เร้าใจทั้งนอกและในสนามสำหรับการแข่งขัน Formula 1® Singapore Airlines Singapore Grand Prix 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งนอกเหนือจากบรรยากาศความดุเดือดบนสนามแข่งความเร็วที่ดังกระหึ่มไปด้วยเสียงเครื่องยนต์คละปนกับเสียงเชียร์แล้ว เรายังมีโอกาสได้เห็นอีกหลากหลายแง่มุมที่สะท้อนถึงสปิริตอันกล้าแกร่งและแตกต่างไปจากการแข่งขันอื่น ๆ ของทั้งบรรดานักแข่ง ทีมวิศวกรและเครื่องยนต์ ตลอดจนถึงเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกของการแข่งขันมากมาย และที่ขาดไม่ได้เช่นกันก็คือ อุปกรณ์การจับเวลาอย่างแม่นยำอย่างนาฬิกาในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้หล่อหลอมกลายเป็นเสน่ห์สะกดใจอย่างไม่เสื่อมคลายของ Formula 1® พันธมิตรนาฬิกาที่อยู่เบื้องหลังสนามแข่งขันความเร็วมายาวนาน อย่าง Rolex ได้ร่วมสวมบทบาทสำคัญในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย โดยยังคงรักษาสถานะของการเป็นผู้จับเวลาและผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน Formula 1® Singapore Airlines Singapore Grand Prix 2023 และครั้งนี้แอลเมนได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศการแข่งขันความเร็วที่เชือดเฉือนเอาชนะกันเพียงเสี้ยววินาที จึงไม่พลาดที่จะเก็บรวบรวมหลากหลายเรื่องราวรอบสนามแข่งนี้มาฝาก
ขอเล่าย้อนไปถึงสัมพันธภาพอันยาวนานของ Rolex ในฐานะกำลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการแข่งขันความเร็วที่ดีที่สุด ตลอดจนเป็นส่วนสนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังเหล่านักขับและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันนี้มานานกว่า 90 ปี และยังคงสร้างความยั่งยืนให้กับความสัมพันธ์นี้ต่อไป โดย Rolex ได้ก้าวเข้าสู่โลก Formula 1® ผ่านการสนับสนุนซีรีส์การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตต่าง ๆ มากมาย อาทิ 24 Hours of Le Mans และ Rolex 24 At DAYTONA เช่นเดียวกับการร่วมงานใน Pebble Beach Concours d’Elegance, Rolex Monterey Motorsports Reunion และ Goodwood Revival ที่แบรนด์ได้บ่มเพาะความสัมพันธ์พิเศษกับโลกแห่งสมรรถนะ นวัตกรรมและความล้ำสมัยเหล่านี้เรื่อยมา นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่ลึกซึ้งมากไปกว่านั้น เมื่อ Rolex ได้ผูกสัมพันธ์กับมอเตอร์สปอร์ตมานับตั้งแต่ยุค 1930s เมื่อ Sir Malcolm Campbell ได้ทำลายสถิติ 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (483 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ของ World Land Speed Record หลังพวงมาลัยรถแข่งที่มีชื่อว่า ‘Bluebird’ พร้อมทั้งสวมนาฬิกา Rolex บนข้อมือของเขาด้วย
นับจากนั้นเป็นต้นมา กว่า 90 ปีของความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นขึ้นครั้งแรก การปรากฏตัวของ Rolex ในโลกมอเตอร์สปอร์ตก็ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและทวีความมั่นคง พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนซึ่งความหลงใหลที่มีร่วมกันอย่างเข้มแข็งระหว่างเรื่องราวของสมรรถนะและเทคโนโลยี จวบจนในปี 1959 ความผูกพันของ Rolex กับการแข่งขัน Daytona International Speedway จึงได้เริ่มต้นขึ้น และตามมาด้วยการเปิดตัวครั้งสำคัญในปี 1963 ของนาฬิการุ่นไอคอนิก อย่าง Oyster Perpetual Cosmograph ซึ่งเพียงไม่กี่ปีให้หลัง Rolex ก็ได้เพิ่มชื่อ ‘Daytona’ ไว้บนหน้าปัดของนาฬิกาโครโนกราฟไอคอนิกที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับเหล่านักขับโดยเฉพาะ และเป็นการประกาศถึงความเชื่อมโยงกับโลกแห่งความเร็วอย่างแท้จริง
หลังจากนั้น ในปี 1968 Rolex ได้สร้างรูปแบบของสัมพันธภาพครั้งใหม่ขึ้นกับหนึ่งในบุคคลระดับตำนานสูงสุดของโลกมอเตอร์สปอร์ต ในฐานะดีกรีแชมป์ FIA Formula 1® Drivers’ World Champion ถึงสามสมัย อย่าง Sir Jackie Stewart ที่ความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขานั้นยังคงได้รับการสืบทอดและสานต่อสู่การสร้างสรรค์กิจกรรมและรูปแบบของการสนับสนุนมอเตอร์สปอร์ตใหม่ ๆ อยู่เสมอจวบจนวันนี้ โดยในการแข่งขัน Formula 1® Rolex ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2013 ที่แบรนด์ได้กลายเป็น Global Partner and Official Timepiece ของ Formula 1® ซึ่งให้การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับกีฬาประเภทนี้ รวมถึงสนับสนุนเหล่านักขับระดับตำนานอีกมากมาย เช่นเดียวกับการสนับสนุนซีรีส์การแข่งขันประจำปีอย่าง FIA Formula One World ChampionshipTM ซึ่งมีขึ้นตั้งแต่ปี 1950 นับเป็นอีกหนึ่งการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอันทรงเกียรติและท้าทายสูงสุดในโลก
The 2023 Season
สำหรับการแข่งขันฤดูกาล 2023 ของ FIA Formula One World ChampionshipTM ซึ่งจัดขึ้นทั่ว 5 ทวีป ยังคงเป็นรายการสุดท้าทายที่ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และจิตวิญญาณอันกล้าแกร่งของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทีมนักแข่ง จนถึงทีมสนับสนุนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเดินหน้าร่วมกันสู่เป้าหมายของการเป็นแข่งขันที่บรรลุ net-zero carbon footprint ซึ่งวางเป้าหมายไว้ภายในปี 2030 และเดินหน้าสู่การแข่งขันโดยการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างยั่งยืนให้ได้ 100% ภายในปี 2026
ในปี 2023 นี้ มีทีมที่ลงแข่งขันทั้งหมด 10 ทีม และเริ่มต้นการแข่งขันจากสนามแรก ณ Bahrain International Circuit นับจากวันที่ 3-5 มีนาคม ก่อนจะเดินทางไปยังสนามต่าง ๆ และมาถึง Formula 1® Singapore Airlines Singapore Grand Prix 2023 ณ Marina Bay Street Circuit เมื่อช่วงวันที่ 15-17 กันยายน ที่ผ่านมา โดยยังคงเป็นสนามแข่งแบบไนต์เรซที่เพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่สำหรับปีนี้ เพื่อเพิ่มความเร็วเฉลี่ยและทำให้สามารถแข่งขันได้ถึง 63 แลป และมี Rolex Pit Lane Clock ร่วมสนับสนุนการแสดงเวลาตลอดทั้ง 22 การแข่งขัน
สำหรับการประลองความเร็วที่ผ่านมาของ Formula 1® Singapore Airlines Singapore Grand Prix 2023 ผู้ครองชัยบนสนามนี้คือ Carlos Sainz จากทีม Ferrari ตามมาด้วยอันดับที่สองเป็นของ Lando Norris จากทีม McLaren และอันดับที่สาม Lewis Hamilton จากทีม Mercedes ซึ่งในระหว่างก่อนเริ่มต้นการแข่งขันรอบต่าง ๆ แอลเมนยังได้มีโอกาสร่วมสำรวจสนามแข่งไปจนถึงศูนย์ควบคุมและดำเนินการการแข่งขันอีกหลายแห่ง ทั้งได้เห็นการทำงานเบื้องหลังของทีมวิศวกรและทีมสนับสนุน ตลอดจนศูนย์ FIA Formula 1® Safety and Medical Cars, ห้อง FIA Race Control และศูนย์ Broadcast Centre อันล้ำสมัยที่เป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดสีสันของการแข่งขันความเร็วสุดตื่นเต้นครั้งนี้ด้วย
Meet the Legend
อีกหนึ่งโอกาสสุดพิเศษคือการได้พบและพูดคุยกับ Rolex Testimonee และตำนานแห่งมอเตอร์สปอร์ต อย่าง Sir Jackie Stewart ผู้มีส่วนเชื่อมโยงกับโลกแห่ง Rolex และ Formula 1® อย่างแน่นแฟ้นนับตั้งแต่ปี 1968 ที่นักขับดีกรีแชมป์โลก FIA Formula 1® Drivers’ World Championship ถึง 3 สมัยคนนี้ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์นาฬิกาสวิส พร้อมทั้งมีส่วนผลักดันและบุกเบิกด้านความปลอดภัยของมอเตอร์สปอร์ต แม้ว่าเขาจะเกษียณในปี 1973 แต่จวบจนวันนี้ เขาเองยังคงเดินหน้าร่วมสนับสนุนวิวัฒนาการและการพัฒนากีฬามอเตอร์สปอร์ตไปสู่จุดสูงสุดเสมอ เช่นเดียวกับการร่วมงานอย่างแข็งขันกับ Rolex ในฐานะสมาชิกของครอบครัว Testimonees มาตลอดระยะเวลา 55 ปี
Sir. Jackie Stewart ได้เล่าถึงประสบการณ์อันน่าประทับใจบนเส้นทางการแข่งขันความเร็วและความสำเร็จของเขา เช่นเดียวกับสิ่งที่เขาอยากฝากให้กับเหล่านักขับเจเนอเรชั่นต่อไป ซึ่งเขาได้พูดถึงโลกแห่งการแข่งขัน Formula 1® กับเราว่า
“ผมถือว่าผมโชคดีที่ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงในการแข่งขัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องยากมาก แต่นั่นเป็นเพราะผมมีทีมที่ดีที่สุด ทำให้ผมมีเส้นทางอาชีพการแข่งขันที่ดี Formula 1® เป็นการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการกีฬา ซึ่งในปัจจุบัน กีฬาแข่งขันความเร็วนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีบนสนามแข่งขัน การทำงานเป็นทีม ตลอดจนสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศโดยรอบสนาม ทำให้ Formula 1® เป็นกีฬาที่ดึงดูดผู้คนได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ประสบการณ์อันเป็นที่จดจำบนเส้นทางการเป็นนักแข่งของผม ผมยกให้กับ 2 เหตุการณ์ คือเหตุการณ์แรกกับการได้ลงแข่งขันวันแรกใน Formula 1® และ World ChampionshipTM กับอีกเหตุการณ์คือวันที่ผมเกษียณ ซึ่งเป็นวันที่ผมฉลองการแข่งขันครั้งที่ 100 ทว่าเป็นวันที่เพื่อนในทีมของผมเสียชีวิตในระหว่างการแข่งขัน จึงเป็นวันที่ผมมอบความเคารพให้กับเขา แม้จะเป็นช่วงเวลาที่สวยงาม แต่มอเตอร์สปอร์ตคือเรื่องราวของความเร็ว และยิ่งเร็วมากขึ้น ความเสี่ยงก็ย่อมสูงขึ้นตามมาด้วย เราจึงได้พยายามบุกเบิกด้านความปลอดภัยให้กับมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งทุกวันนี้ ทั้งค็อกพิตและสปอร์ตคาร์จึงต้องทำหน้าที่เป็นเหมือน survival kit สำหรับนักขับ จากการพัฒนาด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย
“ท่ามกลางช่วงเวลาพิเศษที่ผมมีร่วมกับ Rolex นั้น เริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่ที่ผมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Rolex ในปี 1968 และตั้งแต่นั้นมา จึงได้มีโอกาสร่วมงานกับบุคคลคุณภาพ และนาฬิกาอย่าง Cosmograph Daytona ที่เชื่อมโยงผมกับ Formula 1® อย่างเหมาะสมที่สุด ส่วนนาฬิกา Rolex ที่ผมผูกพันคือเรือนหนึ่งที่ได้รับจาก CEO ของ Rolex หลังคว้าชัยชนะครั้งแรก ซึ่งเป็นนาฬิการุ่นหายากที่มีชื่อว่า King Midas เป็นนาฬิกาที่ผมภาคภูมิใจอย่างมาก และอีกเรือนได้รับมาจากคนรู้จัก เป็นนาฬิการุ่นปี 1926 ซึ่งเป็นเรือนที่ผมใส่ติดตัวประจำและเป็นนาฬิกาที่สวยงามเสมอ
“ยังมีนาฬิกา Rolex อีกหลายเรือนที่ผมผูกพัน โดยเฉพาะนาฬิกา Cosmograph Daytona ที่ผมรักในคุณภาพ หน้าปัด และความสวยงาม นอกจากนี้ ผมยังผูกพันกับผู้คนใน Rolex ซึ่งนับเป็นบริษัทที่น่าอัศจรรย์หลังจากที่ผมได้รู้จัก เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานระดับสูงในการสร้างสรรค์ผลงาน นั่นเป็นสิ่งที่ประทับใจที่สุดสำหรับผม ส่วนความผูกพันกับโลก Formula 1® ของผมนั้นยังคงดำเนินต่อไป สำหรับผม รถยนต์คือความปลอดภัย เป็นความปลอดภัยสำหรับคนรอบตัว ครอบครัว และตัวคุณเอง ทุกวันนี้มีนักขับรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้าสู่โลก Formula 1® และพวกเขามีพลังอันเหลือล้น มีศักยภาพในการเป็นนักขับ ด้วยความกล้าหาญ และเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันก็นับเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับพวกเขา ขณะที่เรื่องความปลอดภัยนั้นยังคงเป็นหัวใจสำคัญของมอเตอร์สปอร์ตเสมอ”
Sir Jackie Stewart ยังกล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Rolex มากว่าครึ่งศตวรรษ ซึ่งมีกีฬาเพียงไม่กี่ประเภทที่จะมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับสิ่งอื่น ๆ ได้เหมือนกับ Rolex และมอเตอร์สปอร์ต จึงนับเป็นการเดินทางอันวิเศษที่มีร่วมกัน ตลอดกว่า 55 ปี Formula 1® ได้เติบโตและพัฒนาขึ้นอย่างที่เราคาดคิดไม่ถึงกันมาก่อน และในวันนี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งจุดสูงสุดของมอเตอร์สปอร์ตที่แสดงออกถึงนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และวิศวกรรมด้านความเที่ยงตรงแม่นยำในทุกระดับ”
Beyond the Race
การเข้าร่วมสนับสนุนโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ตและการแข่งขันความเร็วในอีกหลายรายการของ Rolex ถือเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในฐานะผู้ยกระดับความล้ำเลิศให้กับการรักษาความเที่ยงตรงแม่นยำ และความเป็นเลิศแห่งสมรรถนะ โดยนอกเหนือจากการเปิดตัวหลักฐานชิ้นสำคัญถึงสถานะนี้ อย่างนาฬิกา Cosmograph Daytona แล้ว Rolex ยังเป็นเสมือนบันทึกพิเศษของโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต ทั้งยังเป็นตัวแทนถึงการขับเคลื่อนอย่างไม่ลดละสู่ความเป็นเลิศตลอดจนการเดินหน้าเสาะหาความสมบูรณ์แบบอย่างไร้ขีดจำกัด