Imase (อิมาเสะ) เป็นวัยรุ่นที่เติบโตในยุคดิจิทัล เริ่มฝึกฝนเรียนรู้ทำดนตรีเองเมื่อปี 2020 ด้วยความตั้งใจแรกที่อยากทำเพลงให้เพื่อนฟัง โดยไม่มีพื้นฐานกับประสบการณ์ทางด้านดนตรีมาก่อน หลังจากปล่อยผลงานเพลงของตัวเองทางโซเชียลส่วนตัวไปเพียงแค่หนึ่งปี อิมาเสะได้เดบิวต์ในฐานะศิลปินสังกัดค่ายเพลง Virgin Music ภายใต้ Universal Music Japan อย่างเป็นทางการในปี 2021 จากนั้นไม่นานเพลง Have a Nice Day และ Touhikou ถูกจัดอันดับโดย Billboard Japan ให้เป็นเพลงฮิตอันดับ 1 บน TikTok Hot Song Weekly Ranking
อิมาเสะถือเป็นศิลปินที่มีเอกลักษณ์อีกหนึ่งคนของวงการดนตรี และสามารถสร้างอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของเพลง J-Pop ให้กลับมาโลดแล่นและถูกพูดถึงอีกครั้ง ในเมื่อเขามาเยือนประเทศไทย แอลเมนจึงคว้าโอกาสนี้ขอสัมภาษณ์พิเศษเพื่อให้แฟนๆ ทำความรู้จักและขยับเข้าใกล้เขาอีกนิด
ELLE MEN: จุดเริ่มต้นการทำเพลงด้วยตัวเอง
IMASE: เดิมทีเลยผมเป็นคนชอบร้องเพลง แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นศิลปินเต็มตัวแบบนี้ เมื่อตอนอายุ 20 เพื่อนผมซื้อกีตาร์มา พอเห็นเพื่อนเล่นผมก็เลยอยากดีดกีตาร์เป็นเลยไปซื้อมาเล่นบ้าง จากนั้นผมก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางสายดนตรีครับ
ELLE MEN: คิดว่าทำไมเพลง Night Dancer จึงประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้
IMASE: ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะแนวเพลง City Pop ที่ผมใส่ลงไปในดนตรี ซึ่งเป็นบีตเฉพาะของสไตล์ญี่ปุ่น เลยทำให้ฮิตและติดหู จนคนที่เล่นโซเชียลใน TikTok เอาไปเต้นโคฟเวอร์และแชร์จนเป็นไวรัลไปเรื่อย ๆ จากนั้นคนดังระดับโลกและคนมีชื่อเสียงในต่างประเทศก็พากันชาเลนจ์เพลงนี้ เลยทำให้ดังขึ้นไปอีก เราต้องใส่ความเป็นเอกลักษณ์ลงไป เราก็จะโฟกัสกับสิ่งนั้นแล้วทำเสียงของตัวเองให้เข้ากับเมโลดี้ ผมว่าเป็นสิ่งสำคัญครับ ซึ่งตอนแรกผมตั้งใจทำให้เพื่อนฟังเล่น ๆ ครับ แค่ทดลองดู ไม่คิดว่าจะได้การตอบรับดีขนาดนี้ ต้องขอบคุณทุกคนมากครับ
ELLE MEN: เมโลดี้ของเพลง Night Dancer มีชื่อเรียกแบบญี่ปุ่นไหม ฟังแล้วรู้สึกว่ามีกลิ่นอายของวินเทจอยู่
IMASE: ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นจะเป็นเพลงที่มีชื่อเรียกว่า Kayōkyoku เป็นเพลงป็อปยุค ’80s ซึ่งตอนนี้กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้งในวงการเพลงทั่วโลกครับ
ELLE MEN: อะไรที่นำพาให้คุณมาถึงจุดนี้
IMASE: น่าจะเป็นโซเชียลมีเดียที่มีส่วนสำคัญมาก ๆ ซึ่งครั้งแรกที่ปล่อยเพลง ผมคิดเองเลยครับที่จะปล่อยเพลงลงโซเชียลมีเดียก่อน ไม่ได้มีใครมาไกด์ผมเลยว่าผมต้องปล่อยเพลงช่องทางไหน สิ่งที่ผมคิดในหัวคือผมไม่อยากทำแบบไลฟ์สด ผมคิดว่าถ้าลงทางโซเชียลมีเดียน่าจะดีกว่าสำหรับในยุคนี้ที่โลกดิจิทัลมีบทบาทมาก ๆ ซึ่งผมลงแอ็กเคาต์โซเชียลมีเดียของผมเองเลยครับ เพราะตอนที่เริ่มทำเพลงเองแรก ๆ ไม่ได้อยู่ในสังกัดไหนเลย ไม่เคยคิดเลยว่าเพลงของตัวเองจะไปได้ไกลขนาดนี้ และทำให้ผมได้แลนดิ้งเมืองไทยเป็นครั้งแรกด้วย ดีใจมากที่ทุกคนได้ฟังและมีความสุขกับมันครับ
ELLE MEN: อยากร่วมงานกับศิลปินคนไหนมากที่สุดและเพราะอะไร
IMASE: ผมอยากร่วมงานกับ Jeremy Zucker ครับ เค้าเป็นคนที่อินสไปร์ให้ผมมาถึงจุดนี้ ด้วยเนื้อร้อง ทำนอง และบีตเพลงของเจเรมีเป็นเพลงชิลล์ ๆ ไม่มีอะไรหวือหวา เลยรู้สึกว่าคนนี้อินสไปร์ผมมาก ๆ ถ้ามีโอกาสอยากร่วมงานด้วยมาก ๆ ครับ
ELLE MEN: แล้วถ้าได้คอลแลบกัน เพลงที่ทำออกมาจะเป็นแนวไหน เป็นเพลงที่ชอบ หรือเป็นเพลงที่แหวกแนวไปเลย
IMASE: ถ้าสมมติได้ร่วมทำกันจริง ๆ อยากนำบีตของคุณเจเรมีมาใช้ผสมผสานกัน แล้วอาจกลายเป็นผลงานและแนวเพลงใหม่ขึ้นมาก็ได้
ELLE MEN: นักดนตรีที่ยกย่องให้เป็นไอดอล
IMASE: Gen Hoshino ครับ เป็นอีกคนที่ผมเคารพยกย่อง เขาเป็นคนใช้บีตเก่งมาก ยิ่งเอามาผสมกับเพลงป็อปแนวยุค ’80s ยิ่งลงตัวและสละสลวยสุด ๆ ไปเลยครับ เป็นอาร์ทิสต์ที่ผสมผสานดนตรีได้เก่งจริง ๆ น่าประทับใจมากครับ
ELLE MEN: เพลงไหนที่ touch คุณมากที่สุด หรือทำให้คุณใจเต้น
IMASE: เพลงของ Gen Hoshino ชื่อ Kigeki ครับ ผมชอบบีตของกลองและเปียโนที่ผสมผสานกับดนตรียุค ’80s เข้ากันได้ดีและลงตัวมาก ฟังแล้วรู้สึกซึ้ง ถูกใจผมครับ เพราะส่วนตัวผมเป็นคนชอบเพลงยุค ’80s ครับ
ELLE MEN: คำแนะนำหรือคำสอนทางด้านดนตรีที่เคยได้รับมา
IMASE: ผมจำได้ว่าตอนที่เรียน vocal training ผมพยายามจะออกเสียงให้จำง่ายที่สุด แต่ด้วยสำเนียงของภาษาญี่ปุ่นที่ดูแข็งและชัดเจนเกินไป เลยอาจฟังแล้วกระแทกหู อาจารย์สอนผมว่า ควรทำให้สำเนียงซอฟต์ลง คำพูดที่ออกมาก็จะดูเบาและน่าฟังมากขึ้น นุ่มและติดหู ตั้งแต่นั้นมาผมเลยนำ advice นี้มาใช้ตลอดเลยครับ หลายคนบอกว่าผมมีเทคนิคการร้องแบบ fake voice ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่าตัวเองไม่ได้เก่งเรื่องนี้เลย แต่สิ่งสำคัญในการทำ fake voice คือต้องผ่อนคลายลำคอ การเปลี่ยนโทนเสียงให้ไพเราะ ไหลลื่น และไม่ควรเกร็งคอมากครับ
ELLE MEN: ขอ 1 ข้อความที่อยากจะฝากถึงแฟน ๆ ชาวไทย
IMASE: ในอนาคตต่อไปขอให้ผมได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่ไทยครับ ฝากซัพพอร์ตด้วยนะครับ
ELLE MEN: ผลงานที่อยากจะฝาก
IMASE: สุดท้ายนี้ผมอยากฝากเพลง Nagisa เป็นซิงเกิลใหม่ให้แฟน ๆ ได้ฟังกันนะครับ (ยิ้มกว้าง)
Photographer: Pathomporn Phueakphud
Fashion Editor: Ratchakrit Chalermsan
Digital Editor: Khanakon Phettrakul
Digital Content Editor: Patsaraporn Chanamueng
Stylist: Poohchiss Kuanpiputkul
Photo Assistant: Supasit Sooksawat, Nattawadee Buakajorn, Kachapon Panuditeekun
Clothes: Christian Louboutin, Fendi, Fewk, Karl Lagerfeld, Marc Jacobs, Onitsuka Tiger and Vanillin Studioล
Location: MOTIF Art of Living