Tom Ford อำลาแบรนด์พร้อมจัดแฟชั่นโชว์สุดท้าย และส่งไม้ต่อให้ Peter Hawkings

26 เมษายน, ดีไซเนอร์สุดเนี๊ยบ Tom Ford (ทอม ฟอร์ด) ประกาศอำลาแบรนด์ที่ตัวเองก่อตั้งในฤดูกาล Fall/Winter 2023 ภายใต้ชื่อคอลเล็กชั่น Tom Ford Archive รวบรวมผลงานเสื้อผ้าสตรีที่สร้างชื่อให้กับเขาตลอดระยะเวลา 13 ปี (Tom Ford เปิดตัวคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับผู้หญิงครั้งแรกในปี 2011) ผ่านซูเปอร์โมเดลชื่อดัง อาทิ Amber Valletta (แอมเบอร์ วัลเลตต้า), Caroline Trentini (แคโรลิน เทรนทินี), Joan Smalls (โจน สมอลส์), Karlie Kloss (คาร์ลี คลอสส์) และ Karen Elson (คาเรน เอลสัน) โดยได้ Steven Klein (สตีเว่น ไคลน์) ช่างภาพคู่ใจมานั่งแท่นผู้กำกับ พร้อมกับได้ ‘ทอม ฟอร์ด’ มาร่วมแสดงในแฟชั่นฟิล์มเพื่อการปิดฉากบทบาทของเขาโดยสมบูรณ์แบบ 

และเพียงสองวันให้หลังจากประกาศอำลาอย่างเป็นทางการ CEO คนใหม่ของแบรนด์ Guillaume Jesel (กีโยม เจเซล) ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง Global Brand President ของ Estée Lauder Companies (ELC)  ได้ประกาศแต่งตั้งให้ Peter Hawkings (ปีเตอร์ ฮอว์คิงส์) ขึ้นครองตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ประจำห้องเสื้อ เขามีประสบการณ์การทำงานร่วมกับ ทอม ฟอร์ด มานานเกือบ 25 ปี โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1998 ทำหน้าที่ร่วมออกแบบในแผนกเสื้อผ้าชายที่ Gucci ก่อนจะย้ายตามมาทำงานกับ Tom Ford  ในปี 2006 หลังจากฟอร์ดออกจาก Gucci ได้สองปี

การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทบิวตี้ยักษ์ใหญ่อย่าง ELC เจ้าของแบรนด์ชื่อดัง อาทิ Bobbi Brown (บ็อบบี้ บราวน์), Estée Lauder (เอสเต้ ลอเดอร์), La Mer (ลาแมร์), MAC Cosmetics (แมค คอสเมติกส์), Kilian (คิลเลียน), Jo Malone (โจมาโลน) และ Le Labo (เลอลาโบ) มีแผนเข้าซื้อกิจการด้วยมูลค่าดีลสูงถึง 2,800 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 96,600 ล้านบาท ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และเข้าซื้อกิจการสำเร็จในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ตามประกาศในแถลงการ

Cara Delevingne (ขณะวัย 22 ปี) ในโฆษณาน้ำหอม Tom Ford Black Orchid (ปี 2014)

ทว่าดีลที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าไรนัก เพราะทั้งสองบริษัทมีความสัมพันธ์อันดีตั้งแต่ปี 2005 จากจุดเริ่มต้นของการเปิดตัว Tom Ford Estée Lauder Collection ผลงานการร่วมรังสรรค์เช็ตเครื่องสำอางและน้ำหอมภายใต้แบรนด์ Estée Lauder (Youth Dew Amber Nude ปี 2005 และ Azuree Soleil 2006 และ 2007) ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 2006 เขาเปิดตัวน้ำหอมกลิ่นแรก Black Orchid โดยมี ELC เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและผลิตน้ำหอม และในปี 2007 ได้เปิดตัวไลน์น้ำหอมสร้างชื่อ Tom Ford Private Blend หลังจากนั้นจึงตามมาด้วยไลน์เครื่องสำอางและสกินแคร์ตามลำดับ

แบรนด์ Tom Ford Beauty มียอดขายสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักตั้งแต่ปี 2012 – 2022 ในอีกสองสามปีข้างหน้ามีการคาดการณ์ว่าแบรนด์จะมียอดขายสุทธิต่อปีที่อยู่ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้บิ๊กดีลครั้งนี้ทาง Zegna Group (เซนญากรุ๊ป) จะยังคงได้รับไลเซนส์ผลิตสินค้าในกลุ่มแฟชั่น เครื่องประดับ ชั้นในชายและหญิง และ Marcolin (มาร์โคลิน) จะยังได้เป็นผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มแว่นตาเช่นเดิม โดยคาดว่า Zegna Group จะประกาศผู้ดำรงตำแหน่ง Tom Ford Fashion ในช่วงเดือนกรกฎาคม และจะเริ่มทำงานในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้

ดีลการขายบริษัทมูลค่าเกือบหมื่นล้านบาทนี้เกิดจากการตัดสินใจของ ทอม ฟอร์ด ร่วมกับ Domenico De Sole (โดเมนีโก เดอ โซเล) อดีต CEO ผู้ร่วมหัวจมท้ายกับเขาตั้งแต่ยังทำงานอยู่ที่ Gucci ก่อนจะออกมาก่อตั้งบริษัทร่วมกันในปี 2005 (ร่วมงานกับ ELC และเป็นพาร์ธเนอร์กับ Marcolin ในการผลิตแว่นตา) โดยทั้งสองจะยังคงทำหน้าที่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาตลอดทั้งปี 2023 “จะมีอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขไปได้มากกว่าการที่ เอสเต้ ลอเดอร์ คอมปานี หุ้นส่วนที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่วันแรกที่ผมก่อตั้ง เข้ามารับช่วงต่อจากมรดกของผม และผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นพวกเขาเป็นผู้ดำรงจิตวิญญาณแห่งความหรูหราในก้าวต่อไปของ Tom Ford อีแอลซีเป็นบริษัทในอุดมคติ นอกจากนี้ทั้ง Ermenegildo Zegna และ Marcolin ยังเป็นหุ้นส่วนที่ดีกับเรามาอย่างยาวนานตลอดระยะเวลา 16 ปี ผมเชื่อว่าพวกเขาจะรักษามาตรฐานของบริษัทสินค้าหรูที่มุ่งมั่นผลิตแฟชั่นและแว่นตาคุณภาพสูงสุด” ทอม ฟอร์ด กล่าวในแถลงการณ์

Similar Articles

More