Daniel Lee เชิดชูจิตวิญญาณความเป็นบริติชสู่ Burberry Spring 2024

มีสิ่งหนึ่งที่เรามองว่าเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของแบรนด์แฟชั่น คือการได้นักออกแบบแฟชั่นที่มีรากเหง้า หรือมาจากประเทศเดียวกันกับแบรนด์นั้นๆ มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ ซึ่ง ‘Burberry’ ก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะแบรนด์หรูแบรนด์นี้ได้ตัว ‘Daniel Lee’ (แดเนียล ลี) นักออกแบบจากเกาะบริเตนมือดีมาดำรงตำแหน่งหัวเรือหลักของแบรนด์ในตอนนี้ ทำให้ในคอลเล็กชั่น Spring 2024 นี้จิตวิญญาณความเป็นอังกฤษได้ถ่ายทอดสู่คอลเล็กชั่นนี้แบบเต็มตัวเลยทีเดียว

สำหรับคอลเล็กชั่นนี้ก็เดินทางมาถึงคอลเล็กชั่นลำดับที่ 2 ของ Daniel ภายใต้แฟชั่นเฮ้าส์จากเกาะอังกฤษหลังนี้ ซึ่งภาพรวมของคอลเล็กชั่นยังไม่ได้แตกต่างจากคอลเล็กชั่น Fall 20233 มา เขายังคงเล่นกับเฉดสีสด และเหล่าลายพิมพ์อันเป็นสัญลักษณ์ของเฮ้าส์อย่าง ‘Burberry Check’ รวมไปถึงลายพิมพ์ที่สะท้อนความเป็นบริติชได้เป็นอย่างดี อาทิ ‘Houndstooth’ และ ‘English Rose’ ซึ่งลวดลายทั้งโลดแล่นอยู่บนเสื้อผ้าสไตล์เทเลอร์และสตรีตแวร์ ทำให้ภาพรวมของผลงานครั้งนี้ดูเฟรชแต่ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวอันเป็นตำนานของแฟชั่นเฮ้าส์หลังนี้

วิสัยทัศน์อันโดดเด่นของ Daniel Lee สู่ Burberry Spring 2024

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสายเลือด ‘อังกฤษ’ ของ Daniel ทำให้เขาถ่ายทอดเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้าของอังกฤษสู่ 2 คอลเล็กชั่นที่ผ่านมากแบบเต็มเหนี่ยว โดยในคอลเล็กชั่นสำหรับฤดูใบไม้ผลินี้ เขาได้นำเอาสไตล์อังกฤษกลางแจ้งมาควบรวมเข้ากับซิลูเอ็ตต์เข้ารูปที่เป็นจุดแข็งของเขาตั้งแต่สมัย Bottega Veneta นอกจากนั้นลาย Burberry Check ก็ถูกนำมา Reboost ใหม่ให้ดูร่วมสมัยและโดดเด่นมากขึ้น

ถึงแม้ภาพรวมของ Burberry ภายใต้การกุมบังเหียนของ Daniel จะดูร่วมสมัยขึ้นมาก แต่ใช่ว่ากระบวนการการออกแบบ และผลิตจะเรียบง่ายตามไปยุคสมัยไปด้วย เพราะไอเทมตั้งแต่ เทรนช์โค้ต คาร์โค้ต ผ้าคลุมไหล่ ผ้าห่ม ไปจนถึงบอมเบอร์แจ็กเกต นั้นเต็มไปด้วยความประณีตที่มาพร้อมกับฟังก์ชันและการตกแต่ง นอกจากนั้นยังมีผ้าพันคอ ‘Happy Scarves’ ที่ผลิตในประเทศสกอตแลนด์ ทำจากผ้าขนแคชเมียร์ทอลาย Burberry Check สื่อถึงความเป็นบริติชสุดๆ

Daniel Lee ตัวพ่อเรื่องสี!

และอย่างที่รู้ๆ กันว่านักออกแบบมือดีคนนี้ถนัดเรื่องการใช้สีจนกลายเป็นภาพจำของแบรนด์นั้นๆ มาก เคสตัวอย่างก็คงจะเป็นที่ Bottega Veneta ที่เขาปั้น ‘สีเขียวโบเตกา’ จนกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายการค้าของแบรนด์นั้นมาจนถึงในตอนนี้เลย และเมื่อเขามาสู่บ้านหลังใหม่อย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะปั้นสีใหม่ขึ้นมาแทน โดยสีนั้นก็ ‘Knight Blue’ ที่ถูกใช้ทั้งในคอลเล็กชั่นเสื้อผ้า และในโลโก้สุดคลาสสิกของ Burberry อย่าง ‘Equestrian Knight Design’ โลโก้ที่เกิดขึ้นร้อยกว่าปีที่แล้ว ที่ถูกดึงกลับมาใช้ใหม่พร้อมย้อมสีน้ำเงินเฉด Knight Blue

นอกจากนั้นในคอลเล็กชั่นนี้ยังมีสีสดๆ และสีในเฉดเอิร์ธโทนอีกมากมาย ที่เขานำมาใช้เป็นพาเลตต์สีในคอลเล็กชั่นนี้ ตั้งแต่ สีเหลือง (Sherbet), สีชมพูอ่อน (Cameo), สีเขียว (Ivy), สีชมพูอมน้ำตาล (Rhubarb), สีเบจ (Trench) รวมไปถึงสีดำและสีขาว มาช่วยคอมพลีตคอลเล็กชั่นและรายละเอียดของคอลเล็กชั่นนี้ แต่ละลุคของ Burberry Spring 2024 จะเป็นอย่างไรเชิญรับชมได้เลย!

Burberry Spring 2024 Collection

Similar Articles

More