่ใช้เรียกทางอ้อมของชายรักชาย ในช่วงชีวิตของไวลด์นั้น คาร์เนชั่นสีเขียวไม่มีอยู่จริงตามธรรมชาติ บางทีอาจเป็นอารมณ์ขันของเขาที่จงใจย้อมสีดอกคาร์เนชั่น เพื่อล้อเลียนและเสียดสีสังคมสมัยวิกตอเรียที่มองว่าคนรักร่วมเพศเช่นเขาเป็นสิ่งที่ ‘ผิดธรรมชาติ’ ก็เป็นได้ หรือแม้
แต่ในงาน Met Gala ปี 2021 ‘เอลเลียต เพจ’ (Elliot page) เปิดตัวต่อหน้าสื่อและแฟน ๆ ด้วยชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบง่าย กลัดด้วยดอกไม้สีเขียวบนปกเสื้อด้านซ้าย ซึ่งเหล่าแฟน ๆ และสื่อมวลชน คาดเดาว่าดอกไม้ดังกล่าวแฝงนัยซ่อนเร้นถึง ‘ดอกคาร์เนชันสีเขียว’ สัญลักษณ์ประจำตัวของ ‘ออสการ์ ไวล์ด’ อีกด้วย
‘Pride Manifesto’ คอลเล็กชั่นที่เชิดชูชุมชนชาวสีรุ้ง
Leisure Projects ได้นำความหมายเรื่องราว และแรงบันดาลใจเหล่านี้มาตีแผ่เป็นคอลเลคชั่น ‘Pride Manifesto’ เพื่อเฉลิมฉลองเดือนแห่งความหลากหลาย จุดเด่นของคอลเลคชั่น ได้แก่ เสื้อยืด และเสื้อแขนกุดทรงยูนิเซ็กส์ เล่นลาย Graphic Keyword หลักของคอลเลคชั่นได้แก่ Proud, Loud Like Love, Born free และ Pride Manifesto เสื้อแจ็คเกตทรง Workshop เดินเส้นด้ายสี Contrast สีเขียวสะท้อนแสง ตกแต่งด้วย การปักสโลแกน Pride Manifesto, กางเกงยีนส์ทรง Boyfriends Fit ปักดีเทลลวดลายดอกคาเนร์ชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะแนว Art Deco ที่มีความอ่อนช้อย การใช้คู่สีผสมที่ตัดกันอย่างสุดขั้วไม่ว่าจะเป็น สีเขียวสะท้อนแสง, สีน้ำเงินโคบอลท์, สีชมพู, สีส้ม และเหลืองสะท้อนแสง เพื่อสื่อถึงความมั่นใจ และความภาคภูมิใจ ของชาว LGBTQ+
พิเศษสุดในการถ่ายแคมเปญ Pride Manifesto ที่ทางแบรนด์ได้มีโอกาสร่วมงานกับบุคคลที่มีความหลายทางเพศต่างสาขาอาชีพ ที่ให้เกียรติมาเติมเต็มและเล่าเรื่องราวของคอลเลคชั่น ผ่านคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น อาทิ ‘ต่อ’ โมเดลไร้เพศจากเอเจนซี Feline ที่มีผลงานการถ่ายแบบและเดินแบบมากมาย, ‘Gigi Ferocious’ แดรกควีนรุ่นใหม่ไฟแรงมากความสามารถ และ ‘Brant’ ศิลปิน Transmen ที่บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านงานศิลปะได้อย่างน่าสนใจ
Campaign Picture
