3 เหตุผลที่ ‘Sex Education’ ซีซั่น 4 เป็นมากกว่าหนังสอนเพศศึกษา

*คำเตือน*: บทความนี้อาจจะมีการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์บางส่วน!

จบลงไปอย่างสวยงามกับซีรีส์เพศศึกษาสำหรับวัยรุ่นอย่าง ‘Sex Education’ ที่ลาจอไปด้วยจำนวน 4 ซีซั่น ซึ่งในซีซั่นไฟนอลนี้เรียกว่าเป็นบทสรุปที่ลงตัวมากๆ สำหรับเหล่าตัวละครหลักอย่าง โอทิส, เมฟ และผองเพื่อน แก๊งนักเรียนสุดจาก ‘โรงเรียนมัธยมมัวเดล’ แต่เสียดายในซีซั่นนี้ตัวละครหลายๆ ตัว เช่น โอล่า กับลิลลี่ กลับไม่ได้ปรากฏตัว แต่ผู้ชมอย่างเราต้องเสียใจไปเพราะทางทีมผู้สร้างได้เพิ่มตัวละครใหม่ๆ อีกมากมาย

จากเนื้อเรื่องในซีซั่นที่แล้ว เหล่านักเรียนจากมัวเดลนั้นได้ถูกย้ายไป ‘โรงเรียนคาเวนดิช’ โรงเรียนมัธยมที่มีภาพเปลี่ยนไปจากมัวเดลอย่างสิ้นเชิง ทั้งความหลากหลายของนักเรียน ความทันสมัยของโรงเรียน เรียกว่าเป็นโรงเรียนในฝันของเหล่าตัวละครหลักของเรื่องนี้เลย

แต่นอกจากโรงเรียนใหม่ของแก๊งวัยโจ๋มัวเดลแล้ว ELLE MEN Thailand มองว่าซีรีส์เรื่องนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายเรื่องที่ชาวแอลเมนไม่ควรพลาดเลย ซึ่งประเด็นเหล่านั้นจะมีอะไรบ้างไปดูกัน!

เพิ่มตัวละคร ‘ข้ามเพศ’ ชูความหลากหลายของตัวละคร

ประเด็นแรกที่เราอยากจะชูเลยก็คือความหลากหลายของตัวละครของซีรีส์เรื่อง Sex Education ที่มีโดดเด่นตั้งแต่ซีซั่นหนึ่งเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีผิว ชาติพันธุ์ ไปจนถึงความหลากหลายทางเพศที่มีสเปกตรัมกว้างมากๆ ตั้งแต่ตัวละคร Non-Binary อย่าง ‘คาล’ ตัวละครที่เพิ่มเข้ามาในซีซั่นที่ 3 เพื่อชูความหลากหลายในซีรีส์เรื่องนี้ หรือ ‘โอ’ ตัวละครใหม่ในซีซั่นนี้ที่มานำเสนอรสนิยมทางเพศแบบ ‘Asexual’ หรือ ‘กลุ่มคนที่ไม่มีแรงดึงดูดทางเพศ’ ในซีซั่นนี้

ส่วนในซีซั่นนี้ทางทีมผู้สร้างได้เพิ่มเหล่าตัวละคร ‘ข้ามเพศ’ เข้ามาเพื่อ โดยได้เพิ่มตัวละครอย่าง ‘แอบบี’ และ ‘โรมัน’ คู่รักทรานส์เจนเดอร์ผู้ทรงอิทธิพลแห่งโรงเรียนคาเวนดิช ซึ่งแสดงโดยนักแสดงข้ามเพศ ‘Anthony Lexa’ และ ‘Felix Mufti’ โดยผู้สร้างอย่าง Laurie Nunn รู้สึกถึงการแสดงความรับผิดชอบถึงกลุ่มคนข้ามเพศ มากกว่าให้พวกเขาเป็นกิมมิกของซีรีส์เฉยๆ ในซีซั่นนี้เธอเลยจัดเต็มสร้างตัวละครทรานส์เข้ามาในเนื้อเรื่องเลย

บทสรุปของมิตรภาพและเรื่องราวอันสวยงาม

สำหรับซีซั่นนี้เรียกว่าเป็นบทสรุปของซีรีส์เรื่อง Sex Education เลย ซึ่งจุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือเรื่องราวความสัมพันธ์ของผองเพื่อนในโรงเรียนมัธยมมัวเดล (ที่ในซีซั่นนี้เปลี่ยนเป็นคาเวนดิช) ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อน คนรัก หรือแม้แต่ความสัมพันธ์แบบ ‘เฟื่อน’ (ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน) ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็ได้ถูกคลี่คลายลงอย่างสวยงาม ซึ่งความสัมพันธ์แต่ละคนก็มีบทสรุปที่แตกต่างกันไป

นอกจากความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกแล้ว ในซีซั่นนี้ทางทีมผู้สร้างก็ยังโฟกัสในการเติบโตของตัวละครแต่ละตัว ที่มีการเติบโตไปพร้อมกับเหล่านักแสดง โดยเฉพาะประเด็นการโตเป็น ‘ผู้ใหญ่’ หรือ ‘Coming of Age’ ขึ้นซึ่งเราจะเห็นได้จากการตัดสินใจและการมองโลก ว่าพวกเขาโตขึ้นกว่าในซีซั่นแรกมากๆ โดยเฉพาะการตัดคน Toxic ออกจากชีวิต นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นถึงการตระหนักรู้ในคุณค่าของมิตรภาพ และคุณภาพชีวิตของตัวละครมากขึ้น

โลเคชั่นสุดงดงามทั่วเกาะบริเตนใหญ่

สำหรับเหตุผลสุดท้ายที่ทำให้เราไม่อาจพลาดซีซั่นนี้ไปได้ก็คือ ‘โลเคชั่น’ ของซีรีส์เรื่องนี้เลย ที่ได้ไปถ่ายทั่วสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะใน เวลส์, เฮริฟอร์ดเชียร์, กลอสเตอร์เชียร์, มอนมัธเชียร์ และบริสตอล

ในซีซั่นนี้อย่างที่รู้กันว่าเหล่าแก๊งมัวเดลได้ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนใหม่ ‘คาเวนดิช’ ซึ่งโรงเรียนสุดโมเดิร์นนี้ได้ใช้โลเคชั่นภายนอกของ ‘พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเซนต์เฟแกนส์’ ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ ในการถ่ายทำฉากนอกโรงเรียน เนื่องจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นมีรูปทรงเรขาคณิตที่สวยงาม ส่วนฉากภายในโรงเรียนนี้นั้นแน่นอนว่าถ่ายในสตูดิโอ ฮ่าๆ

ส่วนโลเคชั่นอื่นๆ ในซีรีส์ก็เรียกว่าคัดมาแล้วเป็นอย่างดี่ อาทิ บ้านของโอทิสที่ถ่ายทำในบ้านพักตากอากาศให้เช่าในหุบเขา Wye Valley ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี ส่วนฟาร์มที่อดัมไปฝึกงานนั้นถ่ายในฟาร์ม Werngochlyn ประเทศเวลส์ที่เป็นฟาร์มที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าไปใช้บริการ ส่วนมหาลัย Wallace ของเมฟที่ในเรื่องจะต้องตั้งอยู่ที่สหรัฐฯ แต่ความเป็นจริงแล้วได้ไปยืมโลเคชั่นสุดสวยของโรงเรียน Westonbirt ถ่ายทำ

และนี้ก็คือ 3 เหตุผลหลักๆ ที่คุณไม่ควรพลาด Sex Education ซีซั่น 4 ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้ายของซีรีส์ชุดนี้แล้ว สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูตั้งแต่แรก เราแนะนำให้ย้อนไปดูซีซั่น 1 ก่อน เรามั่นใจว่าพวกคุณจะต้องตกหลุมรักซีรีส์เรื่องนี้แน่นอน โดยเฉพาะเหล่าตัวละครที่มีความหลากหลาย และสะท้อนเหล่า Gen Z ในปัจจุบันสุดๆ ห้ามพลาดพูดเลย!

Similar Articles

More