หลังจากฤดูกาลที่แล้ว Zegna แบรนด์อิตาเลียนตัวพ่อแห่งวงการเส้นใย ได้พาเราท่องไปในทุ่งแฟลกซ์ต้นกำเนิดเส้นใยลินินสุด Innovative คราวนี้แบรนด์หรูแบรนด์นี้พาเราท่องไปในทุ่งหญ้าอันเขียวขจีของประเทศออสเตรเลีย เพื่อไปทำความรู้จัก Vellus Aureum ผ้าวูลขนาด 9.4 ไมครอน นวัตกรรมของแบรนด์ซึ่งเป็นวูลมีความละเอียดที่สุดในโลกจนถูกบันทึกสถิติไว้ แถมถูกชูเป็นวัสดุหลักของคอลเล็กชั่น Winter 2025 นี้ด้วย
นอกจากเรื่องของเส้นใยที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างพิถีพิถันสมฉายาแล้ว ในคอลเล็กชั่นนี้ Alessandro Sartori ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ Zegna ได้พาเราไปพบกับซิลูเอตที่โคร่งและหลวมขึ้น สะท้อนประวัติศาสตร์ตู้เสื้อผ้าของหนุ่มๆ ของประเทศนี้ แต่ทว่าในซิลูเอตสุดคลาสสิกนั้นกลับถูก ‘รื้อโครงสร้าง’ ให้มีความร่วมสมัยและโมเดิร์นสุดๆ อาทิ แจ็กเก็ตบลูซงที่ปกพับลงหรือตั้งขึ้นได้ นอกจากนั้นพาเลตต์สีของคอลเล็กชั่นนี้ก็หยิบเอาสีสันในธรรมชาติ ร้อยเรียงออกมาได้อย่างกลมกล่อมและลงตัวสุดๆ

The Master of Fabric
ปี 1963 Ermenegildo Zegna ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Zegna ได้จัดรางวัล Wool Trophy ในประเทศออสเตรเลีย เพื่อสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงแกะในการค้นหาผ้าวูลที่ดีที่สุดในโลก เฟ้นหาขนแกะที่มีความละเอียดอ่อนและมีคุณภาพชั้นเลิศ ในทุก ๆ ปีขนแกะเหล่านั้นจะถูกนำมาปั่นเป็นเส้นด้ายอันยอดเยี่ยม และนำมาทอให้เป็นผ้าที่บางเบา นุ่ม และงดงามที่สุด
การเฟ้นหาขนแกะชั้นดีจากดินแดนที่ห่างจากอิตาลีไปหลายพันกิโลเมตร ทำให้เกิดเป็นวัสดุที่มีชื่อว่า Vellus Aureum หรืออัญมณีที่เปล่งประกายในฐานะมงกุฎของผ้าขนสัตว์แห่งแฟชั่นเฮ้าส์หลังนี้ และเป็น Fabric ที่ Zegna ได้ชูให้เป็นพระเอกของคอลเล็กชั่นนี้ หลังจากที่เคยชู แคชเมียร์ และ ลินิน มาแล้วในสองคอลเล็กชั่นก่อนหน้านี้
The Vellus Aureum
วัสดุ Vellus Aureum ได้แรงบันดาลมาจากการผจญภัยในตำนานของ ‘เจสันและอาร์โกนอทส์’ การแสวงหาขนแกะทองคำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแกะบินได้ สำหรับ Zegna นั้น Vellus Aureum หมายถึงการแสวงหาสิ่งที่ยอดเยี่ยม เป็นมรดกที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ในฐานะจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการและมีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์
Zegna Winter 2025 Collection



แฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่น Winter 2025 นี้เป็นการให้เกียรติแก่แนวคิดสร้างสรรค์ที่ครอบคลุมทุกมิติ ทุ่งเนินเขาที่นุ่มนวลถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าที่เขียวชอุ่มสะท้อนถึงความเขียวขจีและขนาดอันมหึมาของประเทศออสเตรเลีย เส้นโค้งที่อ่อนช้อยเหล่านั้นเป็นสัญลักษณ์ของความต่อเนื่องระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ถึงแม้ว่าการเชื่อมโยงระหว่างโลกและงานฝีมือจะอยู่ห่างไกลกันในแง่ของภูมิศาสตร์ แต่มันยังคงมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง




























































