ในงาน Online Press Conference ครั้งล่าสุด Seiko ได้ประเดิมต้อนรับปี 2024 ด้วยการอวดโฉมนาฬิการุ่นไฮไลต์ต่าง ๆ จากทั้ง 3 ตระกูลดังของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Prospex, Presage และ Astron โดยคีย์หลักของปีนี้ ยังคงเป็นความโดดเด่นของเนื้อหาเชิงนวัตกรรมและวิศวกรรม ผสมผสานกับมรดกทางประวัติศาสตร์ และงานออกแบบที่สะท้อนถึงต้นตำรับเฉพาะตัวของ Seiko นอกจากนี้ ยังบรรจบกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ ที่แน่นอนว่าย่อมมีไฮไลต์อันน่าตื่นเต้นอื่น ๆ ตามมาอีกตลอดปีนี้
Seiko Prospex
กลับมาที่ผลงานชุดแรกนี้กันก่อน เริ่มที่ความสดใหม่ของวิวัฒนาการก้าวล่าสุดของ Prospex ที่ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่มาพร้อมการสำรองพลังงานได้ยาวนานขึ้นเป็น 3 วัน ควบคู่กับยกระดับประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกถึง 300 เมตร ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันขาดไม่ได้ของนาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพ และเรียกได้ว่าเป็นทายาทที่สืบทอดมาจากต้นตำนานนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของญี่ปุ่นได้อย่างสมเกียรติเลยทีเดียว
ผลงานใหม่ในคอลเลกชั่นนี้ยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี งานออกแบบ และโครงสร้างที่เสริมประสิทธิภาพในหลากหลายด้านยิ่งขึ้น แต่ยังคงมีฐานร่วมกันมาจากรุ่นยอดนิยมของบรรดาแฟน ๆ อย่าง SPB143 เช่นเดียวกับงานออกแบบเน้นความสมมาตรมากขึ้น ทั้งการนำเสนอในเวอร์ชั่นหน้าปัดสีดำและสีน้ำเงินของนาฬิกา รวมถึงความพิเศษของรุ่นที่ระลึกในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ Seiko กับเวอร์ชันหน้าปัดสีเทาชาร์โคลซึ่งตกแต่งด้วยรายละเอียดสีทอง ตลอดจนการย้ายช่องหน้าต่างแสดงวันที่จากตำแหน่ง 3 นาฬิกา มาเป็นที่ระหว่าง 4 และ 5 นาฬิกา เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างและดูสมดุลยิ่งขึ้นบนหน้าปัด
ขณะที่ทั้งหมดยังคงให้ความสำคัญกับความสามารถในการอ่านค่าและมองเห็นเวลาได้อย่างชัดเจนแม้ในที่มืด โดยการเติมด้วยสารเรืองแสง Lumibrite ในแง่ของการสวมใส่ ตัวเรือนที่ดีไซน์มาพร้อมกับหูตัวเรือนสั้นขึ้นทำให้สามารถสวมใส่ได้อย่างกระชับข้อมือและคล่องแคล่วยิ่งขึ้นด้วยตัวเรือนขนาด 40 มม. และหนาเพียง 13 มม. คงไว้ด้วยความประณีตของการตกแต่งพื้นผิวโลหะ นาฬิกาทั้ง 3 รุ่นจะเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายนับจากเดือนมิถุนายน 2024
Seiko Presage
ต่อกันที่ Presage งานศิลป์แห่งนาฬิกาจักรกลอันเลื่องชื่อ ที่ปีนี้ Seiko ได้เปิดตัวงานดีไซน์ใหม่ให้กับ Classic Series โดยเน้นสะท้อนความสวยงามเหนือกาลเวลาของญี่ปุ่น ทั้งจากการดึงแรงบันดาลใจของสีสัน วัสดุ และพื้นผิวที่ได้มาจากงานฝีมือตามรประเพณีของญี่ปุ่น เพื่อสะท้อนถึงความนุ่มนวลและอ่อนโยนของงานออกแบบ
โดยปีนี้จะเปิดตัวด้วย 5 รุ่นใหม่ แต่ละรุ่นถ่ายทอดถึงสัมผัสแห่งความสวยงามที่นำมาผสมผสานเข้ากับความเชี่ยวชาญเชิงจักรกลของแบรนด์ อย่าง การออกแบบหน้าปัดโค้งตกแต่งพื้นผิวสุดประณีตที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผืนผ้าไหม ทั้งยังเป็นลวดลายที่มอบมิติของแสงสะท้อนได้อย่างสะกดสายตา โดย 3 รุ่นของนาฬิกาใหม่มาพร้อมการแสดงเวลาแบบ 3 เข็มชี้ บนหน้าปัดให้เลือกใน 3 โทนสี และอีก 2 รุ่น มาพร้อมช่องหน้าต่างเปิดสไตล์ open-heart ที่เผยให้เห็นการทำงานของกลไกจักรกลและรายล้อมด้วยพื้นผิวลวดลายของเส้นไหมดิบ ที่นับเป็นการผสมผสานความนุ่มนวลอ่อนโยนเข้ากับหัวใจของกลไกจักรกลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังสร้างมิติมุมมองใหม่ของการแสดงเวลาได้อย่างสวยงามประณีตเป็นพิเศษ ตรงกับคอนเซปต์ของ Presage
อีกหนึ่งจุดเด่นของซีรีส์ใหม่นี้ คือการเปิดตัวครั้งแรกด้วยหน้าปัดใน 4 เฉดสีแห่งประเพณีญี่ปุ่น ทั้ง shiro-iro (สีผ้าไหมธรรมชาติ), sensaicha (สีน้ำตาลเข้ม-เขียว), araigaki (สีลูกพลับ) และ sumi-iro (สีน้ำตาลอมเทา) แต่ละสียังได้แรงบันดาลใจมาจากผืนผ้า เครื่องทอ และเครื่องแต่งกายตามประเพณีของญี่ปุ่นนั่นเอง ในด้านของโครงร่างตัวเรือน ใน Presage ซีรีส์ใหม่เหล่านี้มาพร้อมตัวเรือนโค้งรับกับหน้าปัดทรงโค้งโดม และสายสร้อยข้อมือโลหะที่ปรับข้อให้สั้นขึ้นและรังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อมอบความสะดวกสบายในการสวมใส่บนข้อมือ ขณะเดียวกันก็เผยสัมผัสแห่งความเพรียวบางและคลาสสิกร่วมสมัย ในซีรีส์นี้ทำงานด้วยกลไกจักรกลอัตโนมัติ 2 คาลิเบอร์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ อย่าง Seiko 6R ซึ่งสำรองพลังงานได้นานถึง 3 วัน ขณะที่ทั้ง 5 รุ่นใหม่นี้จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2024 เช่นกัน
Seiko Astron
ส่งท้ายด้วยตระกูล Astron ที่ปีนี้ Seiko เปิดตัวนาฬิกา Astron GPS Solar รุ่นแรกซึ่งผสมผสานด้วยเทคโนโลยี Dual-Time เข้ากับฟังก์ชันโครโนกราฟได้อย่างอัจฉริยะ ทั้งในรุ่น Astron GPS Solar Kintaro Hattori Limited Edition นาฬิการุ่นพิเศษมีจำนวนจำกัดเพียง 1,000 เรือน ที่ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของ Seiko มอบให้กับการสะท้อนถึงปรัชญา ‘Always one step ahead of the rest’ และสอดคล้องกับปรัชญาของ Kintaro Hattori ผู้ก่อตั้งแบรนด์ โดยรุ่นนี้มีความโดดเด่นของทั้งงานออกแบบกลไกใหม่ และเป็นนาฬิกา Seiko Astron รุ่นแรกที่มีหน้าย่อย ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ส่วนหน้าปัดย่อยที่ 6 นาฬิกาแสดงเวลาในไทม์โซนที่ 2 และกลายเป็นหน้าปัดจับเวลา 12 ชั่วโมง เมื่อฟังก์ชันจับเวลาถูกใช้งาน โดยบอกสถานะของการใช้งานโครโนกราฟบนหน้าปัดย่อยที่ 9 นาฬิกา รวมถึงทำหน้าที่แสดงสถานการณ์ชาร์จพลังงาน แสดงวันประจำสัปดาห์ และ in-flight mode ทำงานด้วยกลไกใหม่ Caliber 5X83 ที่เชื่อมต่ออัตโนมัติกับ GPS ได้สูงสุด 2 ครั้งต่อวัน เสริมซึ่งประสิทธิภาพของกความเที่ยงตรงในทุกที่ ทุกเวลา รุ่นนี้จะมีวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2024
ส่วนรุ่นใหม่อื่น ๆ ของ Astron มาพร้อมกับสไตล์นาฬิกาสปอร์ตหรูผสมผสานกับเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งการบรรจุด้วยกลไกชุดใหม่ อย่าง Caliber 5X83 ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงงานออกแบบอันสะกดสายตา ระหว่างการตัดกันของสีสันและพื้นผิวการตกแต่ง กับจุดเด่นของการปรากฏคำว่า ‘CHRONOGRAPH’ ร่วมไปกับตัวเลขอารบิกบนขอบตัวเรือนแบบ 2 ส่วน ที่ประกอบด้วยส่วนบนทำจากเซรามิกและกรอบทำจากไทเทเนียม ติดตั้งภายในตัวเรือนไทเทเนียมผ่านการตกแต่งอย่างประณีต และผนึกด้วยกระจกหน้าปัดแซปไฟร์ที่เคลือบเสริมความชัดเจนในการมองเห็น ทั้งยังมอบความสะดวกสบายในการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างสูงสุด สำหรับ 3 รุ่นใหม่ของ Astron นี้จะมีจำหน่ายนับจากเดือนกรกฎาคม 2024 เป็นต้นไป