#ELLEMEN5Facts เรื่องจริงของเทศกาลเมืองคานส์ ที่มีมากกว่าพรมแดง

ทุกเดือนพฤษภาคม เมืองคานส์ เมืองชายทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศสจะเปลี่ยนโฉมกลายเป็นเวทีระดับโลกที่รวมคนจากวงการภาพยนตร์ แฟชั่น และสื่อไว้ในที่เดียว เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival) ไม่เพียงเป็นงานพรีเมียร์ระดับนานาชาติของภาพยนตร์ศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ศิลปะ วัฒนธรรม และการเมืองโคจรมาบรรจบกันได้อย่างทรงพลัง

ต่อไปนี้คือ 5 เรื่องจริงของเทศกาลเมืองคานส์ ที่สะท้อนให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่แค่ “พรมแดง” แต่คือเวทีที่โลกกำลังจับตามอง

1. จากเงาสงคราม สู่สปอตไลต์ระดับโลก

แม้คานส์มีภาพจำว่าเป็นเมืองแห่งความหรูหรา แต่ต้นกำเนิดของเทศกาลนี้กลับมาจากเหตุผลที่หนักแน่นทางการเมืองและวัฒนธรรม ในปี 1939 รัฐบาลฝรั่งเศสวางแผนจัดเทศกาลภาพยนตร์เพื่อแข่งขันกับ Venice Film Festival ที่ขณะนั้นถูกรัฐเผด็จการฟาสซิสต์ควบคุม แต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้การจัดงานต้องล้มเลิกไป

Cannes Film Festival ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 1946 โดยมีจุดยืนชัดเจนว่า “ศิลปะต้องไม่อยู่ใต้กรอบของการเมือง” นับเป็นการวางรากฐานให้คานส์กลายเป็นเวทีเสรีของศิลปะภาพยนตร์ระดับนานาชาติจนถึงปัจจุบัน

2. พรมแดงที่สงวนไว้สำหรับ “ผู้ได้รับเชิญ”

พรมแดงของเมืองคานส์ไม่ใช่พื้นที่เปิดให้สาธารณชนทั่วไปเข้าร่วม แต่เป็นเวทีที่ควบคุมด้วยระบบคำเชิญอย่างเป็นทางการจากผู้จัดงาน ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เข้างาน ได้แก่ นักแสดง ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ และสื่อมวลชนระดับแนวหน้าเท่านั้น

ตัวอย่างล่าสุด ได้แก่ Anya Taylor-Joy ที่เข้าร่วมงานในปี 2024 เพื่อโปรโมต Furiosa พร้อมสวมชุด Dior ที่สะท้อนความกล้าผสานความคลาสสิกและร่วมสมัยได้อย่างน่าจับตา

รวมทั้งล่าสุดกับการกลับมาอีกครั้งของ ชมพู่ อารยา และ เบคกี รีเบคก้า พร้อมทั้งครั้งแรกของ ณิชา ณัฏฐณิชา นี่แสดงให้เห็นว่าการปรากฏตัวบนพรมแดงของคานส์นั้นไม่ใช่แค่เรื่องชื่อเสียง แต่สะท้อนบทบาทของแต่ละบุคคลในบริบททางวัฒนธรรม

3. Palme d’Or: ไม่ใช่แค่รางวัล แต่คือแรงขับของวงการภาพยนตร์

รางวัล Palme d’Or (ปาล์มทองคำ) เป็นรางวัลสูงสุดของเทศกาลเมืองคานส์ ซึ่งมอบให้กับภาพยนตร์ที่โดดเด่นทั้งในเชิงศิลปะและแนวคิด รางวัลนี้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนชีวิตผู้สร้างภาพยนตร์อินดี้หลายราย และกลายเป็นบันไดก้าวสำคัญของนักแสดงรุ่นใหม่

ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลในอดีต เช่น Pulp Fiction (1994) – ผลงานของ Quentin Tarantino ที่กลายเป็นไอคอนของยุค Parasite (2019) – ผลงานของ Bong Joon-ho ที่กลายเป็นภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่องแรกที่ชนะรางวัล Oscar สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ Titane (2021) – ผลงานของ Julia Ducournau ที่เขย่าวงการด้วยเนื้อหาและแนวทางการเล่าเรื่องอันแหวกแนว

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจ ‘อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล’ คนไทยคนแรกและคนเดียว ที่คว้า Palme d’Or ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของเทศกาลเมืองคาน ปีที่โด่งดังที่สุดคือ 2010 กับภาพยนตร์เรื่อง “ลุงบุญมีระลึกชาติ” (Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives) และเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้กำกับที่มี “ภาษาภาพยนตร์” ของตัวเอง ด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่นิ่ง ลึก และลุ่มลึกเกินกว่าหนังตลาดทั่วไปจะเข้าใจ ในปี 2021 เขากลับมาที่คานอีกครั้งพร้อมผลงานภาษาอังกฤษเรื่องแรกชื่อ “Memoria” นำแสดงโดย Tilda Swinton ซึ่งก็ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลก

4. แฟชั่นที่สะท้อนอัตลักษณ์และอุดมการณ์

แฟชั่นในคานส์ไม่ใช่เพียงเรื่องของความสวยงาม แต่กลายเป็น “ภาษาที่สื่อสารจุดยืน” นักแสดงอย่าง Kristen Stewart เคยถอดรองเท้าส้นสูงกลางพรมแดงในปี 2018 เพื่อต่อต้านกฎ Dress Code ที่บังคับให้ผู้หญิงต้องใส่ส้นสูง ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางสัญลักษณ์ที่สื่อสังคมทั่วโลกให้ความสนใจ

Madana, Timothée Chalamet, Bella Hadid, และ Tilda Swinton ต่างเคยปรากฏตัวในลุคที่ท้าทายบรรทัดฐานของแฟชั่นดั้งเดิม สะท้อนว่าการแต่งกายที่คานส์คือการ “ประกาศตัวตน” ผ่านภาพลักษณ์

อย่างไรก็ตาม ในปี 2024 ผู้จัดงานได้ออกกฎใหม่เพื่อควบคุมขอบเขตการแต่งกายบนพรมแดง โดยเฉพาะข้อห้ามเรื่อง “ความโป๊” และชุดที่ขัดขวางการสัญจรในโรงภาพยนตร์ ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมไม่น้อยในวงการแฟชั่นระดับโลก

5. การเมือง แม้ไม่พูด แต่ก็ชัดเจนในทุกเฟรม

แม้งานจะประกาศว่า “ไม่มีการเมือง” แต่เมืองคานส์กลับเป็นเวทีที่การเมืองแฝงตัวอย่างแยบยลที่สุด ตั้งแต่ปี 1968 ที่งานถูกยกเลิกกลางคันจากการประท้วงของ Jean-Luc Godard และผู้กำกับชาวฝรั่งเศสหลายราย จนถึงปี 2018 ที่ Cate Blanchett และนักแสดงหญิงกว่า 80 คนรวมตัวประท้วงความไม่เท่าเทียมทางเพศในอุตสาหกรรมภาพยนตร์

ล่าสุดในปี 2024 เทศกาลออกแถลงการณ์ต่อต้านสงครามในยูเครน และไม่อนุญาตให้ผู้สร้างภาพยนตร์บางรายจากรัสเซียเข้าร่วมงาน การตัดสินใจเช่นนี้สะท้อนว่า “ความเป็นกลาง” ของคานส์นั้นไม่ใช่การวางตัวแบบปลอดท่าที แต่คือการเลือกแสดงออกอย่างมีจุดยืนผ่านภาษาศิลปะและนโยบายการคัดเลือก

เมืองคานส์จึงไม่ใช่แค่เทศกาลหนัง แต่คือ “กระจกสะท้อนโลก” ที่ถูกตกแต่งด้วยแสง แฟลช และจุดยืนที่ไม่เคยเบา

Similar Articles

More