‘Japan Road Trip’ เทรนด์ใหม่ของการท่องเที่ยวแดนปลาดิบ

เรื่อง KANT JOMINTA

‘ขับรถเที่ยวญี่ปุ่น’ หรือ ‘Japan Road Trip’ กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของการท่องเที่ยวแดนปลาดิบไปเสียแล้วครับ อาจจะด้วยเพราะความต้องการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ มองหาจุดหมายปลายทางที่ไม่ซ้ำใคร เพราะจะว่าไปญี่ปุ่นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและน่าค้นหาอยู่มาก ควรค่าแก่การทำ Road Trip Emma Chase เคยเขียนไว้ว่า “Because the greatest part of a road trip isn’t arriving at your destination. It’s all the wild stuff that happens along the way.” ความหมายก็ตรงกับคอนเซ็ปต์ของผู้เขียนเลยครับ ในการเดินทางไม่ได้กินความเพียงแค่การมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางเท่านั้น แต่เรื่องราวระหว่างการเดินทางก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่ง Road Trip ดูจะตอบโจทย์การเที่ยวแบบ Leisure Travel ของเรามากที่สุดครับ

Day 1 Tokyo – Ibaraki

หลังจากลงเครื่องที่สนามบินนาริตะ เราจะต้องออกไปรับรถจากร้านเช่า จากนั้นก็ได้เวลาล้อหมุน เริ่มต้นทริปด้วยการมุ่งหน้าไปจังหวัดอิบารากิ เพื่อไปชมสวน “ฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ก” (Hitachi Seaside Park) เป็นสวนริมทะเลขนาดใหญ่ ที่มีไฮไลต์คือต้น Kochia เป็นไม้ทรงพุ่มค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นแดงน้ำตาล มีประมาณ 32,000 ต้น จากนั้น ขับรถเข้าไปที่พัก เป็น Traditional Japanese แท้ ๆ ชื่อว่า Isohara Seaside Hotel ไฮไลต์เลยคือ ออนเซ็นวิวทะเล

Day 2 IBaraki – Nikko

พักที่อิบารากิสักหนึ่งคืน หลังจากตื่นตอนเช้า เราจึงขับรถมาต่อกันที่นิกโก้ (Nikko) เมืองมรดกโลกของญี่ปุ่นครับ มีสถานที่เที่ยวเด่น ๆ คือ ศาลเจ้าโทโชกู (Nikko Toshogu Shrine) น้ำตกเคะงอน (Kegon Falls) และทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ย่านนี้ถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่น

ส่วนหากใครมองหาที่พักเมืองนิกโก้นั้น แนะนำให้ขับรถออกมาอีกราว 10 กิโลเมตรจะเป็นเมืองคินุกาวะออนเซ็น ที่นี่เป็นเมืองออนเซ็นตากอากาศที่มีโรงแรมสวย ๆ ให้เลือกพักเยอะมากครับ แต่ชื่ออาจจะงง ๆ ซ้ำ ๆ กันต้องจำให้ดีว่า โรงแรมคินุกาวะ แล้วต่อด้วยอะไร

Day 3 Nikko – Mt. Fuji

จากนิกโก้ ขับรถต่อมายังฟูจิ ยามานาชิ ถนนหนทางดี มีทางด่วนให้ขึ้นได้เลยครับ พอทำเวลาได้บ้าง
ตั้งใจว่าจะพักที่ ‘Villas Fuji’ บ้านพักตากอากาศให้เช่า อุปกรณ์สิ่งของอำนวยความสะดวกครบครัน มีที่จอดรถหน้าบ้าน ที่สำคัญ คือมีระเบียงที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิ ท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมด้วยบ้านของคนญี่ปุ่นทั่วไป ทำให้ได้ลองใช้ชีวิตแบบ Japanese ดูสักวัน

ขับรถออกมาจากวิลล่าเล็กน้อย จะเจอกับทะเลสาบคาวากูจิโกะ เป็นจุดชมฟูจิที่อยู่ใกล้ที่สุด และยังมี
เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda) เจดีย์ห้าชั้นสีแดงตั้งอยู่บนเนินเขา ด้านบนเป็นศาลเจ้า โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิและเมืองฟูจิโยชิดะ

Day 4 Yamanashi – Shizuoka

ฟูจิ มิได้หมายถึงแค่ทะเลสาบที่มีภูเขาไฟเป็นพระเอกอยู่ด้านหลัง และชิซูโอกะ (Shizuoka) ก็ไม่ได้มีความหมายถึงแค่เมืองแห่งชา ทว่าเป็นเมืองที่ภูเขาไฟฟูจิตั้งอยู่ และเต็มไปด้วยธรรมชาติแสนงดงามมากมาย

จากคาวากูจิโกะ ขับรถมาระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรเท่านั้น บรรยากาศสองข้างทางเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี ที่กำลังเตรียมร่วงโรย เป็นสีแดง เหลือง น้ำตาล สลับกันไป ก่อนที่ปลายทางจะเต็มไปด้วยสีเขียวของไร่ชา

เราจอดรถไว้ที่เนินเขา Nihondairasan ต้องขึ้นกระเช้าเพื่อลงไปยังด้านล่าง หรือใครจะเดินลงทางบันไดหิน 1,159 ขั้นก็ได้ เพื่อไปเที่ยว ‘ศาลเจ้าคุโนะซัง โทชูกุ’ (Kunozan Toshogu) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของชาติ เป็นสถานที่บวงสรวงเซ่นไหว้โชกุนโทคุกาวะ อิเอะยะสุ (Tokugawa Ieyasu) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งระบบโชกุนรุ่นแรกของแดนอาทิตย์อุทัย คืนนี้เราพักกันที่ Nippondaira Hotel มีจุดเด่นคือเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิในมุมที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น

DAY 5-6 Shizuoka – Kanagawa- Tokyo

หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เรายังไม่รีบเช็กเอาต์ครับ เพราะอยากจะนั่งเล่นเป็นเพื่อนกับฟูจิให้หายคิดถึง ก่อนที่ช่วงใกล้เที่ยง เราถึงจะขับรถออกจากโรงแรม เพื่อเข้าโตเกียว แต่จะแวะเมืองKanagawaเพื่อไปไหว้พระก่อนที่องค์พระใหญ่คามาคุระ (Kamakura) ซึ่งมีนามว่า Daibutsu(ไดบุทสึ) ประดิษฐานอยู่ในวัด Kotokuin องค์พระมีลักษณะเป็นสีเขียวเนื่องจากถูกสร้างขึ้นด้วยสำริดและทองแดง ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับสภาพอากาศอย่างฝนและหิมะจนกลายเป็นสีเขียว 

จากนั้น เราค่อยขับรถต่อกันไปยังโตเกียว โดยจะพักที่โรงแรมขนาดใหญ่ในตัวเมือง รายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร เหมาะแก่การมาช้อปปิ้งให้สาแก่ใจ ส่วนมื้อค่ำเราจะกินบุฟเฟ่ต์ขาปูในห้องอาหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในโรงแรมนั่นเอง พักค้างที่นี่กันสักคืน หลังจากตื่นตอนเช้าเราค่อยเช็กเอาต์แล้วขับรถไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับไทย

ญี่ปุ่นเป็นเมืองที่เที่ยวง่าย ยิ่งถ้าได้ขับรถออกไปตามนอกเมือง ดูบรรยากาศ ธรรมชาติ ผู้คน ยิ่งมีความสุขครับ ทริป ขับรถเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้จึงเป็นการเดินทางที่แสนยาวนานแต่คุ้มค่า เพื่อแลกกับคำว่า ‘ประสบการณ์’ ที่ไม่มีขายทั่วไป หากเกิดจากการลงมือทำ ลงแรงออกเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยตัวเองครับ  

Similar Articles

More