เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Lewis Hamilton (ลูวิส แฮมิลตัน) แห่งทีม Mercedes คว้าชัยชนะครั้งแรกประจำฤดูกาลนี้ ในการแข่งขัน F1 สนามที่ 12 รายการใน British Grand Prix 2024 และได้รับการโหวตเป็น Driver of The Day นับเป็นการกลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรีอีกครั้งสำหรับลูอีสนักแข่งรถผิวสีชาวอังกฤษคนแรก ที่ครองแชมป์โลก F1 ได้ถึง 7 สมัย ครั้งนี้เขาจะคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 8 ได้หรือไม่มาติดตามชมกัน
ก่อนส่งแรงเขียร์ลูวิสในสนามถัดไปแอลเมนอยากชวนคุณมาทำความรู้จักหนุ่มเท่คนนี้ นอกจากความเก่งกาจบนสนามแข่ง F1 แล้ว เขายังเป็นอีกหนึ่งสีสันโดดเด่นในเรื่องสไตล์การแต่งตัวที่เฟี้ยวโดนใจแบรนด์แฟชั่นชั้นนำมากมายที่ต่างอ้าแขนต้อนรับเขานั่งฟรอน์ไรว์ ร่วมงานคอแลบส์ ถ่ายแคมเปญ รวมถึงเดินพรมแดงงาน Met Gala 2024 ลูวิส แฮมิลตัน ในลุคชุดสั่งตัดพิเศษจาก Burberry ยิ่งทำให้เขาคือหนึ่งผู้ทรงอิทธิพลทั้งใน F1 และอุตสหกรรมแฟชั่นผู้ชายอย่างแท้จริง
Ayrton Senna เป็นไอดอลของ Lewis Hamilton สู่เส้นทางนักแข่ง F1
ความสุขจากหน้าจอทีวีของเด็กน้อยวัย 5 ขวบ ที่ได้ดูการแข่งรถฟอมูล่าวัน (F1) แล้วหลงใหลในความเจ๋งของนักแข่งระดับตำนานอย่าง Ayrton Senna ผู้ที่ครองแชมป์ถึง 3 สมัย และจากโลกนี้ไปในขณเข้าแข่ง F1 ปี 1994 แต่อย่างไรก็ตามเขาคือหนึ่งในแรงผลักดันให้กับเด็กชายลูวิสสู่ก้าวสู่การฝึกเพื่อเป็นนักแข่งตั้งแต่วัย 6 ขวบ โดยมี Anthony Hamilton พ่อเป็นหนึ่งในแรงสนับสนุนคนสำคัญซื้อรถโคคาร์ตมือสองให้เขาฝึกฝน และคว้าแชมป์ในการแข่งขันครั้งแรกด้วยวัยเพียง 8 ปี โดยที่เขามีไอร์ตันเป็นไอดอล
Lewis Hamilton แชมป์โลก F1 ได้ถึง 7 สมัย
“โทรหาฉันในอีก 9 ปี” ข้อความจาก Ron Dennis หัวหน้าทีม McLaren ที่เขียนให้ลูอิสพร้อมลายเซ็นและเบอร์โทรศัพท์ของเขา
ผ่านมาเพียง 3 ปี รอนคือผู้ส่งสารผ่านโทรศัพท์มายังลูวิสเองพร้อมข้อเสนอว่าจะสนับสนุนทั้งเรื่องเงินและการก้าวขึ้นไปเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ แต่ก็มีเงื่อนไขให้ลูวิสต้องตั้งใจเรียนต่อไป นับเป็นจุดเริ่มต้นของเขาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังผ่านบทพิสูจน์ก่อนก้าวสู่การแข่งรถฟอมูล่าวัน โดยที่ลูวิสตัดสินเข้าเซ็นสัญญากับ McLaren และ Mercedes ในโครงการสนับสนุนนักแข่งรุ่นใหม่ โดยเขาสามรถเข้าแข่งรถโกคาร์ทได้ถึง 8 รายการในรอบ 6 ปี และยังได้รับชัยชนะจากรายการที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่าง GP2 Championship ต่อมาในปี 2006 จากการออกสตาร์ททั้งหมด 21 ครั้ง ก็ได้รับชัยชนะถึง 5 ครั้ง จะเรียกว่าลูวิสในตอนนั้นเป็นดาวรุ่งรุ่นเยาว์ของอังกฤษในวงการนี้ก็ว่าได้ ทำให้แมคลาเรนตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งเขาสู่ทีมฟอร์มูลาวันในที่สุด
สู่สนามแข่ง F1 อย่างน่าภาคภูมิใจด้วยการคว้าแชมป์ F1 ครั้งแรกในปี 2007 ขณะที่เขาอายุเพียง 23 ปี 300 วัน ซึ่งเป็นอายุที่น้อยมาเป็นอันดับสองรองมาจาก Sebastian Vettel นักแข่งชาวเยอรมัน แชมป์โลกรถแข่งฟอร์มูลาวัน 4 สมัย ที่คว้าชัยชนะแรกในวัยเพียงวัย 23 ปี 134 วัน ในปี 2010 แต่อย่างไรก็ตามเขาคือนักแข่งรถผิวสีชาวอังกฤษคนแรก ซึ่งในระหว่างนั้นลูวิสก็ประกาศออกจากทีม แมคลาเรน เข้าไปร่วมทีม Mercedes ในปี 2013 และเขาก็ยังสามารถสร้างผลงานได้อย่างต่อเนื่องที่ครองแชมป์โลก F1 ได้ถึง 7 สมัย จากทั้งปี 2014 เขาคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งที่สอง แชมป์สมัยที่สามในปี 2015 ปี 2017, 2018, 2019 และ 2020 ตามลำดับ
ลูวิสได้รับตำแหน่ง ‘ท่านเซอร์’ จากสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร
ด้วยชัยชนะเป็นแชมป์โลก F1 ถึง 7 สมัย ในปี 2021 ลูอิสในวัย 36 ได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารับพระราชทานยศอัศวินเป็น ‘ท่านเซอร์‘ จากเจ้าฟ้าชายชาร์ล (พระยศในขณะนั้น) ณ พระราชวังวินด์เซอร์ ซึ่งลูวิสเป็นนักแข่งรถที่ได้รับยศอัศวินเป็นคนที่ 4 ตามรอยรุ่นพี่ที่เป็นนักแข่งระดับตำนาน อย่าง Sir Stirling Moss, Sir Jackie Stewart และ Sir John Arthur Brabham
Lewis Hamilton ติดอันดับนักแข่งรถที่มีค่าตัวแพงที่สุดของโลก
หากกล่าวถึงความร่ำรวยของเหล่านักแข่งเอฟวันชื่อของ Lewis Hamilton มักปรากฏอยู่อันดับต้นๆ มาตลอด ล่าสุดปี 2024 ติดอันดับที่ 2 อยู่ที่ 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,610 ล้านบาท) รองมาจาก Max Emilian Verstappen 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,970 ล้านบาท) และอันดับ 3 คือ Charles Leclerc จาก Ferrari รับอยู่ที่จำนวน 34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,217 ล้านบาท) ต่อปี แต่นอกจากรายได้จากการแข่งรถแล้ว ลูวิสยังมีรายได้มาจากอีกหลายช่องทางด้วย
Lewis Hamilton อีกหนึ่งนักกีฬาผู้ทรงอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมแฟชั่น
ลูวิสคือหนึ่งบุคคลสายแฟที่โดดเด่นในสไตล์การแต่งตัวที่แหวกแนวความเรียบง่าย เพิ่มงานดีเทลจัดจ้านตกแต่งไอเท็มเสื้อผ้าหลากสไตล์ แมตช์เครื่องประดับจำพวกจิวเวลรีอย่าง Tiffany & Co. รวมถึงแว่นตาที่เสริมลุคเขาให้โคตรเท่อย่าง Prada Symboles, LuckyDiors และ Louis Vuitton สร้างสีสันติดขอบสนามอยู่เสมอ การันตีความเฉิดฉายด้วยการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน Fashionable 50 Icons ของ Sports Illustrated ในปี 2019
สไตล์ที่โดดเด่นของลูวิสเข้าตาแบรนด์ดังระดับโลก
เมื่อภาพสแนปลุคของลูวิสถูกแพร่กระจายไปว่อนโลกอินเตอร์เน็ต ทำให้แบรนด์ระดับโลกอย่าง Tommy Hilfiger ดึงตัวเขาไปรับตำแหน่ง Global Brand Ambassador และสร้างคอลเล็กชัน Tommy X Lewis ถึง 4 คอลเล็กชัน โดยเป็นการหลอมรวมสไตล์ที่ลูอิสชื่นชอบให้เข้ากับความเป็นอเมริกันของแบรนด์ อีกทั้งยังมีเขายังเคยขึ้นแท่นเป็น Valentino Menswear DI. VAs* เป็นคนแรก สำหรับแคมเปญ Valentino Pink PP นอกจากนี้เขายังปรากฎตัวในแคมเปญดังอย่าง แคมเปญ Never Still ของ Rimowa ที่มีสาว Rosé BLACKPINK ร่วมงานด้วย
*Notes: คำว่า DI. VAs เป็นตัวย่อมาจากคำว่า DI.fferent VA.lues เป็นการเรียบเรียงตัวอักษรมาจากสัญลักษณ์และค่านิยมภายในของเมซง โดยอดีตผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ อย่าง Pierpaolo Piccioli เคยสร้างสายสัมพันธ์กับเหล่า DI. Vas เพื่อมุ่งไปยังวัฒธรรมที่แท้จริงกับวงการภาพยนตร์ ดนตรี วรรณกรรมไปจนถึงกีฬา
หมายเลข 44 คือลัคกี้นัมเบอร์ของ Lewis Hamilton
“ผมเริ่มด้วยหมายเลข 44 เสมอ เพราะนั่นคือตัวเลขที่ผมใช้แข่งโกคาร์ตตอนอายุ 8 ขวบ และมันยังเป้นหมายเลขทะเบียนรถของพ่อผม คือ F44 หมายเลขนี้จึงสื่อถึงโอกาสใหม่ที่ได้มาจากการรับมือกับความท้าทาย”
หมายเลข 44 กลายเป็นเลขลักกี้นัมเบอร์ที่เขานำมาต่อยอดเป็นมูลนิธิการกุศล Mission 44 มุ่งเน้นการสร้างระบบการศึกษาที่ครอบคลุมมากขึ้นและการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ และแบรนด์เสื้อผ้าและไลฟ์สไตล์อย่าง +44 ก็ยังเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนมูลนิธินี้
แบรนด์ +44 เป็นคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าที่ใส่ความเป็นลูวิสผสานกับกลิ่นอายของ F1 ไว้อย่างชัดเจนจนแล้วมัก Sold out อยู่ตลอด และในปีนี้ลูวิสก็ส่งคอลเล็กชั่นสายฟ้าฟาดอย่าง HOME TURF มากระชากใจแฟนๆ ที่กำลังทยอย Sold out กันไปเรื่อยๆ