หลายคนน่าจะเคยเห็นหน้าค่าตาของ อัพ-ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง กันมาบ้างแล้ว เขาคือนักแสดงชายที่มีทักษะความสามารถรอบด้าน พิสูจน์ได้ทั้งจากซีรีส์ ‘นับสิบจะจูบ’ หนังสยองขวัญ ‘หุ่นพยนต์’ มาจนถึงโปรเจกต์ประเดิมปี 2024 อย่างเรื่อง Start-Up ผลงานรีเมกจากซีรีส์เกาหลียอดฮิตที่นำแสดงโดยแบซูจีและนัมจูฮยอก ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างถล่มทลาย โดยในเวอร์ชั่นไทยอัพรับบทเป็น ‘กรณ์’ โปรแกรมเมอร์หนุ่มผู้ใฝ่ฝันอยากสร้างบริษัทสตาร์ตอัปกับเพื่อน ๆ
ก่อนก้าวเข้าวัยเลขสามอย่างเต็มตัว ELLE MEN Thailand ชวนเขามาอัปเดตชีวิตผ่านบทสนทนาจากหลากหลายประเด็นที่จะเผยให้เห็นถึงทัศนคติในการทำงานด้วยพลังงานบวก การก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คน
บทบาทโปรแกรมเมอร์หนุ่มผู้มุ่งหวังอยากประสบความสำเร็จในวงการสตาร์ตอัป

ก่อนหน้านี้ไม่เคยดูออริจินัลของเกาหลี พอรู้ตัวว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ก็ต้องดูเพื่อทำการบ้านเพิ่ม สำหรับผลงานรีเมกเวอร์ชั่นไทย ตัวละคร ‘กรณ์’ ถูกดีไซน์คาแรกเตอร์โดยปรับให้เข้ากับคัลเจอร์บ้านเรา อาจมีบุคลิกบางอย่างที่ต่างจากต้นฉบับ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนนัมโดซานคือกรณ์มีความเชี่ยวชาญเรื่องการเขียนโค้ดและคณิตศาสตร์ โชคดีที่ชีวิตจริงผมพอจะมีเพื่อนในวงการสตาร์ตอัปอยู่บ้าง ก่อนเริ่มถ่ายทำก็ได้เพื่อน ๆ มาช่วยติว บวกกับผมเป็นคนพิมพ์เก่ง พิมพ์เร็ว ตอนเข้าฉากเลยแสดงออกมาได้เนียนและดูสมบทบาท นอกจากนี้คนส่วนใหญ่ยังติด stereotype มองว่าลุคของเดเวลอปเปอร์จะต้องเนิร์ด ต้องคุยไม่รู้เรื่อง แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าอาชีพไหนก็ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่
ตัวจริงของอัพมีนิสัยอะไรที่คล้ายหรือแตกต่างจากกรณ์
คนอื่นชอบบอกว่าผมเนิร์ด อาจเพราะนิสัยรักการอ่าน ผมอ่านทุกเช้า อ่านเวลารอแต่งหน้าทำผม อ่านทั้งข่าวทั้งแมกกาซีน อ่านหลายแนว นอกจากนี้ผมยังชอบอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ ชอบใช้แกดเจ็ต กลายเป็นว่ามีหลายอย่างที่เรารีเลตกัน หลังจากได้สวมบทเป็นกรณ์ก็เริ่มตระหนักว่าอย่าหยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพราะเทคโนโลยีเกิดขึ้นและเติบโตเร็วมาก เราไม่มีทางรู้ว่าจะสิ้นสุดตรงไหน ส่วนความต่างคือเรื่องตัวเลข ผมไม่ถนัดคำนวณ แต่เชื่อไหม…ปีนี้ผมตั้งเป้าจะศึกษาเรื่องการเงินมากขึ้น
อะไรทำให้หันมาสนใจและศึกษาเรื่องไฟแนนซ์


เมื่อก่อนผมคลุกคลีกับหนังสือภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่และไม่ค่อยได้อ่านภาษาไทย จนกระทั่งวันหนึ่งไปเจอหนังสือที่เขียนโดยเจ้าของเพจปั้นเงิน ชื่อว่า ‘จักรวาลการเกษียณ’ พออ่านแล้วรู้สึกว่าใช่! จากเดิมที่ไม่เคยเข้าใจเรื่องตัวเลข วิธีการเล่าเรื่องโดยถ่ายทอดผ่านตัวละครทำให้เข้าใจง่าย รู้สึกว่าการเงินไม่ใช่ไกลตัวอีกต่อไป ทำให้เราเริ่มศึกษาการลงทุนและฉุกคิดเรื่องวางแผนเกษียณ
รู้จักสร้างหลักประกัน จัดการและบริหารเงินอย่างเป็นระบบ
ผมเคยลงทุนทำร้านกับเพื่อน แต่ด้วยความที่ไม่ศึกษาธุรกิจนั้นอย่างจริงจัง ผลคือเละเทะ หลังจากได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเงินมากขึ้นก็เริ่มหาความรู้เพิ่มเติม ใช้ความผิดพลาดในอดีตเป็นบทเรียน ส่วนตัวมองว่าคนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ตอนนี้ผมอายุ 29 แล้วแต่ไม่เคยคิดว่ามันสายเกินไป เพราะแต่ละคนจะมี timing ของตัวเอง มี pacing ของตัวเอง ไม่มีใครเริ่มเร็วกว่าหรือเริ่มช้ากว่า แต่เราควรเริ่มในจังหวะที่ใช่และพอดีกับพละกำลังของตัวเอง
การเป็นวัยรุ่นสร้างตัวในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ผมว่ามันก็ยากนะ แต่ข้อดีในปัจจุบันคือโลกเรามีโซเชียลมีเดียมากมายหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหนก็สามารถเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ ได้เลย ขอเพียงแค่มีแพชชั่น เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ล้มบ้าง ได้เรียนรู้จากความล้มเหลว อย่ามัวโฟกัสเป้าหมายจนละเลยสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างทาง
แล้วชีวิตวัยเด็กของอัพเป็นแบบไหน
เมื่อก่อนผมเป็นเด็กดื้อ จนถึงตอนนี้ก็ยังดื้ออยู่ (หัวเราะ) ด้วยความเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ก็ตามใจในระดับหนึ่ง ผมเลยได้ลองทำอะไรหลายอย่าง เขาจะปล่อยให้ผมล้มและเจ็บเอง และท้ายที่สุดผมจะกลับไปหาพวกเขาได้เสมอ ถือเป็นความโชคดีของผมเลยล่ะ ดังนั้น เมื่อได้โอกาสมาแล้วจึงตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ในอนาคตก็อยากดูแลคนในครอบครัวให้สบายที่สุดด้วยครับ
ประโยคที่ว่า “การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด” เป็นจริงเสมอ

ใช่ครับ หลายคนอาจจะรู้แล้วว่าตอนนี้ผมกำลังต่อปริญญาเอกที่รัฐศาสตร์ จุฬาฯ (International Development Studies) ซึ่งฉีกแนวจากตอนป.ตรีที่จบนิเทศศาสตร์ เหตุที่ผันมาเรียน Political Science เพราะจังหวะกำลังเดินเล่นในงาน Big Bad Wolf Books บังเอิญเจอหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาน่าสนใจมาก ทำให้อยากศึกษาเพิ่มเติมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตอนบินไปเรียนที่อังกฤษ (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ International Relations) จำได้ว่าเปิดโลกทัศน์สุด ๆ ทำให้เราค้นพบว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนมี cause & effect เป็นเน็ตเวิร์กเชื่อมโยงถึงกันหมด
ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทิ้งศาสตร์การแสดง
ตอนแรกไม่คิดว่าจะมาเป็นนักแสดง แต่พอได้ลองทำแล้วมันมีไฟ ถ้าในอนาคตผมเป็นที่นิยมน้อยลงก็ไม่อยากให้ตัวเองหมดไฟ อยากทำงานต่อไปด้วยแพชชั่น เสน่ห์ของการแสดงที่ส่วนตัวหลงใหลมาก ๆ คือเราสามารถเล่นเป็นใครก็ได้ อย่างบท ‘กรณ์’ ในชีวิตจริงผมไม่มีทางเป็น Program Developer ผมเขียนโค้ดไม่ได้ หรือก่อนหน้านี้ที่เล่นเป็นเด็กพิเศษในเรื่องหุ่นพยนต์ก็ท้าทายมาก ทุกโอกาสที่เข้ามาถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า
นอกจากงานสายบันเทิง คิดว่าในอนาคตจะผันตัวไปอยู่แวดวงอื่นอีกไหม
เป็นคำถามที่ยากมาก เพราะยังไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเจออะไร ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอะไรเข้ามาอีก

ขยับมาถามถึงมุมมองเกี่ยวกับ Relationships บ้างดีกว่า
ผมไม่ได้มีสเปกตายตัว แต่จะชอบคนที่สามารถแชร์มุมมองกันได้ ต่อให้มองกันคนละมุมก็สามารถคุยแลกเปลี่ยนกันได้ คุณอธิบายในมุมของคุณ ผมอธิบายในมุมของผม รับฟังแล้วมาหาตรงกลางที่เราเข้าใจกันและกัน ค่อย ๆ ศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกัน ผมคิดว่าคนแบบนี้มีเสน่ห์มาก
วางแผนชีวิตวัยเกษียณไว้ยังไง
คงเป็นชีวิตที่เรียบง่าย ตื่นแต่เช้า กินกาแฟ ออกไปตีกอล์ฟ กลับบ้านมาอ่านหนังสือพิมพ์ ปลูกบอนไซ เล่นกับหลาน ทำแบบนี้วนไปครับ (ยิ้ม)

Credit Team
Photo: Wasu Sukatocharoenkul
Fashion Editor: Ratchakrit Chalermsan
Stylist: Poohchiss Kuanpiputkul
Makeup: Sutipat Pinchum
Hair: Kongkiat Krissakree
Style Assistant: Dulyadej Sangfueng
Photo Assistants: Similan Prangprasert, Watchara Panthong
Fashion Intern: Pittayut Uasawaengboon
Location: InterContinental Bangkok