“ธรรมดาจัง” , “ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย” , “เรียบไปไหม” คำถามที่หลายคนตั้งหากดูโชว์ล่าสุดจาก Prada คอลเล็กชั่น Spring-Summer 2025 โดย Miuccia Prada และ Raf Simons แบบผ่านๆ ความตลกร้ายของคอลเล็กชั่นนี้ก็คือทั้งสองต้องการให้ทุกคนที่ชมโชว์ตั้งคำถามดังกล่าว เพราะคำว่าธรรมดาในพจนานุกรมของสองตำนานแห่งวงการแฟชั่นนั้นแยบยลและซับซ้อนกว่าที่หลายคนจะเข้าใจ คอลเล็กชั่นของ Prada ต้องใช้เวลาในการย่อยกว่าที่เราจะเข้าใจและสามารถชื่นชมงานดีไซน์อัจฉริยะนี้ได้ ดังนั้นนอกจากขบวนพาเหรดของเหล่าแอมบาสเดอร์หล่อสวยที่ตบเท้าชมโชว์อย่างคับคั่ง คอลเล็กชั่นนี้ต่างหากที่เป็นตัวไฮไลต์ของจริงขโมยซีนความหล่อสวยด้วยความฉงนว่าสิ่งที่กำลังเห็นอยู่นี้คืออะไร
ตั้งคำถาม รื้อทอน ตีความ และสร้างใหม่ คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าอิงจากชีวิตจริงในบริบทของ Prada
สิ่งแรกที่เราสังเกตเห็นจาก Prada คอลเล็กชั่น Spring-Summer 2025 คือความเรียบง่ายของภาพรวมคอลเล็กชั่นทั้งหมด เสื้อผ้ามินิมัลที่ดูผิวเผินอาจไม่มีอะไรพิเศษแต่หากสังเกตดีๆ ความเรียบง่ายนี้แฝงด้วยลูกเล่นที่ตั้งใจทำขึ้นให้ออกมาดูธรรมดา ทั้งสองตั้งคำถามจากสิ่งที่เห็นตรงหน้านั่นก็คือ ‘Reality’ เสื้อผ้าที่ผู้ชายสวมใส่จริงๆ ในยุคดิจิตัลที่หน้าจอมือถือมีบทบาทสำคัญมากๆ ความจริงไม่ได้ถูกนำมาเสนอมากพอ มิวเซียและราฟนำสิ่งที่หายไปมาขยายความในคอลเล็กชั่นนี้ ซิลูเอ็ตต์เสื้อผ้าเรียบง่ายถูกปรนนิบัติให้แฝงด้วยดีเทลที่ผ่านการคิดมาอย่างดี
หากสังเกตไอเท็มบางชิ้นถูกทำขึ้นให้เหมือนผ่านการใช้งานมาแล้ว เช่น แจ็คเกตหนังที่มีร่องรอยของสีที่เปลี่ยนไป ตะเข็บกางเกงที่รุ่ยเหมือนผ่านการเหยียบมาหลายรอบ หรือชุดสูทที่เต็มไปด้วยรอยยับ ความจริงใกล้ตัวที่ทั้งสองสังเกตและทำมาใช้เป็นดีเทลในคอลเลกชั่นนี้ จากคำกล่าวข้างต้นความธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อยของ Prada คือจุดแข็งแบบ Ugly Pretty ซิกเนเจอร์แสนฉลาดของแบรนด์ที่นำมาใช้เล่าในคอลเลกชั่นผู้ชายรอบนี้อีกครั้ง
Youth Optimism กลิ่นอายเยาว์วัยที่ไม่ต้องพยายาม
หากลองเปรียบเทียบคอลเล็กชั่นอื่นๆ ของ Prada ในช่วงที่ผ่านมา คอนเซ็ปต์ในการเล่าเรื่องที่มาพร้อมการกำหนดแต่ละลุคบนรันเวย์ค่อนข้างชัดเจน คอลเล็กชั่น Fall-Winter 2024 เล่าถึงชีวิตของคนออฟฟิศที่ถูกบิดให้ดูแปลกตา ในคอลเลกชั่นนี้กลับไม่มีแพตเทิร์นในการเล่าเรื่องเช่นนั้นแต่กลายเป็นว่ามี ‘อิสระ’ ในการแต่งตัวมากกว่า ไม่แปลกเลยคอลเลกชั่น Spring – Summer 2025 ชูความเรียบง่ายเพื่ออำนวยให้แต่ละลุคที่เราเห็นบนรันเวย์สามารถนำไปใช้แมตช์ต่อยอดข้ามลุคไปมาได้โดยไม่เสียอรรถรสในการแต่งตัว
ซิลูเอ็ตต์แบบ 90s นำมาใช้เพื่อต่อยอดภาพลักษณ์มินิมัล กางเกงเทเลอร์เอวต่ำที่แอบมีกิมมิกเข็มขัดแบบ Trompe-l’œil เสื้อสเว็ตเตอร์แบบพอดีตัวสีสดที่เข้ามาเบรกให้ความเรียบให้ดูแรงขึ้น พูดถึงเรื่องสีสดแม้ Prada จะเลือกนำเสนอความจริงแต่ไม่ลืมที่จะหยอดลูกเล่นแบบ Prada ให้คนได้ตื่นเต้น การใช้แม่สีเฉดสีสดเข้ามาในไอเท็มเรียบๆ สร้างความป๊อปโดดเด้งให้คอลเล็กชั่นนี้ไม่น่าเบื่อ ลุคชุดสูทสีเอิร์ธโทนแทรกด้วยเสื้อเชิ้ตสีสดกลิ่นอายแบบคอลเล็กชั่น Fall-Winter 2023 ที่ใช้โทนสีสดเข้ามาเบรกความขรึมของลุคดูเปรี้ยวขึ้นด้วยเอเลเมนต์เล็กน้อย
การเล่นเทคนิค Color Blocking นี้ยังไม่หมด ชุดยูนิฟอร์มถือเป็นส่วนสำคัญที่ Prada มักนำมาใช้ตีความเสมอ หากพูดถึง ‘Reality’ ยูนิฟอร์มของคนทำงานเป็นส่วนสำคัญที่ Prada มองข้ามไปไม่ได้ ซึ่งยูนิฟอร์มเหล่านี้ถูกทำขึ้นในเฉดสีสดด้วยเช่นกัน โจทย์ท้าทายที่ทั้งสองโยนให้ผู้สวมใส่ได้คิดว่าจะจัดการกับเหล่าเม็ดสีสดเหล่านี้แบบใด อย่างไรก็ตาม Prada ได้ให้ไอเดียเราคร่าวๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแมตช์แบบสุดโต่งกับเสื้อลายพิมพ์กราฟิก จาก Bernard Buffet ศิลปินคนล่าสุดที่ Prada เชิญมาร่วมงานด้วย หรือจะคุมโทนด้วยการแมตช์กับชิ้นเรียบง่ายอยู่ที่แต่ละคนจะพิจารณา
ถ้าให้เราสรุปถึงคอลเล็กชั่นล่าสุดจาก Prada เราพูดได้คำเดียวว่า ‘ฉลาด’ อย่างแรกเลยนี่ไม่ใช่วิถีของ Quiet Luxury เทรนด์การแต่งตัวเรียบโก้ที่หลายคนติดปากกัน โทนสีสดเหล่านี้ตะโกนมากกว่าเรียบง่าย คอลเล็กชั่นนี้เป็นวิถีของการแต่งตัวที่สดใหม่ คงความเป็น Prada ได้อย่างครบถ้วน การนำเทรนด์ก่อนใครจนหลายคนตั้งคำถามเป็นตัวตนของ Prada ที่ใครก็ยากจะเลียนแบบ เราเชื่อว่าปีหน้าจะได้เห็นผู้ชายหยิบเสื้อยืดสีสดมาแมตช์กับกางเกงเอวต่ำแน่ๆ