Café Dior เสิร์ฟเมนูเลิศรสโดย Mauro Colagreco ที่ Dior Gold House

หลังจาก Dior Gold House เปิดทำการก็ได้สร้างกระแสไปทั่วโลกถึงความยิ่งใหญ่ของโปรเจกต์พิเศษนี้ เพราะรายละเอียดสะท้อนคุณค่าแห่งงานหัตถศิลป์โดยศิลปินชาวไทยหลายชีวิต ร่วมเนรมิตภายในพื้นที่อั่นโอ่อ่าจัดแสดงสารพัดไอเทมจากเมซงครบครันทั้งสำหรับผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ของแต่งบ้าน รวมถึง Café Dior อีกจุดที่สร้างความประทับใจให้แขกทุกคนที่มาเยือน

กำแพงไม้ไผ่สานมือแบบสามมิติโดยศิลปินชาวไทย ‘กรกต อารมย์ดี’ ผู้เฉียบแหลมในการหลอมรวมงานออกแบบร่วมสมัยเข้ากับหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ถ่ายทอดภาพอันชัดเจนของเหล่าบรรดาแมกไม้ พรรณพฤกษา และปักษานานาชนิด ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความผ่อนคลาย นอกจากเป็นการสะท้อนเรื่องราวความรักที่มีต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว ยังเป็นการแสดงฝีมืองานศิลป์โดยคนไทยสู่สากล

เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน Café Dior ยังได้ศิลปินชาวไทยอีกท่าน ‘ศรัณย์ เย็นปัญญา’ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ประจำสตูดิโอ 56 มาเป็นผู้รังสรรค์ Medallion เก้าอี้รุ่นชิกเนเจอร์ของเมซงด้วยวัสดุธรรมชาติและงานจักสาน พร้อมด้วยลายปักเหล่าปักษาและพันธุ์พืชที่เป็นรายละเอียดในการแต่งแต้มเสน่ห์ความเป็นไทยได้อย่างกลมกลืน

ในส่วนเมนูของหวานซึ่งเป็นไฮไลต์ของ Café Dior แห่งนี้ รังสรรค์รสชาติและความตื่นตาตื่นใจนักโภชนศิลป์โดย Mauro Colagreco (เมาโร โคลาเกรคโค) ผู้บรรจงออกแบบรายการของหวานเอมโอชโดยเฉพาะสาหรับ Dior Gold House Café Dior การันตีด้วยรางวัลสามดาวจากมิชลิน เขาหลอมหลวมปรัชญาและวิสัยทัศน์กว้างไกลในการรังสรรค์ของหวาน และความหลงใหลในศิลปะการจัดสวน รวมถึงความงดงามของพรรณรุกขชาติเช่นเดียวกับตัวผู้ก่อตั้งเมซงหลังนี้ เมอซิเออ Christian Dior (คริสติยง ดิออร์) ที่สร้างสรรค์เครื่องแต่งกายภายในห้องเสื้อชั้นสูง ควรค่าต่อการเป็น ‘โภชนศิลป์ชั้นสูง’ หรือ Haute-Gastronomie (โอต-กาส์โตรโนมี) อย่างแท้จริง

จากกุหลาบสู่ภมรตลอดจนคฤหาสน์ La Colle Noire บ้านพำนักตากอากาศสไตล์โพรว็องซ์ของ Christian Dior สัญลักษณ์ตัวแทนความเป็น Dior ถูกนำมาร้อยเรียงใหม่เพื่อแต่งเติมความวิจิตรประณีตให้แก่บรรดาของหวาน และขนมแป้งพายอบรสเลิศ อาทิ ของหวานกลิ่นหอมอบอวลจากเตยหอม พืชยืนต้นเมืองร้อนประจาถิ่นอุษาคเนย์ ปรุงแต่งด้วยกลิ่นฝาดเปรี้ยวและสดชื่นเจือไอเครื่องเทศของมะกรูดไทย และมะนาวเขียว, กรวยน้ำแข็งไสนมกุหลาบกับราสพ์เบอร์รีและลิ้นจี่สด ตลอดจนขนมแป้งพายอบสอดไส้ หรือประดับหน้าด้วยพิสตาชิโอ, วานิลลา หรือเสาวรส นอกจากนั้นยังมีรายการสุดเซอร์ไพรส์จาก Mauro Colagreco เป็นค็อกเทลหลากรสปรุงสูตรโดยใช้เอสเซนส์สกัดจากดอกไม้ทาน้ำหอมตำรับ Dior อย่างดอกส้มซ่าเนโรลิไปจนถึงมะลิ และลาเวนเดอร์ มหากาพย์รสสัมผัสเพื่อถ่ายทอดความเป็นเลิศแห่ง House of Dior

“ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับการเปิดตัว Café Dior ภายใน Dior Gold House ใจกลางกรุงเทพมหานคร นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากสำหรับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมวิสัยระหว่างศิลปะการตัดเย็บของห้องเสื้อชั้นสูงและศาสตร์แห่งการปรุงอาหารตามวิถีโภชนศิลป์ชั้นสูง ถึงแม้เป็นสองวิชาชีพต่างสาขา กระนั้น กลับมีบรรทัดฐานร่วมจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความประณีต และความพิถีพิถันทางงานฝีมือ เพื่อให้ช่างศิลป์แต่ละแขนงได้แสดงออกถึงพรสวรรค์ หรือภูมิปัญญาของตนผ่านกระบวนการอันสลับซับซ้อน ซึ่งต่างต้องอาศัยการใช้เวลาเป็นสำคัญ … เหนืออื่นใด ความตระหนักรู้ หรือความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญในการสืบสานความต่อเนื่องให้แก่บรรดาทักษะ ความชำนาญเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขาดเสียมิได้ในการก้าวสู่จุดสูงสุดของความเป็นเลิศ” กล่าวโดย Mauro Colagreco

หลังจาก Dior Gold House เปิดทำการก็ได้สร้างกระแสไปทั่วโลกถึงความยิ่งใหญ่ของโปรเจกต์พิเศษนี้ เพราะรายละเอียดสะท้อนคุณค่าแห่งงานหัตถศิลป์โดยศิลปินชาวไทยหลายชีวิต ร่วมเนรมิตภายในพื้นที่อั่นโอ่อ่าจัดแสดงสารพัดไอเทมจากเมซงครบครันทั้งสำหรับผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ของแต่งบ้าน รวมถึง Café Dior อีกจุดที่สร้างความประทับใจให้แขกทุกคนที่มาเยือน

กำแพงไม้ไผ่สานมือแบบสามมิติโดยศิลปินชาวไทย ‘กรกต อารมย์ดี’ ผู้เฉียบแหลมในการหลอมรวมงานออกแบบร่วมสมัยเข้ากับหัตถกรรมพื้นบ้านไทย ถ่ายทอดภาพอันชัดเจนของเหล่าบรรดาแมกไม้ พรรณพฤกษา และปักษานานาชนิด ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความผ่อนคลาย นอกจากเป็นการสะท้อนเรื่องราวความรักที่มีต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว ยังเป็นการแสดงฝีมืองานศิลป์โดยคนไทยสู่สากลเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน Café Dior ยังได้ศิลปินชาวไทยอีกท่าน ‘ศรัณย์ เย็นปัญญา’ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ประจำสตูดิโอ 56 มาเป็นผู้รังสรรค์ Medallion เก้าอี้รุ่นชิกเนเจอร์ของเมซงด้วยวัสดุธรรมชาติและงานจักสาน พร้อมด้วยลายปักเหล่าปักษาและพันธุ์พืชที่เป็นรายละเอียดในการแต่งแต้มเสน่ห์ความเป็นไทยได้อย่างกลมกลืน

ในส่วนเมนูของหวานซึ่งเป็นไฮไลต์ของ Café Dior แห่งนี้ รังสรรค์รสชาติและความตื่นตาตื่นใจนักโภชนศิลป์โดย Mauro Colagreco (เมาโร โคลาเกรคโค) ผู้บรรจงออกแบบรายการของหวานเอมโอชโดยเฉพาะสำหรับ Dior Gold House Café Dior การันตีด้วยรางวัลสามดาวจากมิชลิน เขาหลอมหลวมปรัชญาและวิสัยทัศน์กว้างไกลในการรังสรรค์ของหวาน และความหลงใหลในศิลปะการจัดสวน รวมถึงความงดงามของพรรณรุกขชาติเช่นเดียวกับตัวผู้ก่อตั้งเมซงหลังนี้ เมอซิเออ Christian Dior (คริสติยง ดิออร์) ที่สร้างสรรค์เครื่องแต่งกายภายในห้องเสื้อชั้นสูง ควรค่าต่อการเป็น ‘โภชนศิลป์ชั้นสูง’ หรือ Haute-Gastronomie (โอต-กาส์โตรโนมี) อย่างแท้จริง

จากกุหลาบสู่ภมรตลอดจนคฤหาสน์ La Colle Noire บ้านพำนักตากอากาศสไตล์โพรว็องซ์ของ Christian Dior สัญลักษณ์ตัวแทนความเป็น Dior ถูกนำมาร้อยเรียงใหม่เพื่อแต่งเติมความวิจิตรประณีตให้แก่บรรดาของหวาน และขนมแป้งพายอบรสเลิศ อาทิ ของหวานกลิ่นหอมอบอวลจากเตยหอม พืชยืนต้นเมืองร้อนประจาถิ่นอุษาคเนย์ ปรุงแต่งด้วยกลิ่นฝาดเปรี้ยวและสดชื่นเจือไอเครื่องเทศของมะกรูดไทย และมะนาวเขียว, กรวยน้าแข็งไสนมกุหลาบกับราสพ์เบอร์รีและลิ้นจี่สด ตลอดจนขนมแป้งพายอบสอดไส้ หรือประดับหน้าด้วยพิสตาชิโอ, วานิลลา หรือเสาวรส นอกจากนั้นยังมีรายการสุดเซอร์ไพรส์จาก Mauro Colagreco เป็นค็อกเทลหลากรสปรุงสูตรโดยใช้เอสเซนส์สกัดจากดอกไม้ทาน้าหอมตำรับ Dior อย่างดอกส้มซ่าเนโรลิไปจนถึงมะลิ และลาเวนเดอร์ มหากาพย์รสสัมผัสเพื่อถ่ายทอดความเป็นเลิศแห่ง House of Dior

“ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับการเปิดตัว Café Dior ภายใน Dior Gold House ใจกลางกรุงเทพมหานคร นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากสำหรับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมวิสัยระหว่างศิลปะการตัดเย็บของห้องเสื้อชั้นสูงและศาสตร์แห่งการปรุงอาหารตามวิถีโภชนศิลป์ชั้นสูง ถึงแม้เป็นสองวิชาชีพต่างสาขา กระนั้น กลับมีบรรทัดฐานร่วมจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความประณีต และความพิถีพิถันทางงานฝีมือ เพื่อให้ช่างศิลป์แต่ละแขนงได้แสดงออกถึงพรสวรรค์ หรือภูมิปัญญาของตนผ่านกระบวนการอันสลับซับซ้อน ซึ่งต่างต้องอาศัยการใช้เวลาเป็นสำคัญ … เหนืออื่นใด ความตระหนักรู้ หรือความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญในการสืบสานความต่อเนื่องให้แก่บรรดาทักษะ ความชำนาญเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขาดเสียมิได้ในการก้าวสู่จุดสูงสุดของความเป็นเลิศ” กล่าวโดย Mauro Colagreco

Similar Articles

More