เปิดแฟ้มคดีใหม่ ‘GOOD BOY’ เมื่อเหล่าอดีตนักกีฬาต้องมาสวมบทตำรวจล่าอาชญากรรม

Written by Afdol Salah

GOOD BOY ซีรีส์น้ำดีเรื่องใหม่จากผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Shim Na Yeon ที่เคยฝากความประทับใจ ในซีรีส์อย่าง Beyond Evil และ The Good Bad Mother ที่ครั้งนี้พาผู้ชมทุกท่าน ทะยานสู่เบื้องลึกวงการตำรวจไปพร้อมกับ เจ้าหน้าที่ยุนดงจู (Park Bo Gum) อดีตนักมวยเหรียญทอง เสริมทัพความเข้มข้น ด้วยเจ้าหน้าที่ฮันนา (Kim So Hyun) อดีตนักกีฬายิงปืน และจงฮยอน (Lee Sang Yi) อดีตนักฟันดาบ ที่ก้าวเข้าสู่สมรภูมิอาชญากรรม เพื่อเปิดโปงเงามืดและโค่นล้มขุมอำนาจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังองค์กรอาชญากร

แอลเมนจึงขออาสาพาคุณผู้อ่าน ร่วมเปิดแฟ้มลับเบื้องหลังความสนุกของ GOOD BOY ไปกับ 3 นักแสดงนำ Park Bo Gum, Kim So Hyun และ Lee Sang Yi ที่จะมาเล่าทั้งเบื้องหลังการถ่ายทำ มุมมองต่อบทบาท ตลอดโมเมนต์ประทับใจ พร้อมเสริมอรรถรสให้คุณดูซีรีส์นี้ได้ลึกและมันส์ยิ่งกว่าเดิม

‘GOOD BOY’ เป็นซีรีส์ที่มีทั้งคอเมดี้ แอ็กชัน และสืบสวน ถ้าเปรียบอารมณ์ในซีรีส์เป็นเมนูอาหาร คุณจะเปรียบเป็นเมนูอะไร

Park Bo Gum: ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าซีรีส์นี้มีรสชาติของต้มยำกุ้งครับ เพราะถ้าใครได้ลองกินต้มยำกุ้งแล้ว จะเจอทั้งเห็ด กุ้ง ไหนจะผักหลากหลายชนิด เรียกว่าเป็นอาหารที่รวมมิตรทุกอย่างไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เหมือนผลงานนี้ที่ทั้งสนุก สดชื่น และถึงใจครับ เป็นผลงานที่อร่อยมาก ๆ ครับ (ยิ้ม)

Kim So Hyun: ฉันเลือกบิบิมบับค่ะ อาหารที่มีทั้งผักหลายชนิด เนื้อ ไข่ รวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งละครของพวกเราก็มีทั้งคอเมดี้ แอ็กชัน สืบสวน โรแมนซ์ เป็นเหมือนส่วนผสมที่ลงตัว อย่างกับบิบิมบับที่อร่อยเลยค่ะ

Lee Sang Yi: GOOD BOY เป็นเหมือนกับมังคุดครับ เพราะได้ยินว่าตอนนี้เป็นหน้ามังคุด (หัวเราะ) ก็เหมือนกับผลงานนี้ที่เหมาะแก่การรับชมที่สุดในช่วงฤดูกาลนี้ อากาศแบบนี้ เวลานี้ ก็คงหนีไม่พ้น GOOD BOY ครับ

Park Bo Gum: งั้นก็ขอให้ทานบิบิมบับเป็นจานหลักนะครับ ส่วนข้าง ๆ มีต้มยำกุ้งทานเป็นน้ำแกง
เสร็จแล้วก็ทานมังคุดเป็นของหวานได้เลยครับ (ยิ้ม)

เรื่องราวใน Good Boy บอกเล่าเรื่องการทำงานเป็นทีม ทำให้เคมีระหว่างนักแสดงถือเป็นเรื่องสำคัญ คุณมีวิธีสร้างความสนิทในทีมนักแสดงอย่างไร

Lee Sang Yi: ผมขอตอบก่อนนะครับ เพราะว่าตอนที่ผมตกลงเล่นเป็น ‘จงฮยอน’ และได้ยินว่าพัคโบกอมจะแสดงนำด้วย ผมเลยอยากดูมิวสิคัลที่เขาแสดงอยู่ช่วงนั้น แม้ผมจะไปดูวันสุดท้ายของรอบแสดง เเต่จำได้เลยว่าผมได้ทักทายกันที่ห้องพักเป็นครั้งเเรกครับ หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ทานอาหารด้วยกันทั้งทีม เลยยิ่งสนิทกันมากขึ้นครับ

Kim So Hyun: ฉันเป็นคนเก็บตัวมากค่ะ เพราะฉะนั้นสำหรับฉัน การต้องทำอะไรร่วมกับคนอื่นจะมีความรู้สึกประหม่าค่ะ การที่ทั้งสองท่าน รวมถึงนักแสดงท่านอื่น ๆ ชวนไปกินข้าว ไปเที่ยว ไปคาเฟ่ มันทำให้บรรยากาศการทำงานสบายขึ้นมาก ฉันเลยสามารถพูดคุยและสนิทสนมกับทุกคนได้อย่างเป็นธรรมชาติค่ะ

Park Bo Gum: ระหว่างถ่ายทำ พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ผมก็มักจะคิดถึงพวกเขาเสมอครับ ซึ่งทุกครั้งที่คิดถึง ผมก็จะบอกตรง ๆ กับทุกคนว่าคิดถึง (ยิ้ม) ซึ่งการรวมตัวกันแต่ละครั้ง พวกเราก็มักจะทานข้าวด้วยกันตลอดครับ ก็เลยได้มีโอกาสทัวร์ร้านเด็ดที่ปูซานอยู่บ่อย ๆ กลายเป็นความทรงจำดี ๆ ที่สร้างร่วมกัน ทำให้ระหว่างตอนถ่ายทำก็เลยยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นไปด้วยครับ 

ถ้าให้เลือก 1 คำ เพื่ออธิบายตัวละครของแต่ละคนจะเป็นคำว่าอะไร

Park Bo Gum : สำหรับผมคือคำว่า bulldozer (รถแทรกเตอร์) ครับ ดงจูเป็นคนที่มีนิสัยร้อนแรงดั่งไฟ เวลาเห็นความอยุติธรรมจะอดทนไม่ได้ แต่จิตใจของเขานั้นเป็นคนที่มีความภักดี และมีความผูกพันกับคนรอบข้างครับ

Lee Sang Yi : จงฮยอนคือ หงส์ ครับ เหมือนกับชุดกีฬาฟันดาบสีขาว ภายนอกดูหรูหราสวยงาม แต่ภายใต้สิ่งนั้น ต้องคอยเตะถีบขาออกไปตลอดเพื่อความอยู่รอด จงฮยอนก็เช่นกัน เขาเหมือนกับหงส์ขาว ในทั้งความพยายามและความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองอยากทำให้สำเร็จครับ

Kim So Hyun : ฮันนาเป็นเหมือนกับ เปลวไฟค่ะ เพราะเปลวไฟแม้จะเริ่มจากประกายเล็กๆ แต่พอลุกโชนมากขึ้น ก็กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้

ตัวละครของพวกคุณทั้งสามมีฉากแอ็คชันที่ต้องใช้ร่างกายเยอะ คุณมีการฝึกฝนอะไรเป็นพิเศษไหม รวมถึงต้องมีการฝึกฝนตามประเภทกีฬาของตัวละครของคุณอย่างไรบ้าง

Park Bo Gum: สำหรับผมรับบท ‘ยุนดงจู’ อดีตนักมวยเหรียญทอง ผมผ่านการฝึกซ้อมมวยมากกว่า 6 เดือนครับ นอกจากซ้อมมวยแล้วก็มีเวทเทรนนิ่งไปด้วย เพื่อสร้างความแข็งแรงของร่างกาย โดยสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการแสดงเป็นดงจูคือ เขาเป็นคนที่กระตือรือร้น ร่าเริง แต่ในขณะเดียวกัน ภายในก็มีจิตใจที่อบอุ่นและอ่อนโยน ที่สำคัญเลยคือเขาเป็นคนที่มีทักษะทางกีฬาที่ดีมาก ทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากเลยครับ

Kim So Hyun: สำหรับฉันนะคะ เนื่องจาก ‘ฮันนา’ เป็นนักกีฬายิงปืน ฉันก็เลยได้ฝึกยิงปืนเยอะเลยค่ะ โดยหลังจากที่ฉันได้มาทดลองเป็นตำรวจและได้ยิงปืนเวลาออกปฏิบัติจริง ทำให้รู้เลยค่ะว่าการฝึกยิงปืนต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ส่วนตัวเลยรู้สึกว่าหลังจากการฝึกฝน ฉันอดทนกับเสียงดังได้ดี และช่วยเพิ่มความกล้าหาญขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรหลังจากนี้ ก็จะไม่ค่อยกลัว เหมือนว่าความหวาดกลัวหายไปค่อนข้างเยอะเลยค่ะ

Lee Sang Yi: สำหรับ ‘จงฮยอน’ ที่เป็นนักกีฬาฟันดาบ ทำให้ผมได้เรียนฟันดาบประมาณ 6-7 เดือนครับ และที่สำคัญ ประเภทที่ผมเล่นคือ ‘เซเบอร์’ ครับ เป็นอีกประเภทหนึ่งของกีฬาฟันดาบที่น่าสนใจมาก อีกทั้งจงฮยอนเป็นคนที่ใช้สมองนำ มักจะวางแผนและตัดสินใจก่อนเสมอ ผมเลยติดการคิดแบบนั้น ช่วงนี้ผมก็เลยยังคงพยายามที่จะเป็นเหมือนจงฮยอนในมุมนี้อยู่ครับ

คิดว่าถ้าตัวละครที่รับบทบาทไม่พลิกเส้นทางชีวิตมาเป็นตำรวจ ตอนนี้จะกำลังทำอะไรอยู่ และเพราะอะไรถึงคิดเช่นนั้น

Park Bo Gum: ทั้งตัวละครของผมและนักแสดงทุกท่านเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติที่ต้องใช้ร่างกายมาก่อน เลยคิดว่าน่าจะยังอยู่ในทีมชาติในฐานะนักกีฬา หรือไม่ก็อาจจะช่วยฝึกสอนรุ่นน้องในฐานะโค้ชครับ อีกอย่างคือดงจูเป็นตัวละครที่มองแต่ฮันนาคนเดียว เลยคิดว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพให้ฮันนาครับ (ยิ้ม)

Lee Sang Yi: ผมก็เห็นด้วยครับว่าน่าจะเป็นแบบนั้น สำหรับจงฮยอน กีฬาฟันดาบมีความหมายกับจงฮยอนมาก เลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักกีฬาฟันดาบเช่นกันครับ

Kim So Hyun: ฮันนาตอนเป็นนักกีฬา เธอใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยมีอิสระและมีข้อจำกัดหลายด้าน เลยคิดว่าถ้าตอนที่เพิ่งเลิกอาชีพนักกีฬา น่าจะไปเที่ยวต่างประเทศค่ะ ไปสัมผัสกับอะไรใหม่ๆ อย่างเป็นอิสระ ลองเปิดประสบการณ์ทำสิ่งต่างๆ และหลังจากนั้นก็คงกลับไปสู่การยิงปืนเช่นเคย

ระหว่างทางการถ่ายทำ มีเหตุการณ์หรือเรื่องราวอะไรที่ประทับใจบ้าง

Park Bo Gum: ผมประทับใจฉากโรงงานสี ในซีเควนซ์สุดท้ายของตอนที่ 1 ที่เพิ่งฉายไป ซึ่งตอนที่ได้อ่านบทครั้งแรก ผมรู้สึกประทับใจมาก และอยากจะแสดงฉากนั้นออกมาให้ดี การได้มีส่วนร่วมในการเตรียมฉากนี้กับผู้กำกับแอ็กชัน ยิ่งทำให้พวกเราทุ่มเทและตั้งใจทำมันออกมามากๆ ครับ ซึ่งสุดท้ายก็ถือว่าเป็นการถ่ายทำที่คุ้มค่ามาก 

Kim So Hyun: ฉันเองก็ประทับใจฉากแอ็กชันเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะฉากแอ็กชันของฉันในตอนที่ 1 เป็นการถ่ายทำในช่วงต้น ๆ ของละครเลย ตอนนั้นฉันยังไม่ค่อยมีเซนส์ทางแอ็กชัน ฉันเลยมักจะดูมอนิเตอร์ระหว่างถ่ายทำไปด้วย ทำให้รู้ว่า “อ๋อ ตรงนี้ควรทำแบบนี้จะดีกว่าสินะ” ก็เลยเริ่มสั่งสมเทคนิคไปเรื่อยๆ การแสดงแอ็กชันของฉันจึงดีขึ้นค่ะ

Lee Sang Yi: ทั้งสองท่านพูดถึงฉากแอ็กชันไปแล้ว งั้นผมอยากพูดถึงฉากห้องทำงานของทีมสืบสวนพิเศษแล้วกันครับ เป็นฉากที่เห็นพัฒนาการการสร้างทีมเวิร์กที่ดีในห้องทำงาน แม้จะมีเรื่องสงครามประสาทซ่อนอยู่ ซึ่งระหว่างแสดง บางครั้งพวกเราก็ต้องกลั้นหัวเราะกันด้วย (หัวเราะ) เลยเป็นอีกหนึ่งฉากที่อยากให้ทุกคนรอติดตามชมครับ

อยากให้แต่ละท่านเล่าความประทับใจในประเทศไทยบ้าง

Park Bo Gum : ก่อนอื่นเลย ผมอยากขอบคุณแฟน ๆ จากใจจริงเลยครับ เพราะไม่ว่าจะมาเมืองไทยเมื่อไหร่ แฟนๆ ชาวไทยมักจะคอยต้อนรับอย่างสดใสเสมอ ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาหายไปหมดเลย สำหรับผมมันเป็นการพบเจอที่มีความสุขมากจริงๆ ครับ

Kim So Hyun : ฉันชอบประเทศไทยมากๆ เลยค่ะ รักอาหารไทยมากๆ ด้วย และทุกครั้งที่มา ทุกคนจะต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่สดใสเสมอเลย ทำให้ได้รับพลังงานบวกกลับไปเสมอ ฉันเลยรักประเทศไทยมากจริงๆ ค่ะ

Lee Sang Yi : เป็นครั้งแรกที่ผมมาประเทศไทยเพื่อการทำงาน ทุกคนต้อนรับดีมากๆ ผมมีความสุขมากจริงๆ ครับ จากใจคนชอบกิน อาหารไทยถูกปากผมมากเลย ทำให้ตลอดช่วงเวลาที่อยู่เมืองไทย ผมมีความสุขมากเลยครับ ขอบคุณทุกคนจากใจจริงเลยครับ

ถ้ามีแฟนๆ ส่งของขวัญที่เป็น ‘ไอเท็มประจำตัว’ ให้ตัวละครของคุณใน Good Boy แต่ละท่านคิดว่าไอเท็มชิ้นไหนจะเหมาะที่สุดกับตัวละครของคุณ และทำไมถึงเลือกสิ่งนั้น

Park Bo Gum : ส่วนตัวผมคิดว่า ความรักของทุกคนคือของขวัญชิ้นใหญ่ครับ แค่ทุกคนรักละครเรื่อง Good Boy ก็เป็นของขวัญที่ใหญ่มากแล้วครับ

Kim So Hyun : คือคุณโบกอมตอบดีมากเลยค่ะ (ยิ้ม) ฉันเองก็ขอเเค่ให้ทุกคนได้ดูละคร แล้วได้เห็นตัวละครของฮันนาเป็นต้นแบบในการกล้าตัดสินใจทำอะไรแบบเด็ดขาด ทำสิ่งที่เคยอยากทำแต่ต้องอดทนเก็บมันไว้ หรือไม่มีโอกาสได้ทำ ลองกล้าที่จะทำสิ่งนั้นดูสักครั้ง และได้รู้สึกว่า “โอ๊ะ มันดีมากเลยนะ” ถ้าทุกคนได้ลองมีประสบการณ์แบบนั้น น่าจะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับฉันเลยค่ะ

Lee Sang Yi : ใช่ครับ เหมือนกับที่คุณโบกอมกล่าวไว้สักครู่ แทนที่จะเป็นของขวัญที่เป็นสิ่งของหรือไอเท็มประจำตัว ความรักและกำลังใจจากทุกคนคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วครับ ถ้าเกิดความคิดว่าอยากจะให้ของขวัญพวกเรา ขอให้ทุกคนไปรับชมละครเรื่องนี้ผ่าน Prime Video อีกสักครั้ง ดูแล้วดูอีก ก็จะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่มากสำหรับพวกเราแล้วครับ

ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยที่ตั้งตารอดู Good Boyหน่อย

Lee Sang Yi : ห้ามพลาดเลยนะครับ ฝากรัก Good Boy มากๆ ด้วยนะครับ

Park Bo Gum : ผลงานชิ้นนี้จะเป็นกำลังใจให้คนที่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อความดีงาม และผมคิดว่าเป็นผลงานที่ทำให้คนรู้สึกอยากใช้ชีวิตแบบนั้นครับ หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ช่วยสร้างโลกที่สวยงามครับKim So Hyun : ส่วนตัวแล้วฉันตื่นเต้นที่จะได้โชว์มุมใหม่ๆ ให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เห็นกันผ่าน Good Boy ค่ะ ฉันอยากให้ทุกคนได้เห็นภาพใหม่ๆ และรู้สึกยินดีไปด้วยกันกับฉัน พร้อมหวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับละครของพวกเรานะคะ

Photo : Prime Video

Similar Articles

More