อีกครั้งที่ Haute Couture ของ Jean Paul Gaultier (ฌอง ปอล โกลติเย่ร์) ดึงดูดความสนใจ โดยความน่าสนใจแรกนั้นคือก่อนหน้าเพียงหนึ่งสัปดาห์ที่เมซงโกลติเยร์จะเผยโฉมโอตกูตูร์รับลมหนาว 2023 นักออกแบบรับเชิญลำดับที่ 5 นาม Julien Dossena (จูเลี่ยน ดอสเซนา) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แห่ง Paco Rabanne (ปาโก ราบานน์) ได้ออกมาส่งสารให้เรารับรู้กันว่าแบรนด์ที่เขาดูแล ได้ตัดชื่อต้นออกเหลือไว้เพียง Rabanne (ราบานน์) ที่สั้นกระชับเพื่อเป็นการฉลอง 6 ทศวรรษของเมซงที่สร้างชื่อจากชุดโลหะและวัสดุสังเคราะห์ และเพื่อให้สายการผลิตสินค้าแฟชั่นและความงามสอดคล้องกัน
โดยชื่อ ‘Rabanne’ ใหม่นี้ยังถูกนำมาใช้บนบัตรเชิญโอตกูตูร์ล่าสุดของ Jean Paul Gaultier หน้าซองประทับคำว่า ‘Jean Rabanne Gaultier’ (ฌอง ราบานน์ โกลติเย่ร์) ภายในมีภาพสเก็ตช์ที่ให้กลิ่นอายของโอตกูตูร์ในอดีตและมีคำว่าที่ไล่เลียงลำดับลดหลั่นกันไป ‘Jean Paul Julien Paco & Les Autres’ (ฌอง ปอล จูเลี่ยน เอท เลส์ อุทส์) ราวกับการส่งสารว่าจิตวิญญาณของศิลปะการรังสรรค์อาภรณ์ชั้นสูงของทั้งฌอง-ปอล โกลติเยร์ และ ปาโก ราบานน์ จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในคอลเล็กชั่นนี้ โดยมีจูเลียนทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงความเหมือนและต่างของทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกัน
อีกความน่าสนใจคือ ก่อนหน้าโชว์นี้จะเริ่มเพียงไม่กี่วันอินสตาแกรมของแบรนด์ Jean Paul Gaultier ได้ลงคลิปเบื้องหลังการรังสรรค์คอลเล็กชั่นนี้ โดยมีไฮไลท์อยู่ที่งานปักประดับประดาด้วยวัสดุต่างๆตั้งแต่เลื่อม ลูกไม้ ไปจนถึงผ้าตาข่ายโลหะ ซิกเนเจอร์ของ Rabanne แต่ที่รู้สึกตื่นเต้นและอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็นผลงานของจูเลียนไวๆ เป็นเพราะคลิปที่ผมต้องขอนิยามว่าเป็นงาน ‘ปักตาแตก’ ใช้เทคนิกการปักปล้องเลียนแบบผิวหนังของเสือดาวและลายทาร์ทาน เนียนชนิดที่สามารถหลอกผู้ชมในระยะไกลได้ว่ามันคือหนังเสือดาวจริงๆ
ซึ่งการปักปล้องเลียนแบบหนังเสือดาวอย่างที่เห็นนี้ แฟนคลับของ Jean Paul Gaultier ต่างทราบดีว่าคือการสดุดีให้ชุดปักตาแตกในตำนาน เป็นชุดราตรีจากคอลเล็กชั่นฤดูหนาว 1997 ของไลน์ระดับสูง Gaultier Paris ที่มีช่วงบนดูคล้ายกับการเลาะหนังเสือดาวทั้งตัวมาโอบรัด แต่แท้จริงแล้วเป็นการปักปล้องที่ทีมช่างต้องใช้เวลาสำหรับการปักนานถึง 1,060 ชั่วโมง ออกมาดูเนียนจนหากย้อนกลับไปในปี 1997 ชุดที่ว่านี้เคยทำให้สื่อดังหลายเจ้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหนังเสือดาวจริงๆมาแล้ว เป็นอีกชุดที่ผมมีโอกาสได้เห็นของจริงด้วยตาตัวเองในนิทรรศการของ Jean Paul Gaultier ณ กรุงปารีส แล้วรู้สึก “ว้าว!” และต้องขอร่วมสดุดีทีมช่าง ที่รังสรรค์งานศิลปะที่สวมใส่ได้ชิ้นนี้ขึ้นมา
และที่น่าสนใจไม่แพ้สองประการแรกคือการได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ชิ้นงานส่วนหนึ่งมาจากโอตกูตูร์คอลเล็กชั่นแรกของ Gaultier Paris (โกลติเย่ร์ ปารีส) ในฤดูกาล Spring 1997 หนึ่งในนั้นคืองานปักลายสไตล์ลอยสักเป็นรูปมังกร ซึ่งในช่วงปลายยุค ’90s ลายสักมังกรแบบยากูซ่าถูกนำมาใช้เป็นอีกโมทีฟของ Jean Paul Gaultier ไม่ว่าจะเป็นลายปั๊มนูนบนเครื่องหนังทั้งกระเป๋าสตางค์ไปจนถึงโท้ทใบยักษ์ เครื่องประดับอย่างกำไล สร้อยคอแว่นตา และบนหน้าปัดนาฬิกาที่ร่วมผลิตกับทาง Citizen เรียกว่าเป็นอีกโมทีฟที่ฮิตไม่แพ้ลายขวางกะลาสี และแผ่นโลหะสลักชื่อ Jean Paul Gaultier แบบฟอนต์โบราณก็ว่าได้
นอกจากนี้จูเลียนยังได้แรงบันดาลใจมาจากกูตูร์ชายที่แทรกอยู่ในโชว์คอลเล็กชั่นฤดูร้อน 1997 ของ Gaultier Paris อย่างลุคที่ 26 เป็นเดรสผ้ากำมะหยี่บนแผงคอตกแต่งแผงดอกกุหลาบประดิษฐ์ เป็นการดัดแปลงจากดีไซน์ต้นฉบับที่ นายแบบ/มิวส์ คนดังของโกลติเยร์นาม Tanel Bedrossiantz (ทาเนล เบโดรซองท์ส) สวมบนรันเวย์ ซึ่งชุดนี้ยังเป็นต้นฉบับของคอสตูมสำหรับตัวละคร Ruby Rhod (รูบี้ รอธ) ในภาพยนตร์ไซไฟระดับตำนาน The Fifth Element (เดอะ ฟิฟธ์ เอลิเมนต์) อีกด้วย
ภาพรวมคอลเล็กชั่นนี้จึงเป็นการนำผลงานชิ้นโบว์แดงในอดีตของฌอง-ปอล ที่ Julien Dossenna ชื่นชมกลับมาปัดฝุ่นใหม่ โดยยืนอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดที่จะทำอย่างไรให้ให้สอดแทรกตัวตนและลายเซ็นของ Paro Rabanne แบรนด์ที่เจ้าตัวดูแลในปัจจุบันลงไปให้ออกมาลงตัวที่สุด เป็นดังชื่อประทับบนหน้าซองบัตรเชิญที่ระบุไว้ว่านี่คือ ‘Jean Rabanne Gaultier’ โดยเป็นการผสานดีเอ็นเอของตัวตนจากคนสร้างสรรค์ทั้งสาม ‘Jean Paul, Julien, Paco’ ซึ่งผมคิดว่าคงจะถูกใจแฟนคลับของทั้ง Jean Paul Gaultier และ Paco Rabanne กันถ้วนหน้า
