หน้าหนาวแบบนี้ สำหรับคนที่อยู่เมืองไทยเมืองร้อนแบบเรา ก็คงมองหาสถานที่หนาว ๆ เย็น ๆ ให้ได้ไปพักผ่อนกัน เรามี 5 ไฮไลต์สำหรับใครที่อยากไปสัมผัสหิมะที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้มาฝาก
Hoshino RISONARE Tomamu Resort

เริ่มจากที่แรก สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่เล่นสกีที่ดีที่สุดในฤดูหนาวนี้ที่ญี่ปุ่น เราแนะนำให้ลองไปพักที่ Hoshino RISONARE Tomamu Resort ในฮอกไกโด เป็นรีสอร์ตที่น่าทึ่งที่สุดเลยล่ะ หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับรีสอร์ตแห่งนี้คือทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ในใจกลางของฮอกไกโด ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม หิมะตกหนัก จึงเหมาะแก่การเล่นสกีและสโนว์บอร์ด


ที่นี่เป็น Ski In Ski Out นั่นหมายความว่าเราสามารถไดรฟ์สกีออกจากรีสอร์ตได้ทันที ไม่ต้องนั่งกระเช้าให้วุ่นวาย หรือหากอยากได้ความตื่นเต้นมากกว่านั้น แนะนำให้ขึ้นไปบนเขาแล้วเล่นสกีลงมา เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นเร้าใจมาก แต่หากใครเล่นสกีไม่เป็น ที่นี่มีคอร์สสอนแป๊บเดียวก็เทิร์นโปรจากอนุบาลไปมหาลัย 555 หรือถ้าใครชอบกิจกรรมใส ๆ ก็มีทั้ง Snow Cart ล้อเลื่อนเหมือนมอเตอร์ไซค์เด็ก แล่นบนหิมะวิ่งลงมาจากเขา หรือถ้าจะเอามัน ๆ หน่อยก็มีเรือกล้วยที่เล่นบนหิมะ (Banana Ski Boat) หรือว่าขี่มอเตอร์ไซค์กลางหิมะ (Ski Motor) เร้าใจสุด ๆ


ที่เราชอบคือ Snowshoe Hiking เป็นการเดินทางไกลกลางหิมะด้วยรองเท้าลุยหิมะ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาประมาณครึ่งวัน ค่อย ๆ เดินศึกษาธรรมชาติกันไป ถ้าเหนื่อยก็แวะจิบกาแฟได้ ส่วนบนเขามีจุดชมวิว Terrace of Frost Tree มองเห็นวิวเทือกเขากว้างสุดลูกหูลูกตา อลังการมาก ยอมรับจริง ๆ เลยว่าที่นี่กิจกรรมเยอะมา


Travel Tips: จากสนามบิน Chitose เรานั่งรถไฟมาที่จุดนัดพบใกล้ ๆ สถานีซัปโปโร เพื่อรอให้รถของรีสอร์ตมารับในตอนเช้า ถือว่าเดินทางสะดวกแต่อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันหน่อย
Ginzan Onsen

ยามางาตะ ยอมรับเลยว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เราไม่เคยนึกอยากจะมา เพราะคิดว่าก็คงเหมือนหมู่บ้านโบราณทั่วไปที่เคยไปเที่ยวมาแล้วในญี่ปุ่น เช้านั้นที่เรามีเวลาว่างจึงตัดสินใจไปกินซังออนเซ็นดูสักครั้ง โดยไม่ได้แพลนว่าจะนอนค้างเรียวกังที่นั่นเลย ซึ่งจองทันทีก็คงไม่มีห้องให้เพราะเต็มไวมาก มาถึง Ginzan Onsen ช่วงบ่ายฟ้ากำลังสวย หยิบกล้องออกมาเก็บบรรยากาศไปเรื่อย ๆ แป๊บเดียวแหละ พายุหิมะกระหน่ำ ฟ้าปิดมืดราวกับเวลาใกล้ค่ำ เราแวะจิบชาเขียวร้อน ๆ ในคาเฟ่เพื่อรอเวลา สักพักฟ้าก็กลับมาใสเหมือนเดิม


เราเดินไปเรื่อย ๆ เลาะคลองไปตามทางจนไปถึงด้านหลัง สังเกตว่ามีอุโมงค์ผ้าใบคล้ายกับทางเดินไปเรียวกังแถวนั้น เราลองเดินเข้าไป จากนั้นด้านขวามีป้ายภาษาอังกฤษเขียนเชื้อเชิญให้เราเดินขึ้นบันได นึกว่าจะไปชั้นสองของเรียวกัง แต่กลับเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ที่เดินลัดเลาะไปได้ ทางเดินคล้ายกับขึ้นเขาสูง มองกลับหลังแทบไม่เห็นมีใครเดินตามมา ใช้เวลาสักพักเราจะพบกับ ‘น้ำตก’ ราวกับค้นเจอหีบสมบัติที่ซ่อนอัญมณีล้ำค่าไว้ด้านใน เป็นกินซังออนเซ็นในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มองเห็นผู้คนเดินอยู่เบื้องล่าง


อีกฝั่งเป็นน้ำตกท่ามกลางหิมะสีขาว ต้นสนที่ถูกหิมะปกคลุมเรียงรายเป็นทางยาว เราเดินไปจนเหนื่อยแล้วจึงกลับ นับเป็นมุมถ่ายรูปที่สวยแต่แอบเดินยากเล็กน้อยโดยเฉพาะขาลง ทางชันค่อนข้างลื่น ต้องระวังกันหน่อย แต่วิวบนนี้คือสวยยอมใจ แต่ต้องรีบกลับเพราะกลัวรถบัสหมด ทริปหน้าเราเตรียมจองเรียวกังที่นี่เอาไว้แล้ว อยากจะได้เห็นกินซังออนเซ็นในช่วงค่ำ ๆ ยามเปิดไฟและมีหิมะโปรยปรายกับเขาบ้าง
TRAVEL TIPS: นั่งรถไฟชิงกันเซ็นจาก Yamagata Station มาลงที่ Oishida Station จากนั้นให้เดินเลี้ยวซ้ายจะเจอป้ายรถบัส Ginzan Hanagasa แนะนำว่ามายืนต่อแถวรอเลยเพราะว่าคนเยอะมาก อาจจะไม่ได้นั่งต้องยืนไป (แบบเรา) ใช้เวลาราว ๆ 30 นาที แต่ถ้าคนที่จองเรียวกังไว้อาจจะมีรถมารับ อ้อ! Taxi ก็มีนะแต่ราคาค่อนข้างแรง 7,000 เยนต่อเที่ยว
Nyuto Onsen


Nyuto Onsen เป็นเหมือนหมู่บ้านออนเซ็นที่อยู่เซ็นได มีด้วยกัน 7 รีสอร์ต เราจองที่ Ganiba Onsen ซึ่งจองยากมาก สรุปมาได้ที่ Nyuto Onsen ซึ่งเป็นเรียวกังที่อยู่ไกลสุด ถ้านั่งบัสคือสุดสายไม่มีเลยป้าย ตัวเรียวกังค่อนข้างเก่าตามสไตล์ที่พักโบราณอายุหลายร้อยปี ทีเด็ดที่เราไม่คิดว่าจะเจอก็คือบ่อออนเซ็นรวมกลางแจ้งที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนสวยงามมาก ถามเรียวกังว่าตอนนี้ยังไม่มีแขกท่านอื่นมาถึง ขออนุญาตถ่ายรูปได้ไหม พอได้สัญญาณอนุญาตเราก็รีบจ้ำอ้าวออกไป


ออนเซ็นอยู่ด้านนอก ต้องสวมบูตลุยหิมะออกไปประมาณ 50 เมตรได้ จึงเป็นเหตุให้ไม่มีใครอยากออกมานั่นเอง แต่เชื่อเถอะบรรยากาศมันได้ วิวดี ฟินสุด คุ้มค่าตั๋วแล้วทริปนี้ รีบถ่ายรูปแล้วรีบขึ้นมาเพราะว่าหนาวมาก ดูใน App คือ -11 องศาแต่ RealFeel -28 บ้าไปแล้ววว นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมรูปมีน้อย มือแข็งกดชัตเตอร์ไม่ลง


วันที่เราไปพักมีแขกอยู่ 6 ห้องเท่านั้น ออนเซ็นกลางแจ้งด้านนอกคือไม่มีใครออกมาแช่เลย ผู้หญิงจะมีบ่อกลางแจ้งเฉพาะให้อีกแห่ง คงไปอยู่ที่นั่นกันหมด บ่อออนเซ็นนี้เลยเป็นของเราแต่โดยดี ส่วนด้านในเรียวกังมีห้องอาบน้ำ 4 ห้อง แต่ด้วยความที่แขกผู้ชายมีแค่ 3 คนเท่านั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าจะอาบน้ำชนกัน เลยเป็นเหมือนห้องอาบน้ำส่วนตัว จากนั้นก็มากินข้าวเป็นเซ็ตเมนูสไตล์ญี่ปุ่น ทริปนี้เราเช่ารถขับมาเพราะว่าเผื่อตกรถเมล์ ไม่อยากกังวลมาก แถมยังได้ชมบรรยากาศ 2 ข้างทางเป็นหิมะขาว ๆ สวย ๆ แต่ก็ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง ถนนหิมะลื่นพอสมควร
TRAVEL TIPS: การเดินทางต้องมาลงที่สนามบินเซ็นได แล้วเช่ารถขับมาจะสะดวกที่สุด แต่การเดินทางก็ยังไม่ยากเท่าการจอง แนะนำให้จองผ่าน Japanese Guest Houses เพื่อให้เขาไปเช็กว่าวันที่เราต้องการว่างไหม ถ้าไม่ได้ก็เช็กใหม่ ค่อย ๆ ทำจองกันไปเรื่อย ๆ เพราะเต็มค่อนข้างไว
Ice Village


หมู่บ้านน้ำแข็ง (Ice Village) เป็นหมู่บ้านที่จะพบได้ในช่วงหิมะที่ฮอกไกโดเท่านั้น ภายในหมู่บ้านก็จะมีกระท่อมอิกลูตั้งอยู่เรียงรายหลายหลัง โรงแรมน้ำแข็ง หรือ Ice Hotel สร้างขึ้นจากน้ำแข็ง ไม่ว่าจะเป็นเพดานและผนังของโดมก็ทำจากน้ำแข็งก้อนเดียวแบบไร้รอยต่อ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ โต๊ะ เตียงทั้งหมดก็ทำจากน้ำแข็ง (ยกเว้นแค่หมอนแหละ) โดมน้ำแข็งถือว่ามีขนาดใหญ่อยู่สบายเลย



ต้องจองมาล่วงหน้าเพราะว่ารับแขกได้แค่ 1 คู่/คืน ราคาคนละ 28,000 เยน โรงแรมจะมีถุงนอน เอาไว้ให้เราได้นอนหลับอย่างอบอุ่นและสบายจนถึงเช้า เข้ามาก็จะลื่น ๆ หน่อย ต้องเดินระวังนิดหนึ่ง แต่ไม่หนาวมากอย่างที่คิด สงสัยร่างกายเริ่มปรับตัวได้ ส่วนที่ชอบอีกอย่างคืออ่างน้ำแข็งกลางแจ้งสำหรับอาบน้ำท่ามกลางหิมะที่รายล้อมไปด้วยป่าต้นเบิร์ช เป็นสถานที่ส่วนตัวที่จะให้เราได้แช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน ทำให้ร่างกายอบอุ่น ซึ่งน้ำภายในบ่อจะใช้น้ำแร่ธรรมชาติจาก Yunosawa Onsen ในหมู่บ้านชิมุกัปปุ เป็นน้ำพุร้อนที่มีโซเดียมคลอไรด์และแคลเซียมคลอไรด์ซึ่งจะช่วยอบอุ่นร่างกายให้เราได้ผ่อนคลายก่อนเข้านอน บรรยากาศคือดีมาก แต่ก็หนาวมากเช่นกัน จากนั้นจะเสิร์ฟดินเนอร์ที่มาในคอนเซปต์น้ำแข็ง ดูแปลก ๆ ดี มีเครื่องดื่มให้บริการด้วย


นอกจากนี้ยังมี Ice Bar ซึ่งบาร์น้ำแข็งนี้จะมีเหล้าจินสูตรพิเศษที่หาดื่มได้จากที่นี่เท่านั้น โดยจะใช้หิมะมาผสมกับไวต์ช็อกโกแลตฮอกไกโดบ่มจนเกิดเป็นเหล้าที่มีรสหวานนิด ๆ พร้อมกับเครื่องดื่มอีกมากมาย บนโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากน้ำแข็ง และมีกิจกรรมให้เราได้ออกแบบแก้วเหล้า Ice Glass Making ซึ่งต้องสกัดน้ำแข็งออกมาเป็นแก้วของตัวเองเพื่อดื่มในบาร์
Ice Sweet Shop ร้านขนมหวานเก๋ ๆ ในโดมน้ำแข็ง มีให้เลือกเยอะมาก แต่ไม่อยากกินหรอก มันน่ารักเกิ๊นนน มีกิจกรรมทำขนมจากช็อกโกแลตที่จะค่อย ๆ แข็งตัว จากนั้นก็ใส่ท็อปปิ้งลงไปตามใจชอบ หรือจะทำ Milk Gelato ที่ทำจาก Tomamu Milk จากฟาร์มโฮชิโนะ และมีมาร์ชเมลโลย่างกินเองอุ่น ๆ ด้วย

The Church On Ice โบสถ์น้ำแข็งที่สวยมาก ดูสีขาวนวลสะอาดตา แท่นบูชาก็ทำจากน้ำแข็งแกะสลักเช่นกัน สร้างจากแนวคิดที่ว่า ‘The pure feelings of the two people will last without interruption.’ ที่น่าสนใจก็คือมีคู่บ่าวสาวมาทำพิธีแต่งงานกันเก๋ ๆ กันที่นี่จริง ๆ เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์สำคัญในชีวิตเลยนะ


บางคืนก็จะมีจุดพลุด้วยชมเพลินเลยโรแมนติกมาก แนะนำให้มาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจะได้แสงธรรมชาติ บรรยากาศดีน่าประทับใจมาก อยากกลับไปอีก
Zao Snow Monsters

เราได้ยินชื่อของภูเขาซาโอ (Zao) มานาน แต่ยังไม่เคยมาสักที ตั้งใจว่าทริปนี้จะมาเก็บไฮไลต์คือ Snow Monsters ให้ได้ ซาโอเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งฤดูหนาวที่คนญี่ปุ่นนิยมมาเที่ยวกัน มีทั้งลานสกี น้ำพุร้อนออนเซ็น รวมถึงไฮไลต์ปรากฏการณ์หิมะที่ทับถมกันบนยอดไม้ กลายเป็นงานประติมากรรมที่ทั้งงดงามและหน้าตาประหลาดสุดอัศจรรย์ ซึ่งเราเรียกกันว่า Snow Monsters!


กระเช้าจะมีด้วยกัน 2 สถานี ช่วงแรกที่นั่งไปจะยังไม่เห็นความชัดเจนนัก สองข้างทางเป็นทิวสนและต้นไม้ที่ยังมีความเขียวอยู่บ้าง มีคนเล่นสกีผ่านไปด้านล่าง เป็นภาพที่สวยดี ระหว่างที่เรานั่งกระเช้าจากสถานีที่สองซึ่งมุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขา ภาพและสีสันจะเริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นความขาวที่ปกคลุมต้นไม้ ทำให้เราคิดถึงการปรับตัวของธรรมชาติที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้ เพราะสภาวะบนเขาที่ค่อนข้างรุนแรง หิมะตกหนักและลมพัดแรงแบบน่ากลัวสุด ๆ ดังนั้นพวกมันจึงต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อความอยู่รอด Snow Monsters เป็นข้อพิสูจน์ถึงความยืดหยุ่นของธรรมชาติและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม


แต่เราล่ะ บางทีก็ทนไม่ไหวนะ สุดสายของกระเช้าบนเขา เราตื่นเต้นกับหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาได้สักพัก พากันถ่ายรูปกับ Snow Monsters ได้ไม่นาน ลมเริ่มแรง ฟ้าเริ่มมืดราวกับใกล้ค่ำ ทั้งที่เป็นเวลาบ่ายสามเท่านั้น เราจึงต้องยกธงขาวยอมแพ้เพราะไม่อาจทนทานต่อความเหน็บหนาวได้ ก่อนจะต่อคิวนั่งกระเช้าลงจากเขามา พอมาถึงเบื้องล่าง พายุค่อย ๆ จางไป แสงแดดสีทองส่องกระทบทิวสนและหิมะสีขาวเป็นเงาสะท้อนที่สวยงามมาก ให้หลายฟีลลิ่งในเวลาเดียวกัน บางครั้งธรรมชาติก็สอนเราว่า “บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอนถ้ามองจากตรงนี้ เดี๋ยวก็มืด… เดี๋ยวก็สว่าง”

TRAVEL TIPS: ถ้าใครไม่ได้เช่ารถขับมา เราแนะนำว่าให้นอนที่ Hotel Metropolitan ในสถานียามางาตะจะสะดวกมาก ด้านหน้าโรงแรมมีจุดขายตั๋วรถบัสและตั๋วกระเช้าขึ้นภูเขาซาโอได้เลย ซื้อพร้อมกันจะได้ส่วนลด
Words & Photo: KANT JOMINTA