หากพูดถึงซีรีส์ที่ฮอตที่สุดแห่งยุคนี้หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ The White Lotus ซีรีส์ดราม่าตลกร้ายและเสียดสีสังคมจาก HBO Max อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน เพราะแค่ซีซั่น 1 ของซีรีส์เรื่องนี้ก็คว้ารางวัล Emmy Awards ประจำปี 2022 ไปถึง 10 รางวัล ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือรางวัลใหญ่อย่าง Outstanding Limited or Anthology Series ไปครองด้วย จนมาถึงซีซั่น 3 ที่บุกมาถ่ายที่ประเทศไทยจนไวรัลไปทั่วโลก
จริงๆ แล้ว The White Lotus ถูกวางให้เป็น ‘มินิซีรีส์’ แต่เนื่องจากกระแสตอบรับที่ดีมากๆ ทำให้ HBO ตัดสินใจสร้างซีซั่นต่อๆ มาในรูปแบบ Anthology Series (เปลี่ยนสถานที่และตัวละครใหม่ทุกซีซั่น แต่คงธีมหลักเดิมไว้) จนเดินทางมาถึงซีซั่นล่าสุดนี้ ที่ฮือฮาเป็นพิเศษโดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเป็นโลเคชั่นหลักของเรื่องในซีซั่นนี้ นอกจากนั้นยังได้ป๊อปไอคอนสาวแห่งยุค ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล มาร่วมแสดงเป็นอีกหนึ่งในนักแสดงนำของเรื่องนี้อีกด้วย ทำให้จากสถานะซีรีส์เฉพาะกลุ่มตอนนี้ The White Lotus กลายเป็นซีรีส์กระแสหลักไปเป็นที่เรียบร้อย
เชื่อว่าชาวแอลเมนและผู้อ่านหลายๆ คนก็คงไม่อยากพลาดกับ The White Lotus ซีซั่น 3 ที่เรียกว่าทาง HBO, Max และ Mike White ผู้กำกับคนเก่ง นั้นงัดไม้เด็ดออกมาล่อลวงให้เรากลายเป็นหนึ่งในแขกโรงแรมนี้ อย่ารอช้าทุกคนวันนี้ ELLE MEN Thailand สรุปเรื่อง 5 ที่คุณไม่ควรพลาดมาให้แล้ว
*คำเตือน: บทความนี้อาจมีการเผยเนื้อหาของซีรีส์ The White Lotus บางส่วน*
#1 The Hotel Chains

“Welcome to The White Lotus in Thailand” ประโยคเปิดซีรีส์สุดไอคอนิกของเรื่อง เอ่ยโดยตัวละคร มุก (รับบทโดย ลิซ่า ลลิษา) ที่ปรากฏอยู่ตั้งแต่ในตัวอย่างของซีซั่นนี้จนเป็นไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าซีซั่นนี้โลเคชั่นของรีสอร์ตสุดหรูแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศไทย เพราะแต่ละซีซั่นของ The White Lotus จะมีโครงเรื่องเกี่ยวกับแขกที่เข้าพักในรีสอร์ตหรูชื่อ The White Lotus ในแต่ละสาขาทั่วโลก
รีสอร์ตแห่งนี้เปรียบเสมือน ‘Microcosm’ พื้นที่เล็กๆ ที่จำลองโลกในความเป็นจริง สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งทางชนชั้น, ความสัมพันธ์, และด้านมืดของมนุษย์ในรีสอร์ตแห่งนี้ อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับประเด็นสังคมไปจนถึงความเชื่อของแต่ละพื้นที่ ย้อนกลับไปในซีซั่นแรก Mike White พาเราไปท่องเที่ยวที่ The White Lotus Hawaii ประเทศสหรัฐอเมริกา ซีซั่น 2 เดินทางมาถึง The White Lotus Sicily ประเทศอิตาลี และสุดท้ายกับ The White Lotus Thailand ซึ่งเป็นโลเคชั่นหลักของเรื่องในซีซั่น 3
#2 Crossover Character

จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของซีรีส์เรื่อง The White Lotus ก็คือ Crossover Characters (ตัวละครที่ข้ามไปปรากฏในซีซั่นใหม่ หรือแม้แต่ซีรีส์เรื่องอื่นที่อยู่ในจักรวาลเดียวกัน) เป็นเทคนิคการเล่าเรื่องของผู้กำกับและทีมงานเบื้องหลัง ที่ใช้เชื่อมโยงเรื่องราวแต่ละซีซั่นเข้าด้วยกัน แม้ว่าแต่ละซีซั่นจะมีเนื้อเรื่องและตัวละครใหม่ แต่ก็ยังมีตัวละครเก่ากลับมา เพื่อสร้างความต่อเนื่องและลึกซึ้งให้กับแฟรนไชส์
ยกตัวอย่างเช่นตัวละคร Tanya McQuoid (รับบทโดย Jennifer Coolidge) มหาเศรษฐีผู้เปราะบางทางอารมณ์ เธอเคยเข้าพักที่ The White Lotus ฮาวายในซีซั่น 1 และกลับมาอีกครั้งในซิซิลี ซีซั่น 2 เป็นตัวละครเดียวที่ได้รับการพัฒนาแบบเต็มรูปแบบข้ามซีซั่น หรือ Belinda Lindsey (รับบทโดย Natasha Rothwell) เธอเป็นผู้จัดการสปาที่ถูก Tanya ผิดคำสัญญาเรื่องการลงทุนในซีซั่น 1 ซึ่งตัวละครนี้กลับมาปรากฏตัวในซีซั่น 3 ในฐานะแขกอีกหนึ่งคนของรีสอร์ต The White Lotus Thailand ด้วย
#3 Touch of Local Culture

หากใครติดตามซีรีส์เรื่อง The White Lotus มาตั้งแต่ซีซั่นแรก ก็พอจะทราบว่าซีรีส์เรื่องนี้นั้นโดดเด่นในเรื่องการนำเสนอวัฒนธรรมท้องถิ่นของสถานที่แต่ละซีซั่น (Cultural Representation) และ การผสมผสานวัฒนธรรมเหล่านั้นเข้ากับเนื้อเรื่องและธีมหลักของซีรีส์ (Cultural Integration) ได้อย่างแนบเนียนและลึกซึ้ง
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เพียงใช้สถานที่เป็นฉากหลัง แต่ยังนำ ประวัติศาสตร์, ตำนาน, ดนตรี และค่านิยมของสังคมในแต่ละประเทศ มาเป็นองค์ประกอบที่มีความหมายต่อเรื่องราว ยกตัวอย่างเช่น ในซีซั่น 2 มีการหยิบยกศิลปะและตำนานท้องถิ่นของอิตาลี อย่าง Testa di Moro (รูปปั้นหัวของชาวมัวร์) ซึ่งเป็นตำนานเกี่ยวกับความรักและการทรยศ มาสะท้อนธีมเรื่องเกี่ยวกับ ‘การถูกหักหลังในความสัมพันธ์’ ที่เกิดขึ้นกับหลายตัวละคร
ส่วนในซีซั่น 3 เราจะเห็นการใช้ ดนตรีไทย, สัญลักษณ์ทางศาสนา และวัฒนธรรมพุทธ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสังคมไทย อีกทั้งในซีซั่นนี้จะมีการพูดถึง ‘การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ’ (Spiritual Tourism) ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ชาวตะวันตกเดินทางมาแสวงหาความหมายของชีวิตในเอเชีย
#4 Social Satire

สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่อง The White Lotus นั้นโด่งดังเป็นพลุแตกทั่วโลกก็คงหนีไม่พ้น การ สอดแทรกประเด็นสังคม ให้กลายเป็นธีมหลักของแต่ละซีซั่น โดยใช้โลเคชันของรีสอร์ตเป็นฉากหลังในการสะท้อน ชนชั้น, อำนาจ, เพศสภาพ ไปจนถึงความขัดแย้งทางศีลธรรม ซึ่งเป็นหัวใจของซีรีส์ The White Lotus เลย
ที่สำคัญในแต่ละซีซั่นทางทีมผู้สร้างนั้นก็ได้นำเสนอ ประเด็นสังคม ที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ซีซั่น 1 ได้นำเสนอประเด็น อภิสิทธิ์ชน (Privilege) สำรวจความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นระหว่างแขกผู้มั่งคั่งที่มาพักรีสอร์ต และพนักงานที่ต้องคอยรับใช้ ไปจนถึง Lucia และ Mia สองสาวท้องถิ่นที่ทำงานเป็น Sex Worker ถูกนำไปเชื่อมโยงกับ สังคมชายเป็นใหญ่ (Patriarchy)
#5 Amazing Cast

และประเด็นสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเหล่า นักแสดงมากฝีมือ ที่มาช่วยเติมเต็มและทำซีรีส์เรื่องนี้กลมกล่อมมากขึ้น โดยทางทีมงานของซีรีส์เรื่องนี้จะมีการคัดเลือกนักแสดงชุดใหม่เข้ามาร่วมแฟรนไชส์นี้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งล้วนแต่เป็นนักแสดงดาวรุ่งและนักแสดงระดับตำนาน ที่มาโชว์สกิลการแสดงกับบทสนทนาเจ๋งๆ ที่เสียดสีสังคมสุดๆ ซึ่งเราต้องยกเครดิตให้ผู้กำกับและผู้เขียนบทอย่าง Mike White เลย
ในแฟรนไชส์ซีรีส์ The White Lotus นี้ก็เต็มไปด้วยนักแสดงเจ๋งๆ มากมาย ที่เราอยากหยิบยกมาพูดถึง อาทิ Jennifer Coolidge (รับบท Tanya McQuoid) ซึ่งเล่นได้กวนโอ๊ยและมีสีสันสุดๆ จนพาเธอคว้ารางวัล Emmy, Golden Globe, Critics’ Choice ไปครองจากซีซั่นแรก และอีกหนึ่งนักแสดงฝีมือเทพ Murray Bartlett (รับบท Armond) บทผู้จัดการโรงแรมประจำซีซั่น 1 ที่เก็บความเครียดไม่อยู่ จนทำให้เขาได้รับรางวัล Emmy Awards ไปครองเช่นกัน
ยังไม่รวมดาวรุ่งอีกมากมายที่เรียกว่ายกขบวนกันมาเสริมทัพความเจ๋งของซีรีส์เรื่องนี้ เช่น Alexandra Daddario, Connie Britton, Jake Lacy, Steve Zahn และ Sydney Sweeney จากซีซั่นแรก Aubrey Plaza, Meghann Fahy, Theo James, Will Sharpe จากซีซั่นสอง และเราขอส่งท้ายไปกับทีมนักแสดงจากซีซั่น 3 อย่าง Parker Posey, Leslie Bibb, Carrie Coon รวมไปถึงทีมนักแสดงสายเลือดไทย อย่าง ลิซ่า-ลลิษา, ดอม เหตระกูล และ ครูเล็ก ภัทราวดี ที่มาช่วยสร้างสีสันและความสมจริงให้กับเรื่องนี้