ประท้วงบานปลาย! บุกสำนักงานใหญ่ LVMH เจ้าของหลากแบรนด์ลักซ์ชัวรี่เบอร์ต้นของโลก

ข่าวการประท้วงใหญ่ในประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากการคัดค้านร่างกฎหมายปฏิรูประบบบำนาญ ขยายอายุเกษียณการทำงานจาก 62 ปี เป็น 64 ปี ที่เราเห็นผ่านสื่อต่างๆ มาตั้งแต่ต้นปีและรุนแรงขึ้นในช่วง 2 เดือนนี้ ดูท่าว่าจะบานปลายยังไม่จบง่ายๆ เพราะเมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญของฝรั่งเศสได้รับรองเพิ่มอายุเกษียณที่ 64 ปี โดยไม่รับข้อเสนอการทำประชานิยม (Référendum) ในขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายเอมานูว์แอล มาครง (Emmanuel Macron) มีความจำนงต้องการจะพบกับสหภาพแรงงาน แต่ฟากสหภาพแรงงานนั้นยืนยันว่าจะไม่พบก่อนวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ และยังปลุกระดมให้คนที่ไม่เห็นด้วยลุกขึ้นสู้ต่อไป อีกทั้งยังประกาศกร้าวให้ชาวฝรั่งเศสออกมาประท้วงใหญ่ในวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันแรงงานแห่งชาติอีกด้วย

ผู้ประท้วงบุกสำนักงานใหญ่ LVMH ที่ตั้งใจกลางกรุงปารีส

เหตุการณ์ประท้วงครั้งนี้จึงดูบานปลายและคงไม่ยุติง่ายๆ จนกว่าฝ่ายผู้มีอำนาจและสหภาพแรงงานจะได้ร่วมหารือกันอีกครั้ง โดยหนึ่งในสถานการณ์บานปลายที่ว่าคือเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน วันที่หุ้น LVMH เพิ่มขึ้น 5% มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.32 แสนล้านยูโร! หลังกลุ่มบริษัทผู้ครอบครองแบรนด์ลักซ์ชัวรี่เบอร์ต้นของโลก อาทิ Louis Vuitton, Dior, Givenchy, Celine, Bulgari, Tiffany&Co., Tag Heuer และอื่นๆ อีกมากมายรวมกว่า 70 แบรนด์ รายงานยอดขายรายไตรมาสว่าดีเกินคาด ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเดินขบวนไปยังสำนักงานใหญ่ของ LVMH เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า ‘ถ้าหากประธานาธิบดีฝรั่งเศสต้องการจะหาเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเป็นทุนสำหรับระบบบำเหน็จบำนาญละก็ ควรต้องมาที่นี่สิ!’ เพราะนายใหญ่แห่ง LVMH ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือแบร์นาร์ อาร์โน (Bernard Arnault) ชายที่เพิ่งแซงหน้าอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ไต่ขึ้นแท่น ‘มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก’ ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเพิ่งอัปเดตความมั่งคั่งสุทธิเกิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ! เป็นครั้งแรกในปีนี้

กระทรวงกิจการภายในฝรั่งเศส รายงานว่ามีประชาชนราว 380,000 ตยเข้าร่วมการประท้วงทั่วประเทศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยอยู่ในกรุงปารีสราว 42,000 คน ซึ่งลดจากการเดินขบวนประท้วงในสัปดาห์ที่แล้วที่มีผู้ร่วมประท้วงราว 570,000 คน ส่วนมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลฝรั่งเศสนำมาใช้รับมือในคราวนี้คือเพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจและสั่งเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘กลุ่มสีดำ’ ที่มักก่อเหตุรุนแรงในการประท้วง ขณะเดียวกันก็มีรายงานเหตุปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจปราบจลาจลในหลายเมืองทั่วประเทศ ทั้งที่เมืองแรนส์ (Rennes) และน็องต์ (Nantes) โดยที่กรุงปารีสขณะนี้มีผู้ประท้วงถูกจับกุมแล้ว 47 ราย และตำรวจบาดเจ็บมากไปกว่า 10 นาย … เราก็ได้แต่หวังให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายในเร็ววัน

Similar Articles

More