Dolce&Gabbana Men SS24 ผลงานสำหรับผู้มีสไตล์ชัดเจนและรักความสมบูรณ์แบบ

“คำว่า ‘สไตล์’ ค่อนข้างต่างจาก ‘แฟชั่น’ เราจึงพยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แต่อยู่ภายใต้รหัสของเราเอง โดยจะต้องทำให้มั่นคงและเป็นที่จดจำได้ในขณะที่พัฒนาควบคู่กันไป” – Stefano Gabbana หนึ่งในสองผู้ก่อตั้งอาณาจักร Dolce&Gabbana กล่าวถึงแนวคิดว่าทำไมจึงเน้นย้ำคำว่า ‘สไตล์’ ให้เด่นชัดบนสมุดภาพสะสมที่มาในซองบัตรเชิญคู่กับบัตรเครดิตจำลอง “เพราะบัตรเครดิตเป็นตัวบางชี้สถานะของคุณ เป็นสัญลักษณ์ของตัวตน และคุณเป็นเจ้าของแต่เพียงคนเดียว มันสะท้อนว่าคุณเป็นในสิ่งที่คุณเป็น”

คอลเล็กชั่น Spring/Summer 2024 ของ Dolce&Gabbana จึงเป็นการกลับไปค้นหา ‘สไตล์’ และรหัสของเฮาส์ที่ Domenico Dolce (โดเมนิโก โดลเช่) และ Stefano Gabbana (สเตฟาโน กาบบานา) วางรากฐานไว้ให้คอลเล็กชั่นบุรุษตั้งแต่ปี 1990 ทั้ง 76 ลุคของหนุ่มๆ DG ในฤดูกาลนี้ไม่ได้ดูจัดจ้านแนวแฟชั่นจ๋า หรือดูหวือหวาและตะโกนเรียกความสนใจด้วยลายพร้อยมาแต่ไกล เป็นการพากลับไปสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายแบบ Dolce&Gabbana ที่รักความหรูหราและสมบูรณ์แบบในการตัดเย็บ “ชุดต้องพอดีกับรูปร่างที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องปรับสัดส่วนให้ออกมาเทรนดี้เสมอไป นั่นเป็นเหตุว่าทำไมโครงสร้างของเสื้อผ้าจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก”

เวลา 33 ปีผ่านไปนับตั้งแต่ที่เผยโฉมคอลเล็กชั่นบุรุษเป็นครั้งแรก วันนี้สองคู่หูแห่งหนึ่งในแฟชั่นเฮาส์ที่ทรงอิทธิพลของอิตาลีได้พิสูจน์แล้วว่าสไตล์และรหัสที่พวกเขาสร้างไว้นั้นแข็งแกร่งเพียงใด แม้เป็นลุคง่ายๆอย่างเสื้อกล้ามเนื้อดีเข้าคู่กับบอกเซอร์สีดำนั่นก็ยังทำให้นึกถึงสไตล์ DG ที่เคยปรากฏบนรันเวย์และภาพโฆษณาน้ำหอมสุดโด่งดัง การนำผ้าลูกไม้มาตัดเป็นชุดสำหรับผู้ชายที่ทั้งคู่ทำมานานจนกลายเป็นอีกภาพจำ เครื่องประดับเป็นสร้อยคอลูกประคำชิ้นฮอตฮิตที่แฟนคลับในยุค ’90s ต้องมี และการตกแต่งชุดเทเลอร์ด้วยดอกไม้ประดิษฐ์ผ้าออร์แกนซ่าซึ่งเชื่อมโยงกับคอลเล็กชั่น Alta Moda ฝั่งสตรี

ขณะที่ชุดเทเลอร์งานถนัดและเป็นชิ้นเลื่องชื่อของ DG เน้นความพอดีตัว ความสนุกอีกขั้วที่อิงมาจากผลงานเก่าๆของ D&G (ไลน์วัยรุ่นที่เปิดตัวในปี 1994 และปิดไปในปี 2012) นั้นกลับดูสนุกด้วยการขยายขนาดให้โอเวอร์ไซส์ ไม่ว่าจะเป็นเชิ้ตลายทาง แจ็กเก็ต MA-1 และโค้ทตัวที่คงกะจะให้ใช้ลากยาวไปถึงช่วงฤดูหนาว เรียกว่าลงทุนทั้งทีแล้วต้องใช้ได้คุ้มค่า โดยความ ‘คุ้มค่า’ ที่ว่าคืออีกผลลัพธ์ของ ‘สไตล์’ ในแบบที่ไม่ต้องอิงกับกระแสแฟชั่น และ ‘คุณภาพ’ จากความเป็นเลิศในการเลือกใช้วัสดุและการตัดเย็บ อีกสองปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Dolce&Gabbana ยืนหยัดมาจนเกือบ 4 ทศวรรษ

หากมองภาพรวมแบบเผินๆ การสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นที่ลดสเกลการเล่นใหญ่ลงมาจนคล้ายกับจะอิงกระแสมินิมอลครั้งนี้ทำให้ชวนคิดได้ว่าสวนทางกับที่ Stefano ได้กล่าวไว้ว่ากำลังทำสิ่งที่เรียกว่า ‘สไตล์’ โดยไม่ต้องอิงกระแสแฟชั่นหรือไม่?  … สำหรับผมแล้วทั้ง 70 กว่าลุคสำหรับฤดูกาลนี้คืออีกสไตล์ของทั้งคู่ที่เคยทำไว้จนประสบความสำเร็จ แล้วดันมาสอดคล้องกับเมเจอร์เทรนด์ของโลกพอดี จะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจ แต่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นไม่ว่าจะเป็นสไตล์หรือเทรนด์ใดๆ ล้วนเกิดขึ้นและอยู่ภายใต้ตัวตนของแบรนด์ที่สองคู่หูวางไว้ หนุ่มๆ Dolce&Gabbana สามารถเป็นได้ทุกอย่าง ตั้งแต่เพลย์บอยขาปาร์ตี้ ไปจนถึงสปอร์ตตี้ และสาวกสตรีทแฟชั่น แต่ทั้งหมดนั้นล้วนชัดเจนด้วยรายละเอียด รูปทรง และการพัฒนาบางอย่างจนเป็น ‘สไตล์’ ที่ดูอย่างไรก็ทราบได้ว่านี่ละคือ Dolce&Gabbana

Similar Articles

More