ใกล้สิ้นสุดการรอคอยกับการกลับมาอีกครั้งของ ‘wave to earth’ (เวฟทูเอิร์ธ) ศิลปินอินดี้จากประเทศเกาหลีใต้ ที่เพิ่งประกาศเวิลด์ทัวร์ครั้งใหม่ชื่อเดียวกับอัลบั้มอย่าง ‘0.03 World Tour’ ปักหมุดกรุงเทพฯ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 คอนเสิร์ตครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำความสำเร็จจากการติดอันดับ 5 บนชาร์ต Spotify’s Global Top Debut Album ด้วยการประกาศเวิลด์ทัวร์ในชื่อเดียวกัน แฟน ๆ ‘wave to earth’
ความสำเร็จที่มาจากฝีมือของ 3 สมาชิก wave to earth
ผลงานเพลงและอาร์ตไดเร็กชั่นทั้งหมดล้วนสร้างสรรค์มาจากสมาชิกของวงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนักร้องและนักเขียนเพลง ‘Daniel Kim’ (แดเนียล คิม), มือกลอง ‘Dong Kyu Shin’ (ดง กยูชิน) และมือเบส ‘John Cha’ (จอห์น ชา) ตอกย้ำนิยามความเป็น ‘All Self-Made’ ของวงได้เป็นอย่างดี ซึ่งพวกเขาถ่ายทอดออกมาเป็นแนวเพลงของ ‘wave to earth’ เป็นสไตล์ Lo-Fi ผสานด้วยเสียงกลองชุดแนวแจ๊ส ทำให้ซาวด์ดนตรีของ ‘wave to earth’ มีความเป็นเอกลักษณ์ สร้างความรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอย และมีกลิ่นอายของความเป็นดรีมป๊อป
เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ล ‘wave’ (เวฟ) ในปี 2562 ก่อนจะออกอีพีอัลบั้ม ‘wave 0.01’ (เวฟซีโร่ 0.01) และ ‘summer flows 0.02’ (ซัมเมอร์โฟลวส์ 0.02) เมื่อปี 2565 ‘wave to earth’ ได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัด ‘Wavy Seoul’ (เววีโซล) และออกอัลบั้มเต็มชุดแรก ‘0.1 flaws and all’ (0.1 ฟลอวส์แอนออล) รวบรวมผลงานอัดแน่นกว่า 14 เพลง ต้นกำเนิดเพลงไวรัลในโลกโซเชียลอย่าง ‘bad’ (แบด) ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Viral 50 – Global บน Spotify และกลายเป็นเพลงฮิตประจำ TikTok
ในระหว่างรอการกลับมาของพวกเขาในช่วงเดือนแห่งความรัก แอลเมนได้คัด 5 เพลงรักมาอัปเลเวลคลั่งรัก ‘Daniel Kim’, ‘Dong Kyu Shin’ และ ‘John Cha’ กันก่อนไปคอนเสิร์ต ‘0.03 World Tour’
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ พูดคุยเอ็กซ์คลูซีฟกับ wave to earth เค-อินดี้ที่รักเราที่สุด! ถึงการกลับมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทยรอบที่ 4
ฟัง 5 เพลงรักของ wave to earth ต้อนรับวาเลนไทน์นี้
เพลง Bad: wave to earth
ถึงจะชื่อเพลง Bad แต่คุณคือ the best! ‘Bad’ เพลงสุดจะคลั่งรักของ wave to earth เพราะแค่ได้อยู่กับคุณวันนั้นก็เป็นวันที่มีความสุขที่สุดแล้ว การมีคุณมันคือสิ่งดีๆในชีวิตจริงนะ เพราะคุณคือคนที่คอยมอบความรัก และทำให้ชีวิตที่เหี่ยวเฉาของผมมันมีชีวิตชีวาขึ้นมาฟังครั้งแรกอาจจะงง ว่าเพลงรักหรือเพลงเศร้า แต่ดนตรีมันดันติดหูจนต้องกลับมาฟังอีกรอบ ด้วยเนื้อหาหวานซึ้งแบบพื้นที่ของคนตกหลุมรักอย่างหักปักหัวปำ ถ้าชีวิตนี้มีเธอ คงไม่มีวันไหนที่โหดร้ายเกินไป
เพลง peach eyes: wave to earth
เรื่องราวของหนุ่มแอบรักที่แค่ได้สบตาหรือคุยกันก็ใจสั่นแล้วว หลังจากที่คอยแอบปลื้มมานานตอนนี้จะไม่แอบอีกต่อไปพร้อมที่จะขยับความสัมพันธ์ และร่วมเดินไปพร้อมๆกันกับคุณคนที่เป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตของผมแล้ว พาร์ทเมโลดี้ที่เป็นดนตรีเร็วๆ ทำให้รู้สึกเหมือนคนในเพลงนั้นตกหลุมรักคน ๆ นั้นเอามาก ๆ ไหนจะเนื้อเพลงที่คอยย้ำสิ่งที่คนที่เราชอบทำ เช่น บทสนทนาประจำวัน ขนาดไม่มีคู่ยังฟังแล้วรู้สึกเขินเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง ลุ้นจนอยากรู้เรื่องต่อว่าสรุปแล้วเค้าจะได้คบกันมั้ย
เพลง daisy: wave to earth
“คุณ daisy คุณจะรู้มั้ยเนี่ยว่าคุณหนะคือดอกไม้ที่ผมชอบที่สุด เพราะคุณสดใสอยู่ตลอดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ชีวิตที่แสนน่าเบื่อของผมมีสีสันมันกลับมีความสุขเมื่อผมได้เจอคุณ เลยอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคุณไปตลอด มาเป็น daisy ของผมเถอะนะ ผมรอวันที่คุณจะเปล่งประกายอยู่นะ” นี่คือใจความหลักๆ ของเพลงนี้ การเลือกเปรียบเทียบคนรักกับดอก daisy ที่มีความหมายว่าความรักที่บริสุทธิ์ เหมือนมีความหมายลึกๆว่านี่แหละนิยามของรักแท้ ที่ไม่ต้องหวือหวาอะไรมากแค่เติมเต็มชีวิตของกันและกัน และมีความสุขไปด้วยกันก็เพียงพอแล้ว
เพลง light: wave to earth
เพราะ The most beautiful light is YOU! แค่คุณอยู่เฉยๆก็เปล่งประกายแล้ว กลายเป็นอีกหนึ่งเพลงสุดโรแมนติกจาก wave to earth สียงร้องที่ดูฟุ้งๆทำให้เหมือนอยู่ในความฝัน ทำให้มู้ดเพลงนี้ดูสดใสแต่ก็ล่องลอยเหมือนกำลังเพ้อฝันอยู่ทำให้เพลงดูน่าสนใจและน่าค้นหา เนื้อเพลงเองก็มีความน่ารักในการเปรียบเทียบคนรักเหมือนกับสิ่งต่างๆที่มีแสงมีคุณค่าในตัวเองเช่น ดวงดาว พระจันทร์ต่างๆ
เพลง sunny days: wave to earth
ในบรรดา 5 เพลงที่คัดมา นี่อาจจะไม่ใช่เพลงที่คลั่งรักที่สุด แต่ฟังแล้วเขินแบบเสียอาการที่สุด เพราะท่อน “แสงอาทิตย์ก็ยังไม่เจิดจ้าเท่ารอยยิ้มเธอที่อยู่ตรงหน้า” เลยล่ะ เพราะเมื่อไรที่นึกถึงคนที่รัก ก็มักจะนึกถึงวันที่สดใส คล้ายมีมวลความรักอบอวลไปในอากาศ ทั้งหมดทั้งมวลในเพลง ตอกน้ำว่านี่คือเสน่ห์ของ wave to earth การใช้ทำนองง่าย ๆ มากับเนื้อเพลงที่มีคำเปรียบเทียบซ้ำ ๆ ในชุดเดียวกัน